ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1382 ความจริงที่โหดร้าย
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือแก่ชื่อหลานเต้าหยิน “ขอบคุณคำอวยพรของเต้าจ่าง ข้าผู้แซ่เยี่ยนซาบซึ้งยิ่ง”
“มิกล้าๆ” ชื่อหลานเต้าหยินยิ้มพลางส่ายหน้า
“ต่อให้เป็นมนุษย์เซียนผู้ถูกเนรเทศ ต่อให้เป็นเทวกษัตริย์น้อย ก็เปลี่ยนความจริงที่เขายังอยู่ในระดับเซียนจริงแท้ไม่ได้” หลี่ซิ่งป้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ กลับกล่าวอย่างเย็นชา
“ต่อให้มีพลังฝึกปรือและความสามารถน่าตกตะลึง อยู่เหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเดียวกัน เซียนจริงแท้ผู้หนึ่งก็ทานรับนิ้วมือนิ้วเดียวของเซียนกำเนิดเช่นพวกเราไม่ได้”
ใบหน้าที่แดงเหมือนพุทราของเขาสงบนิ่ง “อย่าคิดว่าข้ากล่าววาจาไม่น่าฟัง ยังไม่เอ่ยถึงแก่นเซียนของพวกเราที่ไม่เห็นปราณเซียนของเซียนจริงแท้ในสายตา เพียงแต่เสียงมหามรรคา เขาเซียนจริงแท้เพียงคนเดียวจะรับมืออย่างไร? ถึงเวลาถูกสะกดไว้เหมือนหุ่นไม้รูปปั้นดิน ไปกับไม่ไปมีข้อแตกต่างใด?”
ชื่อหลานเต้าหยินเงียบงัน
เรื่องที่พวกเขาต้องการไปทำในตอนนี้ ต้องดูระดับในปัจจุบันถึงจะทำได้จริงๆ
ต่อให้ในอนาคตมีศักยภาพมากขนาดไหน ตอนนี้ก็ยังเป็นตอนนี้ ไม่มีประโยชน์ใด
คำพูดของหลี่ซิ่งป้าแม้ไม่น่าฟัง แต่กลับจี้ใส่จุดอ่อนจริงๆ
“วาจาของหลี่เต้าจ่าง ความจริงข้าก็ยังเห็นด้วย มีคนที่ไปไม่สู้ไม่ไปจะดีกว่าจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกหลี่ซิ่งป้างงงันก่อน จากนั้นเห็นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอตวัดมองคนคนหนึ่งในหมู่พวกเขา
กงซุนฮุย
ศิษย์ของหลี่ซิ่งป้า
“ท่านพูดถึงข้า?” กงซุนฮุยงุนงง ก่อนจะได้สติ เดือดดาลจนยิ้มขึ้นมา “จอมยุทธ์ที่เพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนอย่างท่าน ติติงข้าที่สองปราณรวมเป็นวายุมานาน ไม่รู้สึกว่าน่าขันหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย “ความจริงที่โหดร้ายสำหรับพวกท่าน สำหรับข้ากลับควรค่าแก่ความยินดี”
เสียงเพิ่งขาด เขาก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง ฟาดฝ่ามือใส่กงซุนฮุย!
เร็วจนกงซุนฮุยแทบรับมือไม่ทัน
กงซุนฮุยรับมือไม่ทัน แต่หลี่ซิ่งป้าอาจารย์ของเขาทัน
ชายชราหน้าแดงแค่นเสียง “บังอาจนัก!”
