ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1370 ผู้ไม่ยอมแพ้เป็นมหาเทวะที่แท้จริง!
ในเสียงหัวเราะที่คลุ้มคลั่งเป็นความคับข้องและความอ้างว้างหลายส่วน
พออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เสียงหัวเราะของวานรก็ทำให้คนอดหนังศีรษะชาไม่ได้
ในจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอมีทั้งความประหลาดใจ และมีความรู้สึกไม่อยู่เหนือความคาดหมาย เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ
สภาพจิตใจที่ขัดแย้งกันสองอย่าง ถ้าหากต้องเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว เกรงว่าอย่างหลังจะมีมากกว่าเล็กน้อย
เมื่อครู่เป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึง วานรเดิมทีไม่ทราบว่าในยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่หลุดพ้นไปแล้ว มีแต่พระยูไลแห่งเขาหลิงซานที่อยู่ในช่วงปลายของยุคโบราณตอนกลางเท่านั้น
ความหมายในวาจาของวานรกำลังชี้ถึงความลับอย่างหนึ่ง
จุ่นถีเต้าหยินในยุคโบราณตอนต้น ก็คือผู้ปกครองแดนอภิรดีศูนย์กลาง ศากยมุณีพุทธเจ้า พระยูไลแห่งเขาหลิงซาน!
‘ท่านอาจารย์?!’
เสียงคำรามที่เหมือนกับสลักอยู่ในมิติเวลา ซึ่งได้ยินตอนอยู่ในโลกภายนอกมานานแล้วเสียงนั้น ขณะนี้เหมือนกับดังขึ้นข้างหูอีกรอบ
ถ้าหากบอกว่าวานรที่อยู่ที่นี่ที่แล้วมาไม่เคยก้มหัวให้ศาสนาพุทธ จึงถูกสะกดอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เคยได้รับอิสระ
เช่นนั้นคนที่เขาเรียกว่าอาจารย์ ย่อมไม่ใช่พระถังซำจ๋ำ
ตัวตนเช่นนี้มีแค่คนเดียว นั่นก็คือ พระอาจารย์โพธิในตำนาน อาจารย์ผู้ประสิทประสาทวิชาของซุนหงอคงมหาเทวะเสมอฟ้า
ตั้งแต่ยุคโบราณมาถึงยุคนี้ คำกล่าวที่แพร่หลายที่สุดในข่าวลือที่เกี่ยวกับตัวพระอาจารย์โพธิแห่งถ้ำวงจันทร์ไตรดาราในเขาองคุลีบอกว่า เขาเป็นจุ่นถีเต้าหยินซึ่งเป็นหนึ่งในสองศาสดาแห่งนิกายตะวันตกในยุคโบราณตอนต้นแปลงกายมา
หลังจากยุคโบราณตอนต้น จุ่นถีเต้าหยินก็ไม่ค่อยได้ปรากฏตัวออกมาอีก มีที่อยู่ไม่ชัดเจน
ตอนนี้คำพูดของมหาเทวะเสมอฟ้า กำลังบอกว่า จุ่นถีเต้าหยินก็คือพระอาจารย์โพธิอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขา
พระอาจารย์โพธิที่ชี้นำให้เขาศึกษามรรควิถีในตอนแรก ก็คือพระยูไลที่สะกดเขาไว้ที่นี่!
ความรู้สึกของวานรในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน
นอกจากความแค้นและความไม่ยินยอม กลับยังเจือด้วยความสิ้นหวังและอ้างว้าง
“ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงได้บอกว่าพระยูไลเป็นคนโกหก หลอกลวงเขามาแต่แรก” เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจ อารมณ์หม่นหมองไปด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอกุมมือนางเบาๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย “ผู้แพ้เป็นกษัตริย์บูรพา”
นี่บางทีอาจเป็นจุดที่ซุนหงอคงที่อยู่ตรงหน้าเจ็บปวดจริงๆ
ชาวบ้านไร้ความผิด ผิดเพราะครองหยก
เขาที่เกิดจากศิลาดินกำเนิดสามารถทำลายความอัศจรรย์ของศิลามนุษย์กำเนิด นี่เป็นคุณค่าที่เขามีมาตั้งแต่เกิด และเขาไม่มีทางปฏิเสธโชคชะตาที่ติดอยู่บนร่างเขานี้ได้
กษัตริย์บูรพาใช้ศิลามนุษย์กำเนิดวางค่ายกล ศาสนาพุทธใช้ศิลาดินกำเนิดทำลายค่ายกล
ดังนั้นจุ่นถีเต้าหยินที่กลายเป็นพระยูไลแห่งเขาหลิงซาน ได้แปลงเป็นพระอาจารย์โพธิอีกรอบ รับซุนหงอคงเป็นศิษย์ในที่ลับ
น่าเสียดายที่มหาเทวะเสมอฟ้าไม่คิดเข้าร่วมกับศาสนาพุทธ
ถึงพระอาจารย์โพธิจะเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณ แต่ถ้าคิดทำลายค่ายกล ชิงชิ้นส่วนศิลามนุษย์กำเนิด ก็บ่งบอกว่าเขาต้องต่อสู้กับเหล่าสหายสนิทของเขา และต้องฆ่าอีกฝ่ายทิ้ง
ยังไม่เอ่ยว่าตัวซุนหงอคงมีจุดยืนเอนเอียงไปทางไหน แค่เรื่องนี้เขาก็รับไม่ได้แล้ว
เรื่องเล่าส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับยุคไซอิ๋วในอดีตตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ มีความแตกต่างจากนิยายในความทรงจำของตนอยู่ไม่น้อย
สิ่งที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดก็คือ จอมปีศาจตนอื่นๆ ที่เป็นเจ็ดมหาเทวะเหมือนกันตายด้วยกระบองของซุนเห้งเจีย!
ราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้ายังรอดอยู่ ก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวแล้ว
มหาเทวะเสมอฟ้าถูกสะกดไว้ที่นี่ ตัดขาดจากโลก ทราบเรื่องด้านนอกอย่างจำกัด ทว่าขอแค่คิดถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นบนเส้นทางไปอัญเชิญพระคัมภีร์ที่ชมพูทวีป ก็ทำให้เขาทั้งร้อนรนทั้งโมโห ขุ่นแค้นแทบคลั่งได้แล้ว
จากนั้นสิ่งที่โชคร้ายก็คือ การคาดเดาของเขาส่วนใหญ่เป็นจริงแล้ว
มหาเทวะเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งที่เคยกางค่ายกลถึงแม้ไม่ได้บาดเจ็บล้มตายหมดสิ้น กลับประสบภัยพิบัติเป็นส่วนใหญ่
ตามการคาดเดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ศิลาดินกำเนิดที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์บูรพาย่อมต้องให้ความสำคัญ
น่าเสียดายสุดท้ายเป็นพระยูไลร้ายกาจกว่า
พอกษัตริย์บูรพาพ่ายแพ้ เผ่าพันธุ์โบราณที่เหลือนอกจากเผ่ามนุษย์ก็พ่ายแพ้จนเจ็บปวดไปถึงทรวงใน
แดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลางรุ่งเรืองเพราะสาเหตุนี้ ศาสนาพุทธยิ่งใหญ่ขึ้น สุดท้ายพระยูไลหลุดพ้นสำเร็จ ได้รับชัยชนะอย่างหมดจด
โชคดีที่กษัตริย์บูรพามีความแน่วแน่ เป็นนักรบหาญตัดข้อมือทิ้ง บัญชาเผ่าพันธุ์ต่างๆ ถอยเข้าไปในเขาดาราทะเลดวงดาว ไม่ปรากฏตัวออกมาอีก
หลังจากรักษาตัวอยู่หลายปี ในที่สุดเผ่าปีศาจก็ค่อยๆ ฟื้นฟูพลังชีวิตกลับมา หลายปีมานี้จึงปรากฏตัวขึ้นใหม่ ต้องการต่อสู้อีกครั้ง
เพียงเสียดายที่มหาเทวะเสมอฟ้าปัจจุบันยังคงถูกสะกดไว้ที่นี่
“มหาเทวะได้โปรดใจเย็นๆ ก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างถอนใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาหาวิธีปลอบประโลมซุนหงอคงไม่ออกจริงๆ
ประสบการณ์เช่นนี้ หากบอกว่าเข้าใจดี นั่นก็ออกจะเสแสร้งเกินไป
“ความแข็งแกร่งของตราผนึกในที่แห่งนี้สุดที่พวกเราจะทำลายได้” เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญเล็กน้อย เอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น ให้ข้าหาวิธีแจ้งสถานการณ์ของท่านต่อใต้เท้ากษัตริย์บูรพาดีหรือไม่?”
