ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1371 การไหว้วานของหงอคง
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วนล้วนต้องการหลุดพ้น พวกเราเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในอดีตไม่ว่าเป็นเป้าหมายใดล้วนไม่สำคัญ ทว่าวันนี้ข้าต้องการหลุดพ้น ไม่ใช่เพราะเหตุอื่น ไม่ใช่อยู่ที่การหลุดพ้น แต่เพื่อตามหาเฒ่ายูไล มาพูดเหตุผลกันสักครั้ง!
ไม่ว่าเป็นเพราะยึดมั่นถือมั่นก็ดี หรือเพราะโมโหโกรธาก็ดี
ไม่ว่าผู้อื่นจะต่อว่าข้าอย่างไร ชีวิตนี้ก็ขอใช้ให้สุขสม!
เปลวเพลิงในดวงตาของวานรเหมือนกับพวยพุ่งออกมา กอปรเป็นสภาวะเผาไหม้ฟ้า
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองมหาเทวะเสมอฟ้าตรงหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
สลายพลังฝึกฝน เริ่มใหม่แต่ต้น
พูดไปรวบรัด แต่ความยากลำบากภายในยากจะบอกกล่าว
นั่นไม่ใช่การฝึกฝนแค่พันปี หมื่นปี หรือเวลาที่มากกว่านั้น ขณะเดียวกันยังหมายความว่าทุกอย่างเปลี่ยนเป็นไม่แน่นอน
แม้ซุนหงอคงเกิดจากศิลาดินกำเนิด กระนั้นผู้ใดจะรับประกันได้ว่าเขาจะสำเร็จร่างสวรรค์มหาชาลเช่นทุกวันนี้ได้อีกครั้งแน่นอน?
ผู้ใดจะรับประกันได้ว่าเขามีความหวังในการหลุดพ้นแน่นอน?
หากสมมติอย่างสุดโต่ง การเสียชีวิตลงกลางคันเพราะประสบกับภัยพิบัติฟ้าหรือภัยจากผู้คน ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้
กระนั้นวานรตรงหน้ากลับคล้ายไม่ลังเลแม้แต่น้อย
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ยังดีกว่าถูกสะกดไว้ที่นี่ไม่ได้รับการปลดปล่อย!
“ไม่มีอิสระยินยอมตาย สู้ฟ้าสู้ดิน ไม่เกรงกลัวสิ่งใด…” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ มองมหาเทวะเสมอฟ้า “ข้าจะช่วยหาตัวเลือกที่เหาะสมให้แก่มหาเทวะท่าน”
มหาเทวะเสมอมองเขา เนิ่นนานให้หลังค่อยเอ่ย “เด็กน้อยเจ้าไม่กลัวสะกิดโทสะของเฒ่ายูไลหรือ? ถึงท่านจะหลุดพ้นแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีโอกาสกลับมา”
“กล่าวแบบนี้ก็ไม่ผิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องยั่วโมโหพระยูไล” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “กล่วอย่างตรงไปตรงมา ถ้าหากว่าต้องยั่วโมโหพระยูไล ข้าก็จำเป็นต้องคิดดูจริงๆ”
“ไม่ใช่เพราะข้ากลัว แต่เพราะข้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่อาจทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้” เขาหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “ข้ามีครอบครัว มีสหาย มีศิษย์ร่วมสำนัก ต้องคิดเผื่อพวกเขาด้วย”
“หากว่าข้าไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างมหาเทวะท่าน แม้ว่าจะสะกิดความโกรธของพระยูไลเข้าจริงๆ ข้าก็ยังต้องทำเรื่องบางเรื่อง”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสงบนิ่ง “คนเรามักมุ่งหาผลประโยชน์หลีกเลี่ยงสิ่งเลวร้าย ข้าเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ว่าไม่ใช่จำเป็นต้องดูผลได้ผลเสียในทุกเรื่องราวจึงค่อยกระทำ”
“บางครั้งข้าก็เอาแต่ใจยิ่ง ที่ต้องการคือความสาแก่ใจ!”
วานรมองเขาสักพักใหญ่ๆ ค่อยเอ่ยถาม “พวกเจ้าเด็กน้อยทั้งสองตามหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”
“ความจริงได้รับการไหว้วานมา” เยี่ยนจ้าวเกอตากลายเป็นเคร่งขรึมอยู่บ้าง ตอบตามความจริง “ผู้ไหว้วานเพียงบอกว่าที่นี่สะกดตัวตนบางอย่างเอาไว้ วานให้ข้ามาตรวจสอบว่าเป็นใคร กลับไม่คิดว่าเป็นมหาเทวะท่าน”
วานรถามต่อ “ได้รับการไหว้วานจากผู้คน?”
เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ หนึ่งในสี่เทวราชของสำนักเต๋า”
“เซียนหนานจี๋เฒ่าชราผู้นั้น…” มหาเทวะเสมอฟ้าเงยหน้าเล็กน้อย ขบคิดอย่างเหม่อลอยอยู่ชั่วขณะ
ครู่ต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนของเขา “ไม่ว่าเด็กน้อยเจ้าจะมีเจตนาดีหรือร้าย ขอให้เจ้าช่วยข้าสักครั้ง ข้าเหล่าซุนจะขอบคุณเจ้า”
“กลับไม่ทราบว่าคนที่มหาเทวะเสมอฟ้าท่านต้องการตามหา มีการกำหนดพลังฝึกปรือสูงต่ำหรือไม่? และมีเงื่อนไขด้านจำนวนไหม?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
มหาเทวะเสมอฟ้าโบกมือ “ระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง จำนวนย่อมยิ่งน้อย อย่างเด็กหญิงข้างเจ้า ถ้าหากว่ามีขีดความสามารถและระดับเท่านาง แค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว”
ในทางกลับกันก็คือ ถ้าระดับพลังฝึกปรือต่ำ ก็จำเป็นต้องให้คนมารับภาระพร้อมกันมากกว่าเดิม
“ได้ ข้าจำไว้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
วานรถามอีกว่า “เมื่อครู่เด็กน้อยผู้นั้นเล่าเรื่องราว เพียงเล่าถึงตอนที่เฒ่ายูไลหลุดพ้น ภายหลังเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว “หลายเรื่องยิ่ง ไม่อาจเล่าสั้นๆ ได้”
เขาเลือกเล่าเรื่องราวที่สำคัญหลังยุคโบราณตอนกลาง และก่อนหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในยุคใหม่ วานรยิ่งฟัง ดวงตายิ่งเบิกถลน
“ฮ่าๆๆ เฒ่ายูไลแม้หลุดพ้น แต่ศาสนาของเขาก็ล้มเหลวแล้ว!” มหาเทวะเสมอฟ้าหัวเราะฮ่าๆ “อามิตาภะเดิมทีขอแค่เดินบนเส้นทางของเฒ่ายูไลก็ใช้ได้แล้ว แต่จะต้องถูกคนเล่นงาน ปิดกั้นเส้นทางมหามรรคาก่อนหน้า จึงถูกกดดันให้เปลี่ยนไปเดินบนเส้นทางอื่น ศาสนาของเฒ่ายูไลตกระกำลำบากโดยสิ้นเชิงแล้ว!”
“ขอข้าคิดดูก่อน ผู้ที่ขัดแย้งกับอามิตาภะพุทธเจ้า และทำลายเส้นทางดั้งเดิมของอามิตาภะ เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเป็นเฒ่าทีปังกรแล้ว”
มหาเทวะเสมอฟ้าหัวเราะอย่างเย็นชาพลางเอ่ยว่า “หลังจากตัวใช้การไม่ได้นั่นไป ได้ทำลายชีวิตของคนบนเส้นทางเดียวกันมากมาย ชิ้นส่วนศิลามนุษย์กำเนิดคงจะตกเป็นของแดนสุขาวดีอภิรดีเสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนเฒ่ายูไลหลุดพ้น สมควรส่งต่อให้อามิตาภะ ปัจจุบันกลับกลายเป็นพื้นฐานของเมตไตรย”
“ปัจจุบันแสงพุทธพลังศรัทธาของแดนสุขาวดีบัวขาวรวมตัวกัน บ่อเกิดอยู่ที่ศิลามนุษย์กำเนิดหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอกระจ่างแจ้ง ครุ่นคิดต่อ “แต่ว่าตอนนี้แดนสุขาวดีบัวขาวเป็นพวกเดียวกันกับเผ่าปีศาจ บนมือเผ่าปีศาจอาจจะยังเหลือชิ้นส่วนศิลามนุษย์กำเนิดอยู่ส่วนหนึ่ง…”
หลังจากได้ยินถึงการดำรงอยู่ของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ วานรก็เขี่ยขนที่หลังใบหู “คนผู้นี้มาจากไหน? ถึงกับมีศิลาฟ้ากำเนิด? แต่ว่ามีไม่กี่คนที่น่าสงสัยที่สุด หนีไม่พ้นหนึ่งในพวกเขา”
