ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1395 สายตากว้างไกลจิตใจเปิดกว้างเอง
“เส้นทางนอกรีตสองแห่งกำลังสู้กันอย่างดุเดือด แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจก็เข้ามามีเอี่ยวด้วย สำหรับสำนักเต๋าสายหลักของพวกเราแล้ว สามารถเคลื่อนไหวได้สบายขึ้นมาก เป็นโอกาสเคลื่อนไหวที่หาได้ยาก” หลิงชิงกล่าว “แต่ก็สะดวกสบายสำหรับนพยมโลกเช่นกัน”
เกาหานเคลื่อนไหวในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด สายตาล้ำลึก “ดังนั้นที่ตอนนี้พวกมันสงบขนาดนี้ นอกจากมารไม้อิกที่โผล่มาเพียงแวบเดียวในตอนนั้น มารตนอื่นๆ ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว กลับแสดงถึงความผิดปกติกว่าเดิม”
“ทางสหายร่วมเส้นทางเฉินเป็นอย่างไรแล้ว?” ที่หลิงชิงถามถึงคือเฉินเสวียนจง
เกาหานถอนใจอีกครั้ง “วันนั้นถ้าไม่ใช่เทวกษัตริย์น้อยสอดมือ เรื่องราวคงแก้ไขได้แล้ว สหายร่วมเส้นทางเกากับสหายร่วมเส้นทางหลี่แห่งมรกตท่องฟ้ายังอยู่ ต่อให้มารน้ำกุ่ยจะเกิดใหม่ก็จะถูกส่งสู่การดับสูญอีกครั้งในทันที”
หลิงชิงเอ่ยอย่างเรียบเฉย “วันนั้นถ้าไม่ใช่ท่านสอดมือ มารน้ำกุ่ยคงไม่ได้รับโอกาสคืนชีพบนตัวศิษย์ของสหายร่วมเส้นทางเฉินง่ายดายขนาดนั้น”
“พระเกตุอาจะเผยร่องรอยก่อนแล้ว” เกาหานกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ข้าเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น…”
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวสุดท้ายก็ต้องเกิดอยู่ดี ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องเจอภัยพิบัตินี้ เฉินเสวียนจงจึงเป็นร่างสถิตย์ที่มารน้ำกุ่ยปรารถนาที่สุด แม้แต่นพยมโลก ก็หวังให้มารน้ำกุ่ยใช้เฉนเสวียนจงเป็นร่างสถิตย์ในการเกิดใหม่”
“ครั้งนั้นใต้เท้าอายุวัฒนาหนาจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินกระตุ้นให้เจี่ยนซุ่นหวาไปชิงอำนาจของมารทองแก คิดไม่ถึงว่านางจะทำตามใจชอบ กระทำเรื่องงูกลืนช้าง” หลิงชิงเอ่ยอย่างแช่มช้า “ทางมารทองแกก็ไม่มีข่าวคราวเช่นกัน หลายปีมานี้ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของมัน”
“หลังจากโอวสือหยางก็ผ่านไปพันปีแล้ว ไม่มีร่างสถิตย์ที่เหมาะกับการเกิดใหม่ของมารทองแกแล้วหรือ?” นางหันไปถามเกาหาน
เกาหานกล่าว “เมื่อแปดร้อยปีก่อนทางเส้นทางนอกรีตเคยปรากฏคนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งคนหนึ่ง แต่ทางมารทองแกไม่มีการเคลื่อนไหว ตอนแรกนึกว่าเป็นเพราะเจี่ยนซุ่นหวา ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนี้”
เขาหัวเราะคำหนึ่ง “ทางนพยมโลกคงยอมอดดีกว่าได้ของไม่ดี”
“ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋มอบขวดหยกสีดำนั้นให้แก่สหายร่วมเส้นทางเฟิงแล้ว ออกจะ…” หลิงชิงใบหน้าฉายแววอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้อย่างหาได้ยาก
“ออกจะเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นครั้งนี้พวกเราไม่ถึงกับสิ้นท่า” เกาหานพูดต่อประโยคของนาง ใบหน้าจนปัญญา “หากคำนวณจากพลังในตอนนี้ ขอแค่สหายร่วมเส้นทางเฟิงผู้นี้กล้าปล่อยพลัง ก็จะเป็นเทวกษัตริย์น้อยจริงๆ ต่อให้เป็นเทวกษัตริย์ที่แท้จริงก็ใช่ว่าจะจัดการนางได้”