แม้จะกล่าวเช่นนนี้ แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรยากจะบอก
กษัตริย์บูรพารู้หรือไม่ว่ามหาเทวะเสมอฟ้ายังคงถูกสะกดอยู่ที่นี่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่แน่ใจ
ถ้าให้เขาทาย น่าจะทราบ
แต่แม้ทราบ จะปล่อยวานรออกมาหรือไม่ ยังเป็นปริศนา
เป็นเพราะว่าตราผนึกของที่นี่เป็นพระยูไลที่ได้หลุดพ้นไปแล้วเหลือไว้
ในอดีตถึงจะเป็นศัตรู แต่เมื่อพระยูไลหลุดพ้นไปแล้ว เช่นนั้นก็ได้แต่ปล่อยผ่านเรื่องราว เกรงว่าไม่มีใครต้องการตอแยให้พระองค์ปรากฏตัวขึ้นอีก
การยกได้วางได้ การอยู่กับปัจจุบันเฝ้าคาดหวังกับอนาคตจึงเป็นวิถีที่ถูกต้อง
คู่ต่อสู้ในปัจจุบันเป็นคนอื่นแล้ว
เหมือนกับท่าทีที่ทุกคนมีต่อไท่ซ่างเหล่าจวินในตอนนี้
ถึงแม้ไท่ซ่างเหล่าจวินจะยากคาดเดาถึงความคิด เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะสะบัดมือไม่สนใจ คล้ายกับสถานการณ์ในตอนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
แต่ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ หรือแน่ใจแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าอันตราย ไม่อย่างนั้นไม่มีผู้ใดเข่นฆ่าผู้สืบทอดสำนักเต๋าทั้งหมดหมดสิ้น อย่างมากก็แค่ปราบปรามกดดันเอาไว้
ครั้งกระโน้นวังเทพประสบภัยพิบัติในวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ผู้สืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์สายหลักพบเจอความยากลำบาก จะว่าไปตอนแรกสุดก็มาจากความวุ่นวายภายในสำนักเต๋าเอง
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะสงสัยอยู่ลึกๆ ว่า ความวุ่นวายภายในนี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะถูกคนยั่วยุ เบื้องหลังยืนไว้ด้วยเงาของขุมกำลังใหญ่แต่ละแห่ง ทว่าสุดท้ายยังรักษาระยะห่างชั้นหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนร่วมมือกันทำลายสำนักเต๋าโดยตรง
ดูเหมือนเปลืองความคิด แต่พูดถึงที่สุดเป็นเพราะกริ่งเกรงบรมครูสามพิสุทธิ์ที่หลุดพ้นไปแล้ว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ไท่ซ่างเหล่าจวินยังอยู่ที่นี่
เพียงแต่ความคิดของเหล่าจวินยากจะคาดเดาเกินไปเท่านั้น
ฉันใดฉันนั้น ผู้ใดก็ไม่ทราบว่าเมื่อปล่อยมหาเทวะเสมอฟ้าไป จะสะกิดโทสะของพระยูไลที่หลุดพ้นไปแล้วหรือไม่
“ไม่ต้อง” วานรตาเป็นประกาย “ผ่านมาหลายปี ข้าเหล่าซุนมีแผนการของตัวเอง เพียงแต่มีความลำบากอยู่บ้าง”
“ถ้าเด็กน้อยเจ้าอยากช่วยข้าเหล่าซุนจริงๆ ขอแค่ตามหาผู้ช่วยให้ข้าก็พอ”
“เป็นพวกเจ้าเด็กน้อยเพียงสองคนไม่ได้ ต้องเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับข้า ถ้าหากเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเจ้า เช่นนั้นในร่างต้องมีวิญญาณดินโบ่วกี้ ค่อยทำสำเร็จ”
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็เลิกคิ้วขึ้น
ซุนหวอคงฉลาดเฉลียวขนาดไหน เห็นดังนั้นก็หัวเราะร่า “คิดว่าข้าคิดหาผีตายแทนหรือ? นั่นออกจะดูถูกข้าเหล่าซุนเกินไปแล้ว”
“ขอมหาเทวะชี้แจง” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ
“ข้าเหล่าซุนต้องยืมร่างกายของพวกเขาจริงๆ แต่ไม่ใช่ต้องการให้พวกเขารับเคราะห์แทนข้า กลับต้องการส่งวาสนาที่ยิ่งใหญ่ส่วนหนึ่งแก่พวกเขา” ซุนหงอคนตาลุกโชนด้วยเปลวเพลิง “ข้าจะสละพลังฝึกปรือของตัวเอง มอบให้แก่พวกเขา!”
“เมื่อพวกเขาได้รับโชควาสนา ข้าก็จะเป็นอิสระ!”
มหาเทวะเสมอฟ้าเงยหน้ามองฟากฟ้า “เฒ่ายูไลเคยสั่งสอนข้า วันนี้ข้าจะสละซึ่งทุกสิ่งที่เรียนจากเขาแล้ว!”
“การสลายพลังเริ่มใหม่แต่แรก ข้าไม่เกรงกลัว ไม่ว่าจะเป็นพันปี หมื่นปี แสนปี ล้านปีก็ตามที!”
“ข้าจะต้องหลุดพ้นไปหาอาจารย์ พูดคุยกับเขาให้ได้!”
………………..