พอกล่าวประโยคนี้ แม้ชายชราจะไม่ได้เพิ่มความดังของแสง แต่ความรู้สึกที่มอบแก่ผู้คนกลับเปลี่ยนไป
เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่สูงส่ง ราวกับเสียงเซียนที่ดังมาจากสวรรค์ชั้นเก้า
ขณะนี้ ถึงหลี่ซิ่งป้าจะไม่ลงมือ แต่เสียงมหามรรคาที่ไร้รูปร่างก็พุ่งใสเยี่ยนจ้าวเกออย่างมืดฟ้ามัวดิน
เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกว่าวิญญาณและร่างกายถูกสะกดในพริบตาหนึ่ง เหมือนกับติดอยู่ในห้วงไร้ความรู้สึกที่ไม่อาจขยับไม่อาจรับรู้ไม่อาจรู้สึก
เกาหาน ชื่อหลานเต้าหยิน กงซุนฮุยที่อยู่ตรงหน้า เฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างเหมือนกับหายไป
โลกเหลือเพียงร่างของหลี่ซิ่งป้า
เงาร่างของอีกฝ่ายปรากฏความสุดโต่งสองอย่างที่ขัดแย้งกันโดยสมบูรณ์
พร้อมกับที่เสียงมรรคาดังขึ้น ร่างกายของเขาเหมือนกับใหญ่โตขึ้นไร้ขอบเขต เติมเต็มคลองจักษุของเยี่ยนจ้าวเกอ คงอยู่ทุกที่ สั่นสะท้านจิตใจผู้คน
เพียงแต่ว่า เหมือนกับออกห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอไปเรื่อยๆ เปลี่ยนเป็นเล็กจิ๋วสุดขีด ไกลสุดขีด
พริบตาต่อมา ภาพตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ สลายไป คล้ายกับแม้แต่การมองก็ถูกช่วงชิง ไม่อาจคิดไม่อาจเห็น
ตัวเขาเหมือนกับรูปปั้นดินหุ่นไม้ที่ไร้วิญญาณและความรู้สึก ได้แต่ยืนนิ่งกับที่
ในสายตาของคนอื่นๆ เหมือนกับประกายตาในตาสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอดับลงไปอย่างฉับพลัน
กงซุนฮุยแค่นเสียง สีหน้าฉายแววรังเกียจ
ชื่อหลานเต้าหยินส่ายหน้าอย่างอับจน ถอนใจไม่พูดอะไร
เกาหานมองเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความใคร่รู้
เฟิงอวิ๋นเซิงที่มาพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ นิ่งเงียบมาโดยตลอด ขณะนี้สีหน้าไร้การเปลี่ยนแปลง ยืนเงียบอยู่กับที่ เหมือนกับไม่รู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ทว่า หากบอกว่านางสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ย่อมเป็นคำกล่าวที่ไร้หลักฐาน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปฏิกิริยาของนางมีคำอธิบายสองอย่าง
ประการแรก นางไม่ห่วงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นอย่างไร
ประการสอง นางไม่รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าส่งผลกระทบต่อเยี่ยนจ้าวเกอ...
เกาหานความคิดทำงาน ขณะกำลังใคร่ครวญ เห็นลูกตาที่นิ่งไปในพริบตาของเยี่ยนจ้าวเกอ พลันเคลื่อนที่
เปลือกร่างนี้ เมื่อครู่มีพริบตาหนึ่งที่สูญเสียชีวิตกลายเป็นหุ่นดิน แต่ขณะนี้มีพลังชีวิตกับวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสหลี่อย่าตะโกนดังนัก ข้าได้ยินอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอไม่เพียงมีประกายตากลับมา ถึงขั้นที่ยังมีความคิดเคลื่อนไหวลำคอของตัวเอง สีหน้าผ่อนคลาย
ฝ่ามือของเขาไม่ถูกกีดขวาง ฟาดใส่กงซุนฮุยต่อ!
หลี่ซิ่งป้าม่านตาหดตัว “เสียงมหามรรคาไม่มีผลอะไรกับเขาเลยหรือ?”
กงซุนฮุยลูกศิษย์ของเขารอยยิ้มชะงักบนใบหน้า สีหน้าเหมือนถูกคนบังคับให้รับประทานหนูตายตัวหนึ่ง ‘ข้ายังลำบาก คนที่เพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนอย่างเขาทำได้อย่างไร?’
