ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1399 ร่วมมือซุ่มจู่โจม
ความเกียจคร้านบนใบหน้าของเฉินกานหวาสลายไป ดวงตาเป็นประกายเรืองโรจน์ พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง “เยี่ยนจ้าวเกอ ท่านเดิมทีก็เป็นคนที่พิเศษยิ่งอยู่แล้ว แต่ความคิดหลายอย่างของท่านธรรมดาเกินไปแล้ว”
“ท่านยอมธรรมดาอย่างนี้หรือ? นั่นออกจะ…”
เขายังไม่ได้พูดต่อ เยี่ยนจ้าวเกอก็ลงมืออย่างเหี้ยมหาญ!
กั้นไว้ด้วยมิติเวลาชั้นหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วต่างกระบี่ แทงใส่เฉินกานหวาหนึ่งกระบี่
ประกายกระบี่สีแดงก่ำอันน่ากลัวเจาะทะลุมิติเวลา เหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ บรรลุถึงหน้าเฉินกานหวา
เฉินกานหวายืนนิ่งกับที่ ยื่นสองมือออกมา แล้วครอบเข้าหาตรงกลาง
ม่านน้ำที่กีดขวางมิติเวลาปรากฏ กอปรเป็นวังวน กำลังจุหยุดประกายกระบี่ลวงเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอ
ม่านน้ำเคลื่อนไหว ต้นผมขาวที่ที่ลำต้นครึ่งหนึ่งอาบอยู่ในน้ำถูกม้วนไปด้วย
กิ่งใบลำต้นอีกครึ่งที่อยู่ด้านนอกยังคงอยู่ที่เดิม
แต่ครึ่งหนึ่งที่อาบอยู่ในน้ำได้รับผลกระทบจากมิติเวลา กำลังถูกชักนำให้เคลื่อนย้าย
ถึงต้นไม้ยักษ์จะมีกิ่งและลำต้นแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ได้รับการบิดจากมิติเวลาสองชั้น ยังเกิดความรู้สึกว่ากำลังจะหักลง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไร้อารมณ์ ยื่นอีกมือออกมากดบนลำต้นของต้นผมขาว
การศึกษาวิจัยต่อความล้ำลึกของมิติช่องว่างและการเวลา ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสามารถรักษาความมั่นคงของต้นผมขาวได้ ไม่ถึงกับถูกพลังบิดเบี้ยวของมิติเวลาผ่าออกเป็นสองซีก
เฉินกานหวาฉวยโอกาสถอยร่างไปด้านหลัง
“เคยสู้กับท่านมาครั้งหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องสู้อีกเป็นครั้งที่สอง” เขาพูดด้วยสีหน้าไร้ความสนใจ “ครั้งนี้ที่มาเพราะอยากเห็นท่าทางผิดหวังของท่าน สุดท้ายกลับถูกท่านดูออกก่อนแล้ว”
“ครั้งหน้าพวกเราค่อยหาความบันเทิงใหม่มาเล่นกัน…”
เฉินกานหวากำลังพูดอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอสืบเท้าออกหนึ่งก้าว!
เขาใช้มือซ้ายฟันประกายกระบี่สีแดงก่ำ ชักมือขวากลับตามสภาวะ
ประกายกระบี่ฟันม่านน้ำ ต้นผมขาวถูกเยี่ยนจ้าวเกอดึงออกมาจากในน้ำ
พอได้รับผลกระทบนี้ ต้นผมขาวกลับเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวนิ้วมือเคาะบนลำต้นด้วยความเร็วสูง
ความน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภากาลเวลากับคัมภีร์นภาความว่างเปล่าสายหยกพิสุทธิ์ปรากฏ ช่วยหยุดความผิดปกติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของสภาพแวดล้อมให้แก่ต้นผมขาว
เขายกมือขึ้น ถอนต้นผมขาวออกมาจากพื้น
พื้นด้านล่างความจริงเกิดจากกระแสน้ำ
หลังจากหลุดออกมา ต้นผมขาวเหมือนสูญเสียสารอาหาร มีร่องรอยแห้งเหี่ยวชั่วขณะ
แต่เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วติดต่อกัน แสงหลายสายพุ่งออกมาห่อหุ้มสายน้ำส่วนหนึ่ง วนเวียนอยู่รอบรากของต้นผมขาวต่อไป
ขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้มือซ้ายออกอีกกระบี่ แสงสีแดงกระจายไปทั่ว ม่านน้ำตรงหน้าเขาเปิดออกโดยสมบูรณ์
เยี่ยนจ้าวเกอโถมร่างเข้าไป ต้นผมขาวหดขนาดลงเพราะเขาควบคุมมิติเวลา สุดท้ายถูกชายหนุ่มเก็บไว้ในแขนเสื้อข้างขวา
เขารุกคืบต่อ เหยียบย่ำอากาศ บรรลุถึงมิติเวลาที่เฉินกานหวาอยู่
แต่ว่าพริบตาที่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าสู่มิติเวลานี้ กลิ่นอายอันน่ากลัวหลายสายก็พลันลอยขึ้น!