หลิงชิงขมวดคิ้ว “ท่านทราบว่าข้าจะพูดอะไร”
เกาหานปั้นสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าเป็นนางหรือเยี่ยนจ้าวเกอ ล้วนเป็นคนที่ลำดับความสำคัญได้ มาตรว่าจะได้ขวดหยกสีดำจากใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ ก็ไม่หลงลำพองขนาดไปทะลวงฟ้ากำเนิด พวกเขาไม่โง่เง่าขนาดนั้น”
“เพียงแต่การใช้สองบุปผาบนกระหม่อม จะดึงดูดความสนใจจากนพยมโลกได้ง่ายดายยิ่ง” หลิงชิงกล่าวราบเรียบ
เกาหานหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ก็ดีเหมือนกัน ถ้านพยมโลกจับตาดูนางมากขึ้น คงจะผ่อนคลายการให้ความสำคัญทางเฉินเสวียนจงกับคนอื่นๆ ได้บ้าง”
หลิงชิงสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “ถ้าเจี่ยนซุ่นหวาไม่ตาย ทางนางก็จะผ่อนคลายได้บ้าง”
“ถูกต้อง” เกาหานไม่ได้ปฏิเสธ ถอนใจอย่างเหม่อลอย “แต่ว่าก็เร็วไปบ้างจริงๆ ไม่ทราบว่าใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ยังมีความคิดอื่นหรือไม่?”
หลิงชิงไม่ตอบ สีหน้าราบเรียบ เคลื่อนไหวในความว่างเปล่าอย่างสงบ
เกาหานชินแล้ว “ข้าจะไปตามหาพวกสหายร่วมเส้นทางเฉิน ทางเส้นทางนอกรีตรบกวนท่านจับตาดูด้วย”
“ได้” หลิงชิงขานรับ คนทั้งสองต่างแจกแจงสิ่งของ แล้วหายไปจากความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดเหมือนตอนปกติ
ขณะเดียวกัน พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ข้ามมิติกลับถึงจักรวาลฟ้าฟื้น
“ของวิเศษคุ้มครองสำนักที่บูรพาจารย์ได้ส่งต่อให้ ปัจจุบันในที่สุดก็ได้กลับกว่างเฉิงอีกครั้ง ในที่สุดข้าก็สามารถปลอบโยนเหล่าบูรพาจารย์ได้แล้ว” หยวนเจิ้งเฟิงรองเศษตราพลิกฟ้าชั้นนั้นไว้ในมือ สีหน้าพลุ่งพล่าน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม่เพียงแต่เหล่าบูรพาจารย์เท่านั้น ล้วนเป้นเรื่องน่ายินดีสำหรับทั่วทั้งสำนักเรา”
หยวนเจิ้งเฟิงยิ้มขึ้นขณะมองเศษตราพลิกฟ้าในมือ “นั้นเพิ่งกลับจากโลกยมทะยานสู่โลกแปดพิภพใหม่ๆ ต่อมาหลังจากได้ไปตั้งรากฐานที่ทะเลหวงเจียบนโลกซ้อนโลก ข้าคิดในใจว่า เรื่องน่าเสียดายหนึ่งเดียวในชีวิต ก็คือของวิเศษคุ้มครองสำนักที่สูญหายไปนี้”
“ตอนนั้นข้ามักคิดว่า ถ้าหากสักวันหนึ่งได้ของวิเศษกลับมา ต่อจากนั้นก็มีหน้าไปพบท่านอาจารย์ ไปพบเหล่าบรรพบุรุษแต่ละรุ่นในปรภพแล้ว”
ชายชราหัวเราะฮ่าๆ “แต่ถึงตอนหลัง ความกังวลนี้ก็ยังคงเป็นความกังวล แต่กลับไม่ใช่ความรู้สึกเสียดายเพียงหนึ่งเดียวที่เอาแต่นึกถึงอีกต่อไป”
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจของหยวนเจิ้งเฟิงอนู่บ้าง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ด้วยอายุของอาจารย์ปู่ท่าน หากยึดตามระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้และอายุขัยที่ควรมีของท่าน ยังถือว่าอายุน้อยยิ่ง เมื่อมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างในวันนี้ ท่านเองก็เป็นคนโดดเด่นรุ่นหลัง เป็นอัจฉริยะบุคคลอายุน้อยเช่นกัน”