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าการมาภูเขาเบญจคีรีในครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ
ได้รับความลับจากการสนทนากับมหาเทวะเสมอฟ้าตรงหน้าไม่น้อย
เขารู้สึกว่า หมอกปริศนาที่กั้นตนกับประวัติศาสตร์กำลังจางลง
แน่นอนว่า ถึงแม้ถ้อยคำของซุนหงอคงจะไม่มีคำโกหก แต่ก็มีแต่สิ่งที่ตัวเขาทราบ ไม่แน่ว่าจะเป็นความจริงของประวัติศาสตร์
ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ ถือว่าล้ำค่ามากๆ แล้ว
เป็นเพราะเขาสามารถใช้ข้อมูลจำนวนมากที่ตนเองมีอยู่มาเทียบเคียงพิสูจน์ได้
เบาะแสข้อมูลจำนวนมากที่เคยกระจัดกระจาย หรือดูเหมือนไม่มีประโยชน์ ปัจจุบันเริ่มส่องแสง
“ท่านมหาเทวะ ข้ากับภรรยาของบอกลาเพียงเท่านี้ ได้โปรดรักษาตัว”
เวลาที่หยุดอยู่ใต้เขาเบญจคีรีไม่สั้นแล้ว ต่อให้ด้านนอกมีคนของแดนสุขาวดีตะวันตกพัวพัน นี่ก็เลยเวลาหนึ่งชั่วยามมานานแล้ว
พวกตนสองคนคิดออกไป จำเป็นต้องใช้เวลาเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอจึงบอกลาเพียงเท่านี้
“ผ่านมาหลายปี พวกเจ้าเด็กน้อยทั้งสองอุตส่าห์เข้ามาพูดคุยกับข้า พวกเจ้าพอไป ข้าคงเศร้าใจอีกแล้ว” วานรจับหูเกาคาง “ไปเถอะๆ รีบไปรีบมา”
เยี่ยนจ้าวเกอตบศีรษะ “จริงด้วย ด้านนอกนอกจากยุทธวิชัยพุทธะแล้ว ยังมีราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้า มหาเทวะท่านต้องการให้ข้าติดต่อกับเขา บอกเล่าสถานการณ์ของท่านให้เขาฟังหรือไม่?”
พอฟังชื่อของยุทธวิชัยพุทธะ มหาเทวะเสมอฟ้าตรงหน้าในดวงตามีแสงเพลิงอันอำมหิตเคียดแค้นพวยพุ่งขึ้นมาอีก
สำหรับเขาแล้ว พระพุทธเจ้าองค์นั้นเหมือนกับแผลเป็นเก่า และความอัปยศตลอดการ
ทว่าหลังจากได้ยินชื่อของราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้า แสงเพลิงในสองตาของเขาก็หายไป ถอนใจครั้งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ได้ยินตำนานไซอิ๋วมากมายซึ่งเฟิงอวิ๋นเซิงถ่ายทอดให้ฟัง ก็ได้พูดถึงเรื่องครอบครัวราชาปีศาจกระทิงคร่าวๆ
“ไม่ต้องๆ!” มหาเทวะเสมอฟ้าส่งเสียงร้องติดต่อกันอย่างหงุดงิด “ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าไปพบเขา ถ้าบอกเขา คงยึดถือว่าข้าเหล่าซุนแต่งเรื่องหลอกลวง”
วานรขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าสังหารตัวไร้ประโยชน์นั่นได้เมื่อใด จะไปพบเขาต่อหน้า และบอกเล่าทุกอย่างกับเหล่าพี่น้องเมื่อก่อนหน้าเอง”
“ได้ ข้าจะไม่บอก” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ จากนั้นก็ปั้นสีหน้าจริงจัง เอ่ย “มหาเทวะรักษาตัว ข้าสามีภรรยาขอลาแล้ว”
มหาเทวะเสมอฟ้าโดดไปถึงบนเขา ป้องตามองไกล ใช้สายตาส่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอออกไป
“ดวงตาคู่นี้ของเราสมควรมองไม่ผิดกระมัง?” เขาพึมพำกับตัวเอง
………………..