พึงทราบว่า เมื่อครู่หลี่ซิ่งป้าได้รวบเสียงไว้ เล็งเป้าที่เยี่ยนจ้าวเกอเพียงคนเดียว ไม่ได้ขยายไปยังทิศทางอื่น
ไม่อย่างนั้นกงซุนฮุยที่อยู่ในระดับเซียนลี้ลับ คิดต้านทานเสียงมหามรรคาของผู้เป็นอาจารย์ ก็ยังเหน็ดเหนื่อยสุดขีด
ถึงเขาจะไม่ถูกหยุดไว้เหมือนเซียนจริงแท้ไปจนถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่การเคลื่อนไหวก็ต้องได้รับการขัดขวาง ความคิดเปลี่ยนเป็นเนิบนาบ
ชื่อหลานเต้าหยินมีสีหน้าสับสนเช่นกัน พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง
‘คนหนุ่มแซ่เยี่ยนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ…’ ถ้าหากก่อนหน้าเพียงไกล่เกลี่ยไปพอเป็นพิธี ตอนนี้เขาก็เชื่อคำพูดของเกาหานจริงๆ แล้ว
เกาหานบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ตาเป็นประกายอยู่หลายส่วน ‘เพราะครอบครองของวิเศษบางอย่าง หรือเป็นเพราะฝึกฝนวรยุทธ์ชนิดหนึ่งหรือหลายชนิด? หรือว่ามีทั้งหมด?’
ขณะเห็นเสียงมหามรรคาถึงกับหยุดเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ หลี่ซิ่งป้ารีบร้อนยกมือ พัดฝุ่นเหลืองขึ้นหลายสายจนกระจายเต็มฟ้าดิน แล้วผลักเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าขณะเดียวกัน พลันมีควันมารเพลิงทมิฬสีน้ำเงินเข้มลอยขึ้น ประกายดาบสาดแวบ พลันหยุดควันเหลืองไว้
หลี่ซิ่งป้าเพ่งตามองไป เป็นเฟิงอวิ๋นเซิงที่ก่อนหน้ายืนนิ่งอยู่ข้างเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอดลงมือ
ประกายดาบสีดำสนิทอันน่ากลัว ถึงกับฟันทำลายฝุ่นเหลืองทิ้ง
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น พลิกฝ่ามือวูบหนึ่ง แล้วฟาดใส่กงซุนฮุยด้วยสภาวะบดขยี้ฟ้า
“หือ?” ยอดคนพอลงมือ ก็ทราบว่าร้ายกาจหรือไม่ กงซุนฮุยเห็นฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งมา พลันสัมผัสได้ว่าไม่ถูกต้อง ความทะนงกับความดูแคลนทั้งหมดก่อนหน้าหายไปหมดสิ้น
เขาหลบไม่ทัน ฝืนยกมือขึ้นต้านท่ารอยตราพลิกฟ้าของเยี่ยนจ้าวเกอ
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามิติไร้รูปร่างหลายชั้นที่อยู่รอบๆ รวกับกลายเป็นโลกที่มีรูปร่าง จากนั้นก็ถล่มทลายเข้าหาตรงกลางจากทุกทิศทุกทาง!
กงซุนฮุยอยู่บนจุดนี้เอง!
บนจุดจุดนี้ เหมือนกับจุดตัดของฟ้าและดิน และจุดเชื่อมของหยินและหยาง
สรรพสิ่งสรรพวัตถุกลับคืนสู่สภาพทวิลักษณ์ จากนั้นก็บิดเบี้ยวโดยโดยใช้ตำแหน่งของเขาเป็นจุดเชื่อม
กงซุนฮุยที่อยู่ด้านในรู้สึกได้ว่า มีพลังอันยิ่งใหญ่น่ากลัวที่แข็งแกร่งจนไม่อาจต้านทาน กำลังบดขยี้ร่างของเขาด้วยความบ้าคลั่ง!
‘รอยตราพลิกฟ้าสายหยกพิสุทธิ์?! นี่เป็นรอยตราพลิกฟ้าที่เซียนจริงแท้ใช้ออกได้หรือ?’ กงซุนฮุยอ้าปากตาค้าง
สองปราณรวมเป็นวายุ วายุเซียนเสริมร่าง เซียนจริงแท้ยากทำร้าย
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ กงซุนฮุยรู้สึกว่าเหมือนอยู่ใจกลางจานบดขนาดใหญ่ที่เกิดจากฟ้าดิน แล้วถูกบดขยี้เป็นผุยผง
ทว่าตอนนี้แม้ไม่มีอันตราย เขาก็กระดิกกระเดี้ยไม่ได้ ถูกพลังของเยี่ยนจ้าวเกอกดติดกับที่!
………………..