“เจ้ากลับหยอกล้อข้าแล้ว?” หยวนเจิ้งเฟิงยิ้ม พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า “คำพูดของเจ้าใช่ว่าจะไร้เหตุผล การเพิ่มขึ้นของพลังฝึกปรือเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งจริงๆ แต่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง กลับเป็นหลายปีมานี้ สิ่งที่ได้พบได้เจอทำให้ข้ามีความรู้สึกตัดขาดจากโลก ผลัดเอ็นเปลี่ยนกระดูกใหม่”
สายตาเมื่อกว้างขึ้น จิตใจย่อมไม่เหมือนเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอทวนด้วยรอยยิ้มอีกรอบ “ทุกอย่างในอดีตก็เพื่อสำนัก เพื่อศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนัก เพื่อลูกศิษย์ในสำนัก เพื่อเดินบนเส้นทางมรรคายุทธ์อย่างต่อเนื่อง อาจารย์ปู่ท่านซื่อสัตย์ถึงที่สุด ไม่เคยเกียจคร้าน”
“ถ้าหากไม่ได้กระโดดออกจากบ่อ เอาแต่นั่งมองฟ้าอยู่ในบ่อ ก็ไม่ทราบว่าฟ้าดินที่แท้จริงกว้างใหญ่ขนาดไหน แต่ว่าอดีตมากมายก็ไม่สมควรบอกว่าใช้ไม่คุ้มค่า” เขากล่าวเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
หยวนเจิ้งเฟิงพอฟังก็ชี้ไปที่เขา ยิ้มขึ้น “อดีตก็วิเศษ ปัจจุบันก็เป็นความวิเศษอีกอย่าง ไม่ทราบว่าอนาคตจะวิเศษกว่านี้หรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ “เหมือนกับที่กล่าวเมื่อครู่ ในยุคนี้ทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความรุ่งเรืองในสำนักเต๋าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”
“ถูกต้อง” หยวนเจิ้งเฟิงเหม่อลอย จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ดื่มน้ำไม่ลืมขุดบ่อ ถ้าหากมั่นใจว่าจะนำสังขารของจักรพรรดิเจิดจรัสกลับมาได้ย่อมประเสริฐสุด ไม่ใช่เพราะว่านางเป็นอาจารย์ย่าของชูชิงเท่านั้น”
ถึงแม้เป็นเพราะโถงเซียน เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจบอกเล่าเรื่องราวอย่างละเอียดได้ แต่ว่าหยวนเจิ้งเฟิงก็ยังทราบเรื่องที่อิ่นเทียนเซี่ยจักรพรรดิประกายกาฬกับหูเยว่ซินจักรพรรดิเจิดจรัสมีคุณูปการกับผู้สืบทอดของสำนักเต๋าทั้งหมด
“อาจารย์ปู่วางใจ ข้าจะระวัง” เยี่ยนจ้าวเกอปั้นหน้าจริงจัง หลังจากประสานมือแก่หยวนเจิ้งเฟิงแล้ว ก็บอกลาจากมา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านเริ่มกลืนกินหลอมเปลี่ยนสายเลือดวานรปีศาจที่นำกลับมาแล้ว แต่ว่าไม่อาจเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาอั้นสั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเลือดปีศาจของอนุเทวะเผ่าวานรตนหนึ่ง คิดจะให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านที่ยังไม่ได้เป็นเซียนกลืนกิน เดิมทีจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและการจัดการไม่น้อย
อีกด้านหนึ่ง วารีสามแสงผ่านการควบคุมของเยี่ยนจ้าวเกอ เริ่มแสดงความสามารถแล้วเช่นกัน
ใช้ส่วนหนึ่ง เหลือไว้ส่วนหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอยังคงพกติดตัว ของวิเศษชิ้นนี้มีประโยชน์มากมาย เสียดายที่ปริมาณที่ได้มายังมีจำกัดไปบ้าง
หลังจากบอกลาเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดากับสหายร่วมสำนัก เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ผละจากจักรวาลฟ้าฟื้น กลับไปยังมิตินอกเขตแดนไร้สิ้นสุดอีกครั้ง
………………..