ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1381 เกาหานผู้ก่อเรื่อง
“…เทวกษัตริย์น้อย?” เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากกระตุก ‘ไฉนที่แล้วมาข้าจึงไม่ทราบว่า ข้ามีฉายาเช่นนี้อยู่?’
ฉายาของจอมยุทธ์ระดับเซียนส่วนใหญ่มีความพิถีพิถัน
ไม่เคยมีฉายาจักรพรรรดิของเซียนจริงแท้คนใดเรียกว่าจักรพรรดิเซียน ไม่มีฉายากษัตริย์ของเซียนลี้ลับคนใดเรียกว่ากษัตริย์เซียน
ไม่อย่างนั้นจะให้เหล่าเซียนกำเนิดกับเซียนสวรรค์ที่อยู่ในระดับสูงกว่ายึดถืออย่างไร?
หากตั้งฉายายิ่งใหญ่ ย่อมดึงดูดให้คนอื่นๆ มาวัดระดับที่แท้จริงของคนผู้นั้น หากมีความสามารถทำให้คนที่ไม่พอใจทั้งหมดคว้าน้ำเหลวกลับไป เช่นนั้นย่อมได้รับการชมเชยจากผู้คน
ถ้าไม่เช่นนั้น ต่อให้ถูกคนฆ่าตาย ก็ไม่มีคนช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้
เหมือนกับที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ ไม่มีทางตั้งฉายาว่า ‘ประมุขสวรรค์’ ไม่อย่างนั้นจะต้องถูกเทวกษัตริย์ทั้งหมดของทุกฝ่ายในตอนนี้จับตามอง
อย่างน้อยสุดฉายาที่เกือบฝ่าฝืนเช่น ‘ประมุขเก้าสวรรค์’ ของเฮ่อเหมี่ยน เหล่าเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลกลับใช่ว่าจะเอาเรื่องจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
ตามปกติแล้ว ความเป็นมาของฉายา ตัวเองจะเป็นคนตั้ง จากนั้นได้รับความเห็นชอบจากคนอื่นๆ ค่อยๆ แล้วค่อยๆ กระจายออกไป
และก็มีคนอื่นตั้ง ส่วนตัวเองรับไว้ จากนั้นได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมาก จากนั้นค่อยกระจาย
เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนได้ไม่นาน เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องฉายาจักรพรรดิ
ในฐานะคนที่ชอบโอ้อวด เขาย่อมต้องพิจารณาให้ดี
ทว่าฉายามนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ กับฉายาประมุขสูงสุด ไม่เหมาะจะใช้อีกแล้วจริงๆ
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า เกาหานถึงกับตั้งฉายา ‘เทวกษัตริย์น้อย’ ให้แก่เขา
คำว่า ‘น้อย’ นี้ ยึดตามความเคยชินทั่วไป หากเติมอยู่ในชื่อของคน จะมีความหมายเท่ากับ ‘เล็ก’ แต่ก็แสดงความนับถืออยู่หลายส่วน ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังและการรอคอย
เหมือนกับตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอยังมีระดับพลังฝึกปรือต่ำ เพิ่งมาถึงโลกซ้อนโลก ในช่วงแรกๆ มีคนเรียกเขาว่า ‘เจ้าชายพระอาทิตย์[1]’ เพราะตราประทับพระอาทิตย์
หากคิดในแง่ดีสักเล็กน้อย ผู้ที่มีฉายา ‘เทวกษัตริย์น้อย’ สามารถเข้าใจได้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เทวกษัตริย์ แต่เขาจะต้องได้ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นมหาชาลแน่
นี่เป็นการแสดงถึงความคาดหวังต่อศักยภาพของเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นการรอคอยอย่างหนึ่ง
ทว่า หากเป็นเจตนาร้าย ก็สามารถอธิบายได้อีกอย่าง
ตัวตนที่ไร้เทียมทานใต้สวรรค์มหาชาล ใกล้เคียงกับเทวกษัตริย์มากที่สุด
อธิบายว่าเตรียมตัวเป็นเทวกษัตริย์แล้ว
ฉายาเช่นนี้ เหล่าเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลย่อมไม่รู้สึกว่าถูกล่วงเกิน
ทว่าเมื่อไปอยู่บนตัวเซียนจริงแท้คนหนึ่ง จะทำให้เซียนกำเนิดและเซียนลี้ลับคิดเห็นอย่างไร เช่นนั้นยากจะบอกแล้ว
‘พอกล่าวออกมาจากปากคนอย่างเกาหาน ไฉนจึงเหมือนกำลังก่อเรื่องอยู่…’ เขาวิจารณ์ในใจ เปลือกนอกสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เขายิ้มเล็กน้อย ประสานมือแก่พวกหลี่ซิ่งป้า “เพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแรก เยี่ยนจ้าวเกอขอคำนับแล้ว”
สายตาของหลี่ซิ่งป้า ชื่อหลานเต้าหยิน กงซุนฮุยกลายเป็นคมกริบ
ตอนแรกนึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะลุกลี้ลุกลน รีบกล่าวถ่อมตนอยู่หลายคำ
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าเขาถึงกับรับฉายา ‘เทวกษัตริย์น้อย’ อย่างเปิดเผยเช่นนี้?
