ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1378 ชิ้นส่วนตราพลิกฟ้า
กลุ่มแสงลอยไปถึงตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ในการครอบคลุมของแสงสว่าง เศษหินที่มีรูปร่างไม่ชัดเจนก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง
เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อมมือไปรับมา พลันรู้สึกใจกลางฝ่ามือหนักอึ้ง
เขาฝึกฝนวรยุทธ์อย่างคัมภีร์พลิกฟ้า เดิมทีมีพละกำลังมาก ขีดความสามารถและพลังฝึกปรือในปัจจุบันสามารถยกขุนเขาลำน้ำได้ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ
เพียงแต่ว่าเมื่อเศษหินที่ดูธรรมดา มีหลายเหลี่ยมหลายมุมก้อนนั้นเข้ามาอยู่ในมือ เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับรู้สึกกินแรงอยู่หลายส่วน
กระนั้นในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ในเศษหินแฝงความรู้สึกที่ผสานแนบกับจิตวรยุทธ์ทั้งหมดของตัวเองหลายส่วน
มาจากแหล่งเดียวกันกับคัมภีร์พลิกฟ้า และมีความลึกล้ำดื่มด่ำสุดขีดบางอย่าง
เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนคัมภีร์พลิกฟ้า ในตอนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ความเข้าใจที่เขามีต่อคัมภีร์พลิกฟ้า ก็อยู่ในระดับที่เหนือกว่าเซียนจริงแท้คนอื่นๆ แล้ว
ดังนั้นพอเศษหินก้อนนี้เข้ามาอยู่ในมือ ความรู้สึกของเขาจึงลึกซึ้งเป็นพิเศษ
เวลานี้ เขาเหมือนกับหัวสมองว่างเปล่า ความนึกคิดย้อนสายธารแห่งกาลเวลา ไม่เพียงมาอยู่ต่อหน้าวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ได้สัมผัสกับมหาจักรวาลที่เคยกว้างใหญ่ ขณะเดียวกันยังย้อนไปในอดีตที่เก่าแก่กว่า
ข้ามผ่านยุคโบราณตอนกลาง ถึงขั้นข้ามผ่านยุคโบราณตอนต้น ไปถึงยุคสมัยบุพกาลที่ยังรกร้างเปล่าเปลี่ยว
“ว่ากันว่าตราพลิกฟ้าถูกหลอมสร้างขึ้นโดยชั้นหินจากเขาเทพค้ำฟ้าหลังจากที่ยอดเขาของมันได้หักลงมาในยุคสมัยบุพกาลเป็นวัตถุดิบหลัก ไม่ใช่คำโกหกจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ หลังจากหายใจ ร่างกายเหมือนกับสั่นไหวเล็กน้อย
เกาหานเห็นดังนั้นก็ปรบมือถอนใจชมเชย “พรสวรรค์และความสามารถในการทำความเข้าใจที่สูงส่งนัก เพียงแค่แตะเศษชิ้นส่วนของตราพลิกฟ้า ความเข้าใจที่มีต่อคัมภีร์พลิกฟ้าก็เหมือนกับไม้ไผ่ร้อยปล้องยาวขึ้นอีกปล้อง หลังจากอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยจะมีค่ามหาศาล ท่านสามารถผ่อนคลายได้ขนาดนี้ เป็นที่เห็นได้ว่าการสั่งสมเมื่อก่อนหน้าเต็มเปี่ยมถึงขีดสุด ขาดโอกาเพียงเล็กน้อยก็สามารถแทงทะลุหน้าต่างกระดาษได้แล้ว”
วันนี้เมื่อโอกาสเป็นใจ จึงสำเร็จในคราวเดียว
“ราชันพระอาทิตย์ชมเกินไปแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกออยู่ต่อหน้าเกาหานไม่ได้หลบเลี่ยง การสั่นของร่างหยุดลงในพริบตา กลับคืนสู่ภาวะปกติ จากนั้นก็เก็บเศษหินชิ้นนั้น
เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นท่าทางของเขาด้านข้าง ก็ทราบแล้วว่า เศษหินก้อนนั้นไม่ใช่ของปลอม เป็นเศษชิ้นส่วนของตราพลิกฟ้านั่นเอง
