ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1388 ค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยาง!
พร้อมกับที่เยี่ยนจ้าวเกอกดสองมือลง กลุ่มแสงก็พุ่งลงไปข้างใต้เขา จากนั้นก็ขยายออก กลายเป็นตราอาคมยันต์วิญญาณที่มหึมาด้วยความเร็วสูง
ลำแสงมัวซัวหลายสายขยายออกไปสี่ทิศแปดทาง จากนั้นก็ครอบคลุมรอบๆ
อากาศที่อยู่ไกลออกไปล้วนถูกยึดครอง ระยะห่างเหมือนสูญเสียความหมายโดยสมบูรณ์
วินาทีนี้ความรู้สึกอันหนาหนักยิ่งใหญ่เติมเต็มจิตใจคนแต่ละคน
“จิตจริงแท้ในการสืบทอดของเจ้าแม่แห่งแผ่นดิน?” ชื่อหลานเต้าหยินคล้ายนึกอะไรออก “ไม่ใช่การสืบทอดวรยุทธ์ แต่เป็นตัวหนังสือที่เจ้าแม่แห่งแผ่นดินเขียนด้วยตัวเอง”
พลังงานที่เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นอยู่ในตอนนี้ มาจากลายมือแห่งแผ่นดินที่ถูกฝังซ่อนอยู่ที่ก้นทะเลหวงเจียในเขตหยางเทียนตะวันออกบนโลกซ้อนโลกเมื่อครั้งอดีต!
ตอนแรกเพื่อของวิเศษชิ้นนี้ ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิเอกภพ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเป็นมังกรร้ายข้ามแม่น้ำ เหยียบย่ำทะเลหวงเจีย หวังจะตามหาลายมือแห่งแผ่นดินนี้ เสียเวลาไปร้อยกว่าปี
จนกระทั่งให้หลัง ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องพินาศด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิง จักรพรรดิเอกภพมาด้วยตัวเอง สุดท้ายก็ผิดหวังกลับไป
ตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอยังมีพลังฝึกปรือต่ำ ไม่อาจนำลายมือแห่งแผ่นดินออกมาได้เช่นกัน ได้แต่ทิ้งมันไว้ที่ทะเลหวงเจีย
ในสงครามรุมสังหารเสวี่ยชูฉิง หวังเจิ้งเฉิงประมุขปฐวีได้ดึงจักรพรรดิเอกภพมาช่วยเหลือ เป็นเพราะจักรพรรดิเอกภพต้องการตามหาโอกาสนำลายมือแห่งแผ่นดินออกมาจากทะเลหวงเจีย แต่สุดท้ายก็ยังคงคว้าน้ำเหลวกลับไป
รอจนเยี่ยนจ้าวเกอเล่นใหญ่ ย้ายห้าเขตในโลกซ้อนโลกเข้าสู่ตำหนักโอสถ แบ่งแยกกับอดีตโลกซ้อนโลกโดยสมบูรณ์ จักรพรรดิเอกภพก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงทะเลหวงเจียที่ถูกนำไปด้วย และของวิเศษที่ถูกกลบฝังอยู่ด้านในโดยสมบูรณ์
และในตอนนี้ หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอผลักเปิดประตูเซียนสำเร็จ เลื่อนสู่ระดับเซียนจริงแท้ ก็ได้ใช้พิธีบวงสรวงมรรคามารดรเอกภพเป็นตัวช่วย นำลายมือแห่งแผ่นดินออกมาได้สำเร็จ!