ตอนนี้พวกหลี่ซิ่งป้ายอมเชื่อว่านี่เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอไม่เข้าใจถึงความนัยของฉายานี้ ไม่อย่างนั้นต้องโอหังถึงขนาดไหนจึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้?
หรือไม่ทราบว่าแม้จะเป็นเหล่าจ้าวสวรรค์เซียนกำเนิดก็ยังไม่กล้าแบกรับฉายานี้?
เกาหานตาเป็นประกาย ประหลาดใจอยู่บ้าง สายตามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาทอแววฉงน
ขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอที่มีสีหน้าเปิดเผย หลี่ซิ่งป้าสีหน้าเคร่งขรึมลง
กระนั้นเขาเองก็ไม่ได้มีโทสะ หันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “ท่านนี้ไม่ทราบควรเรียกว่าอะไร?”
“ท่านนี้คือเฟิงอวิ๋นเซิงสหายร่วมเส้นทางเฟิง เป็นศิษย์น้องของสหายร่วมเส้นทางเยี่ยน ขณะเดียวกันก็เป็นภรรยาของเขาด้วย” เกาหานยิ้มพร้อมกับแนะนำ
“หือ?” พวกหลี่ซิ่งป้าได้ยินก็งุนงงอยู่บ้าง พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงใหม่ ดวงตาปรากฏความสงสัย
พวกเขากำลังสงสัยอะไร เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงล้วนมองออก
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะคำหนึ่ง
หลังจากพวกหลี่ซิ่งป้ากวาดมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก็หันไปทางเกาหานอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “การเดินทางในครั้งนี้ของเรา หากเป็นไปตามคำพูดของสหายร่วมเส้นทางเกาท่าน มีสภาพแวดล้อมค่อนข้างซับซ้อนอันตราย นอกจากมู่จานั่นแล้ว รอบๆ ยังมียอดฝีมือจากเผ่าปีศาจและศาสนาพุทธ”
“สหายร่วมเส้นทางเฟิงผู้นี้หากไปด้วย ข้าไม่คัดค้าน แต่สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนท่านนี้ อยู่ในระดับเซียนจริงแท้ เกรงว่าจำเป็นต้องให้พวกเราคุ้มครอง ไม่อย่างนั้นก็ต้องหยุดอยู่รอบนอก ไม่ไปเสียยังดีกว่า”
เขาเผชิญดวงตาคุกคามของเฟิงอวิ๋นเซิง “ข้าเป็นคนหยาบๆ ชอบกล่าววาจาตรงไปตรงมา สหายร่วมเส้นทางเฟิงท่านสามารถดูแลสามี ต้องแบ่งสมาธิ พวกเราไม่ใช่ไปดูที่นั่นแล้วกลับ ข้าจะตามหามู่จานั่นเพื่อระบายแค้น พวกท่านต้อการวารีสามแสง ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย”
หลี่ซิ่งป้าเอ่ยอย่างแช่มช้า “ขนาดใช้กำลังทั้งหมดยังกินแรง แล้วยังต้องแบ่งสมาธิไปเรื่องอื่นอีกหรือ?”