ในฐานะศิษย์กว่างเฉิง นางย่อมเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเศษชิ้นส่วนของตราพลิกฟ้าชิ้นนี้มาก่อน ทราบว่านี่เป็นของวิเศษที่บูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักของเขากว่างเฉิงในโลกแปดพิภพได้รับมา
มรรคายุทธ์ของเขากว่างเฉิงบนโลกแปดพิภพมีต้นกำเนิดส่วนหนึ่งที่มาจากเศษตราพลิกฟ้าชิ้นนี้
ตอนนั้น ในโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ระดับพลังฝึกปรือของจอมยุทธ์อย่างมากสุดไม่เกิดระดับรวมรูป
เศษชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าชิ้นนี้เป็นของวิเศษงำประกาย คนยิ่งมีพลังฝึกปรือสูงเท่าไร ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาที่อยู่ด้านใน หากพลังฝึกปรือไม่พอ สิ่งที่จะได้มาก็มีค่อนข้างจำกัด
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ของวิเศษชิ้นนี้ก็ยังทำให้เขากว่างเฉิงได้รับประโยชน์มหาศาล ทำให้สำนักโดดเด่นขึ้นมาและส่องประกายในประวัตศาสตร์บนโลกแปดพิภพ
เพียงแต่ให้หลัง ของวิเศษชิ้นนี้ได้หายไป
ดูจากตอนนี้ เป็นเกาหานที่ได้ลงไปยังโลกแปดพิภพถือโอกาสล้อมคอกก่อนวัวหาย
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับวารีสามแสง ถ้าราชันพระอาทิตย์มีข่าวที่แม่นยำ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ยินดีลองดู กลับไม่ทราบว่าพวกเราจะช่วยงานท่านได้หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากเก็บเศษตราพลิกฟ้า ก็หันไปพูดกับเกาหาน
เกาหานยิ้มเล็กน้อย “มีพวกท่านสามีภรรยาร่วมทาง เรื่องราวย่อมง่ายดายขึ้นขึ้นครึ่งหนึ่ง”
“ราชันพระอาทิตย์เกรงใจแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าผู้แซ่เยี่ยนขอติดต่อกับทางฟ้าเหนือฟ้า บอกเล่าเรื่องราวทางเขาเบญจคีรีในแดนขวางกั้นของแดนสุขาวดีบัวขาวให้แก่ผู้อาวุโสในสำนักฟังก่อน รบกวนราชันพระอาทิตย์รอสักครู่”
เกาหานผายมือ “สมควรแล้ว ข้าผู้แซ่เกาก็ต้องการรายงานสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋เช่นกัน”
หลังจากต่างฝ่ายจัดการงานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ติดตามเกาหานไปยังส่วนลึกของมิติไร้สิ้นสุด
สองฝ่ายร่วมทาง ระหว่างทางย่อมมีการหยั่งเชิงกันและกันตลอดเวลา
การป้องกันเกาหานของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ต้องพูดถึง ทางเกาหานก็ปากแข็งมากเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอยากจะสืบได้สิ่งที่มีค่า
กระนั้น สถานการณ์ล่าสุดของสงครามระหว่างแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนสองเส้นทางนอกรีตที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน เกาหานกลับยินดีบอกพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
“เมื่อเป็นแบบนี้ โถงเซียนก็มีเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลคนหนึ่งเกือบเสียชีวิตแล้ว?” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยความสนใจ
“มิผิด” เกาหานตอบ “ยอดฝีมือระดับมหาชาลและระดับสุญญตาของพวกเขาในตอนนี้มีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในเส้นทางนอกรีต เซียนจริงแท้กับกับเซียนลี้ลับสามารถชดเชยได้ง่ายๆ แต่ถ้าสูงขึ้นไปก็ลำบากเช่นกัน”