ตำหนักโอสถกลายเป็นตำหนักฟ้าฟื้น ครั้งนี้ออกมาด้านนอก เยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่อาจนำตำหนักโอสถมาผจญภัยด้วยได้ และไม่อาจเรียกเทพารักษ์แม่ทัพฟ้าฟื้นช่วยสรรพสัตว์มาต่อสู้กับคนอื่นๆ
ทว่าในเมื่อต้องเสี่ยงอันตราย เขาย่อมมีการเตรียมการส่วนหนึ่ง
ลายมือแห่งแผ่นดินมีพลังรุ่งโรจน์ แสงสว่างหลายสายแผ่คลุมไปด้านนอก
ขณะที่ลำแสงรวมตัว บนศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มมีเงาแสงที่เป็นมายาสายหนึ่งรวมตัวกัน
ในเงาแสงมายา เหมือนกับตัวตนที่สามารถรองรับฟ้า ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตผู้หนึ่ง ควบคุมสัจธรรมอันประเสริฐแห่งการถือกำเนิดของสรรพวัตถุ และการหมุนวนของหยินหยาง
“รวม!” พร้อมกับเสียงตวาดของเยี่ยนจ้าวเกอ บนลวดลายค่ายกลซึ่งแสงสว่างพรั่งพรูด้านใต้เท้า ก็มีเสาแสงหยาบใหญ่เก้าต้นผุดขึ้นจากผืนดินราวกับขื่อไม้
แสงสว่างที่ดำรงอยู่เหมือนเสาสวรรค์เกาต้นตั้งตระหง่านกลางอากาศ เหมือนกับค้ำยันท้องฟ้า และเหมือนกับแบกตำหนักเซียนหลังหนึ่ง
“สั่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงมือสองข้างไม่หยุด พลันมีกลุ่มแสงไม่สว่างไม่มืดที่ตอนแรกดูสว่างไสว แต่ความจริงมืดทะมึนเจ็ดดวงลอยออกมาจากในค่ายกล
ในมิตินอกเขตแดน กลุ่มแสงเจ็ดดวงเหมือนกับเมฆดาราเจ็ดกลุ่ม โคจรอย่างเงียบๆ ด้วยตัวเอง ด้านในกลับเหมือนแฝงพลังที่หนาหนักผนึกตัวสุดสุดและพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมสุดเปรียบปาน
ค่ายกลโคจร ลวดลายค่ายกลหลายสายเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว
ค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยาง!
เมื่ออยู่ด้านบน สมณะศาสนาพุทธทั้งหมดพลันรู้สึกทั่วร่างหนักอึ้ง
ไม่เพียงแต่รู้สึกหนังอึ้งเหมือนฟ้าดินกดทับขณะที่เคลื่อนไหวเท่านั้น ตอนนี้แม้แต่พลังพุทธของตนก็ติดขัดเช่นกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ สภาวะดาบที่ก่อนหน้านี้นิ่งไม่เคลื่อนไหวพลันเปลี่ยนแปลง ประกายดาบน่ากลัวเด็ดขาดเริ่มขยายออกไปรอบๆ!
คู่ต่อสู้ทั้งหมดจนปัญญา พากันหลบหลีก
แม้ไม่มีผลกระทบจากลายมือแห่งแผ่นดิน ยามเผชิญหน้ากับคมดาบที่เฟิงอวิ๋นเซิงพลิกจากป้องกันเป็นโจมตี ก็เกรงว่าจะหลบไม่ทัน ตอนนี้ได้รับผลจากลายมือแห่งแผ่นดิน ยังอันตรายกว่าเดิม หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียวก็เป็นผลลัพธ์ตายคาที่
หลี่ซิ่งป้ากับชื่อหลานเต้าหยินเห็นดังนั้น ต่างผ่อนลมหายใจโล่งอก ไม่คิดมาก โจมตีใส่นักบวชฮุ่ยอั้นพร้อมกัน
เกาหานก้มมองแผ่นดินมายาที่เกิดจากลำแสงหลายสายข้างล่าง กลับยิ้มอย่างหนักใจ “ระวังตัวถึงขนาดนี้?”
หลิงชิงหันไปมองเขา ไม่ได้พูดอะไร โจมตีใส่นักบวชฮุ่ยอั้นต่อ
สมณะศาสนาพุทธขณะนี้ต่างหยุดโจมตี พยายามเข้าใกล้นักบวชฮุ่ยอั้นอย่างเต็มที่ รับมือศัตรูไปพร้อมกับท่าน
ตอนแรกพวกท่านได้เปรียบด้านจำนวนคนมากกว่า สู้หนึ่งต่อสองไม่ได้เสียท่าอันใด
ทว่าตอนนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ลายมือแห่งแผ่นดินคลุมไว้ สถานการณ์พลันเริ่มเปลี่ยนเป็นไม่ส่งผลดีต่อพวกท่าน
“ไป ออกจากที่นี่ก่อนค่อยตั้งหลักใหม่” นักบวชฮุ่ยอั้นยกได้วางได้ เวลานี้ไม่ดื้อด้าน เก็บวารีสามแสง จากนั้นก็พุ่งเคียงไหล่ออกไปพร้อมกับสมณะศาสนาพุทธคนอื่น
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเท้าไปด้านหน้า