“ผู้อาวุโสหลี่คิดมากแล้ว” เกาหานยิ้ม “ไม่ใช่ข้าผู้แซ่เกากล่าวเกินเลย ความสามารถของเทวกษัตริย์น้อย ไม่อาจดูแค่ระดับพลังฝึกปรือแล้วจะตัดสินได้ จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ยังชมเชยสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนอยู่หลายครั้ง”
พอได้ยินชื่อของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ พวกหลี่ซิ่งป้าสีหน้าก็จริงจังขึ้นหลายส่วน
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูอย่างเย็นชา กลับรู้สึกว่าเกาหานมีเจตนาร้าย
“สหายร่วมเส้นาทางเยี่ยนแม้ยังอายุน้อย ทั้งเพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียน กลับสร้างโลกเบื้องบนใบหนึ่ง เป็นบุคคลระดับบรรพบุรุษของโลกใบหนึ่งแล้ว” เกาหานถอนใจชมเชยพลางกล่าว “ครั้งอดีตพวกเราสหายร่วมเส้นทางทั้งเก้าร่วมมือกันยังสู้ไม่ได้”
“สร้างฟ้าดินของโลกเบื้องบนใบหนึ่ง?” พวกหลี่ซิ่งป้าตื่นตระหนก ต่างมีสีหน้าเหลือเชื่อ มองเยี่ยนจ้าวเกออีกรอบ “ท่านพูดความจริง?”
ชื่อหลานเต้าหยินซึ่งก่อนหน้านี้สงบนิ่งที่สุดขณะนี้ตื่นตกใจ “ไม่ใช่โลกเบื้องล่าง แต่เป็นโลกเบื้องบนเหมือนโลกซ้อนโลกที่พวกท่านเคยสร้างหรือ?”
“นี่ไม่อาจเป็นเรื่องที่เซียนจริงแท้กระทำได้กระมัง? ต่อให้เขาจะครอบครองคัมภีร์เบิกนภาสายหยกพิสุทธิ์ คัมภีร์ยุคหลงฮั่นเหนือพิสุทธิ์ ดัชนีเทพปฐมกำเนิดเอกพิสุทธิ์พร้อมกัน ก็ทำไม่ได้!”
หรือว่าพวกตนสมคนจะมองผิดไป หรือเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ตรงหน้าจะมีพลังฝึกปรือสูงกว่าระดับเซียนจริงแท้?
แต่เมื่อครู่เกาหานเพิ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังเลื่อนสู่ระดับเซียน
“ใช้ของวิเศษอันใดหรือ?” ถึงอย่างไรหลี่ซิ่งป้าก็เป็นยอดฝีมือประสบการณ์โชกโชนที่ในยุคสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้นได้เดินทางไปทั่วโลก จึงใจเย็นลงได้ก่อนคนอื่น
เยี่ยนจ้าวเกอมองเกาหานคล้ายยิ้มไม่คล้ายยิ้ม เห็นเกาหานแย้มยิ้ม เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหลี่สมควรยังคงมีภาพประทับต่อตำหนักฟ้าฟื้นที่เคยอยู่บนวังเทพกระมัง?”
“ข้าย่อมรู้จักตำหนักโอสถ” หลี่ซิ่งป้าสีหน้าแสดงความเข้าใจ “ความหมายของท่านคือ ตำหนักฟ้าฟื้นไม่ได้ถูกทำลาย แต่ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว?”
เกาหานยิ้มพยักหน้า “สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนไม่เพียงมีพรสวรรค์เหนือผู้อื่น ยังเป็นคนมีโชคลาภวาสนา เกล็ดปลาทองไหนเลยอยู่ในบึง หากเจอลมย่อมเปลี่ยนเป็นมังกร”
หลี่ซิ่งป้าพอฟัง คล้ายนึกอะไรออก สายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอมีการพิจารณามากขึ้น
กงซุนฮุยศิษย์ของเขา สีหน้าทอแววอิจฉาอย่างไม่อาจปิดบัง
“สหายร่วมเส้นทางเกาเวลาทำอะไรที่แล้วมาล้วนเหมาะสม พวกเราย่อมเชื่อ” ชื่อหลานเต้าหยินช่วยไกล่เกลี่ย “เพียงแต่เรื่องราวสำคัญ พี่ร่วมเส้นทางหลี่ต้องระวังไว้ก่อน”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากก่อนกลายเป็นเซียนมีฉายาเซียนผู้ถูกเนรเทศ ก็สามารถเห็นได้ว่ามีขีดความสามารถและพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าผู้คน ตอนนี้ได้กลับคืนสู่สวรรค์ จะเรียกเทวกษัตริย์น้อยก็ไม่ถือว่าเกินเลย ข้าขออวยพรให้สหายร่วมเส้นทางได้ขึ้นสู่สวรรค์ชั้นมหาชาลด้วยความจริงใจ”
………………..
[1] คำว่าเจ้าชายในที่นี้คือ 少尊 มีคำว่าน้อย (少)อยู่