“แน่นอนว่าหากดูผลลัพธ์ด้านจำนวน ยังง่ายกว่าพวกเรา”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “แดนเซียนสามพันเสียไปแปดร้อย โลกนับหมื่นนับพันต่างถูกแดนสุขาวดีบัวขาวยึดรอง แต่ว่าพอสถานที่ที่โถงเซียนต้องเฝ้ารักษาเสียไปส่วนหนึ่งเพราะสาเหตุนี้ กลับทำให้คนของพวกเขาไม่ถึงกับขาดแคลนขนาดนั้น นับว่าใช้พื้นที่แลกเปลี่ยนเวลา ช่วงชิงโอกาสต่อลมหายใจ ในนี้เกรงว่าจะมีบางสถานที่ถูกละทิ้งในด้านกลยุทธ์”
“เหตุผลเป็นเช่นนี้มิผิด แต่ว่าคิดจะชิงกลับมากลับยากเย็นยิ่งแล้ว” เกาหานหัวเราะคำหนึ่ง “แดนเซียนทั้งแปดร้อยบรรจุโลกน้อยใหญ่ไว้มากกว่าหมื่นใบ ประชรกรคำนวณด้วยหลักพันล้านหรือหมื่นล้าน เหล่านี้ล้วนเป็นต้นกำเนิดพลังศรัทธาอันสำคัญที่สุดของเส้นทางนอกรีต”
“พวกเขาสามารถลองนำประชากรย้ายไปยังสถานที่อื่น แต่ว่าของวิเศษและทรัพยาการกลับยากจะย้ายได้ในทันที”
“ต่อให้พวกเขาไม่ทิ้งประชากรให้แก่แดนสุขาวดีบัวขาว แต่ว่าหากประชากรของแปดร้อยแดนเซียนทะลักเข้าไปในโลกจำนวนมากที่อยู่ในแดนเซียนอีกสองพันสองร้อยที่เหลืออยู่ การบรรจุยังเป็นปัญหาใหญ่ แค่การจัดวางก็ทำให้พวกเขาเหลือรับแล้ว”
เกาหานกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ปัจจุบันผ่านไปยี่สิบปี ความปั่นป่วนในตอนแรกสุดคงสงบลงแล้ว ความปรารถนาที่จะกลับไปยังที่อยู่เดิมและแก้แค้นยิ่งมายิ่งรุนแรง พอได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือระดับสูงของโถงเซียน จะผนึกพลังศรัทธาที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้”
“แต่ว่าต้องทำให้สำเร็จในคราเดียว หากอ่อนโทรมลงอีก ไม่อาจชิงที่อยู่เดิมกลับมาได้ ต่อให้ประชากรที่อพยพเหล่านี้ศรัทธาในโถงเซียนมากกว่าเดิม ก็ต้องหวั่นไหว และไม่พอใจ เกิดการตั้งคำถาม หลังสั่งสมถึงระดับหนึ่ง ความโกรธต่อภายนอกไม่ได้รับการระบาย ความขัดแย้งสมควรเกิดขึ้นภายในแล้ว”
เปลี่ยนเป็นที่อื่น จิตใจคนไม่มั่นคงยังพอว่า
ทว่าโลกที่เส้นทางนอกรีตสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีบัวขาว ถ้าหากไม่ได้ใจคน นั่นย่อมเป็นภัยพิบัติที่โยกคลอนถึงรากฐาน
ถ้าหากว่าผลกระทบน้อย ประชากรน้อยยังพอว่า กระนั้นครั้งนี้โถงเซียนเสียท่าครั้งใหญ่ หากภายในเกิดการสะท้อนขึ้น ย่อมไม่อาจดูแคลนได้
ถ้าหากว่าสามารถชำระล้างจิตใจคน เพิ่มประสิทธิผลอย่างต่อเนื่อง ยังมีโอกาสต้านทานสภาวะเสื่อมโทรม
ทว่าแดนสุขาวดีบัวขาวไม่คิดมอบโอกาสต่อลมหายใจแก่โถงเซียน สภาวะโจมตีไม่เคยขาดตอน ทำให้โถงเซียนที่ต่อต้านศัตรูภายนอกด้วยความเหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว ยากจะรวมรวมสมาธิจัดการปัญหาภายใน
“ไม่เพียงแต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ และยอดฝีมือของโถงเซียนเท่านั้น ตั้งแต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขเป็นต้นมา ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพลังศรัทธาได้” เยี่ยนจ้าวเกอปรบมมือเบาๆ “พลังศรัทธาถดถอย ยอดฝีมือระดับสูงของโถงเซียนไม่ถึงกับระดับตกลง แต่จะมากจะน้อยคงมีผลกระทบอยู่ คิดจะชดเชยยอดฝีมือระดับสูงที่ตายไปก็ยากกว่าเดิมแล้ว”
………………..