พวกนักบวชฮุ่ยอั้นเห็นดังนั้น จิตใจเย็นเยียบไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เพราะใช้ลายมือแห่งแผ่นดินเป็นที่พึ่ง ค่ายกลที่เยี่ยนจ้าวเกอกางขึ้นนี้ถึงกับสามารถขยับได้ดั่งใจ ไม่ใช่ต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
พวกท่านได้รับผลกระทบจากลายมือแห่งแผ่นดิน แม้จะมีความสามารถก้าวเท้าเกิดบัว ตอนนี้ความเร็วก็ไม่เพิ่มขึ้น ถูกเยี่ยนจ้าวเกอพันธนาการไว้แน่นหนา ไม่อาจกระโดดออกไปได้
สมณะศาสนาพุทธต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ
“ทำลายค่ายกลนี้ก่อน จะได้ถอยอย่างปลอดภัย” สมณะศาสนาพุทธท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น
ท่านนั่งบนดอกบัว บนศีรษะมีแสงทอง มือซ้ายยังถือตะเกียงเขียวเครื่องเคลือบใบหนึ่ง ใช้นิ้วข้างขวาคีบดอกมะเดื่อดอกหนึ่ง
“พระโพธิสัตว์อุทุมพรกล่าวได้ถูกต้อง” พวกนักบวชฮุ่ยอั้นยอดฝีมือของศาสนาพุทธที่เหลือต่างพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นก็ตั้งจิตเป็นปราการ แล้วพุ่งเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว ก้าวเท้าออก ยกคมดาบสีดำสนิท ถือดาบด้วยสองมือ ก่อนจะฟันลง
“นะโมอมิตตาพุทธ” นักบวชฮุ่ยอั้นและพระโพธิสัตว์อุทุมพรเหล่าสมณะจากศาสนาพุทธเปล่งคำสรรเสริญคุณ จากนั้นก็เซ่นของวิเศษศาสนาพุทธคนละชิ้น
กระบี่อู๋โกว ตะเกียงเคลือบ วัชระ กรด…
ภายใต้การสนับสนุนด้วยพลังพุทธของพวกท่าน ของวิเศษมากมายกลายเป็นค่ายกลพุทธที่ส่องแสงไร้จำกัดค่ายหนึ่งด้วยความเร็วสูง
คมดาบสีดำสนิทของเฟิงอวิ๋นเซิงฟันใส่ค่ายกลพุทธ แสงไร้ประมาณพลันดับลง
ของวิเศษศาสนาพุทธแต่ละชิ้นเริ่มหลุดร่วง
ทว่าอาศัยโอกาสที่อ่อนกำลังลง กลีบดอกที่พระโพธิสัตว์อุทุมพรผู้นั้นคีบไว้ปลายนิ้วกลายเป็นลำแสง พุ่งใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!
แสงสว่างข้ามผ่านมิติเวลาไกลแสนไกล บรรลุถึงตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในชั่วพริบตา เหมือนกับอยู่ที่นี่แต่แรก
ยามเผชิญกับดอกไม้ดอกนี้ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกจิตใจเลอะเลือน
ไม่ได้ยินเสียงมหามรรคา แต่ในห้วงสมองก็เหมือนขาวโพลน
กล่าวว่าขาวโพลนไม่ถูกต้องนัก กลับเหมือนเห็นซึ้งซึ่งกิเลส ทุกสิ่งที่รับรู้ล้วนกลายเป็นความว่างเปล่า สรรพวัตถุเป็นอนัตตา ดังนั้นจึงไร้ธรรมไร้สำนึก
สำหรับคนอื่นๆ วินาทีนี้พระโพธิสัตว์อุทุมพรกับเยี่ยนจ้าวเกบนใบหน้าถึงกับปรากฏรอยยิ้มขึ้นพร้อมกัน
กระนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอหายไปอย่างรวดเร็ว กลับคืนสู่ความสงบนิ่งใหม่
เขาเผชิญความเปลี่ยนแปลงไม่ลนลาน หยุดการเคลื่อนไหว ประกายตาคมกริบ
พริบตานั้น เสาแสงค้ำฟ้าเก้าต้นในค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินยางเริ่มจมลงพร้อมกัน เหมือนกับไม่ค้ำยันท้องฟ้าอีกต่อไป ฝังเข้าไปในผืนแผ่นดินพร้อมกัน
เมฆดาราเจ็ดกลุ่มลอยขึ้นด้านบน เหมือนกลับจากโลกมนุษย์สู่ท้องฟ้า
พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้านในค่ายกล ฟ้าดินหมุนวน หยินหยางไหลเวียน
รูปหยินหยางขนาดมหึมาที่ครอบคลุมทั่วทั้งค่ายกลปรากฏขึ้นในค่ายกล ลอยอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ
แสงสว่างที่เกิดจากแสงมะเดื่อสายนั้นพุ่งใส่รูปหยินหยาง หมุนวนอยู่ในปราณหยินหยางสองสายที่ผสามผสานหมุนเวียนอยู่ไม่หยุด
………………..