ทว่าในขณะเดียวกัน เฟิงอวิ่นเซิงที่ยืนนิ่ง คอยระวังหลังให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอดก็ขยับเช่นกัน
ในดวงตาของนางมีแสงมารสีดำอมน้ำเงินสาดส่อง สืบเท้าออกก้าวหนึ่งมาถึงด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอ ก้าวเข้ามาในมิติเวลาที่อยู่ตรงข้ามเช่นกัน
เสียงมหามรรคาที่ยิ่งใหญ่และดังกังวาน แต่ล่องลอยเหมือนอยู่ไกลออกไปดังขึ้น จากนั้นก็ปะทะกัน ลดทอนกันและกัน
ในคนซุ่มจู่โจมถึงกับมีเซียนกำเนิดสุญญตา
ปรากฏเงาร่าง ขณะที่เงาแสงหลายสั้นส่ายไหว
คนนำหน้าสวมมงกุฎสีทองหางปลา ใส่เสื้อนักพรตสีเหลืองอ่อน ใบหน้าเหมือนกับพุทราสุก ไว้เครายาว เป็นหลี่ซิ่งป้าเมื่อก่อนหน้า
ด้านหลังหลี่ซิ่งป้า เป็นกงซุนฮุยศิษย์ของเขา แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เข้าใกล้
ด้านข้างหลี่ซิ่งป้า ถึงกับยืนไว้ด้วยอนุเทวะเผ่ากระเรียนในตอนที่แย่งชิงวารีสามแสงตนนั้น
ตอนนี้พวกเขาเชื่อมต่อกับเฉินกานหวา ร่วมมือกันซุ่มจู่โจมเยี่ยนจ้าวเกอ
“มาเพื่อตำหนักโอสถกระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้สนใจ
ตอนแรกแม้จะแย่งชิงวารีสามแสงด้วยกัน แต่เทียบกับวารีสามแสงแล้ว ยังมีของที่มีค่ากว่าอย่างมิต้องสงสัย
ชื่อ ‘เทวะกษัตริย์น้อย’ ซึ่งเป็นการยั่วยุของเกาานในตอนแรกเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือได้บอกหลี่ซิ่งป้าว่า เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมตำหนักโอสถของวังเทพ
ถึงตัวตำหนักโอสถจะเคลื่อนย้ายได้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้ออกมาด้านนอก ย่อมไม่อาจให้ตำหนักโอสถติดตามได้
เมื่อเป็นแบบนี้ หากควบคุมคนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอได้ ใยไม่ใช่มีโอกาสได้รับสิทธิ์การควบคุมตำหนักโอสถ?
พอคิดถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าเป็นหลี่ซิ่งป้าหรืออนุเทวะเผ่ากระเรียน ไหนเลยจะไม่เกิดเพลิงลุกไหม้ในใจ?
แม้ว่าก่อนหน้านี้สองฝ่ายจะไม่รู้จักกัน แต่ตอนนี้ก็มีพื้นฐานของการร่วมมือแล้ว
ปัจจุบันอาศัยพลังของเฉินกานหวา ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกออาจจะมาอยู่ที่นี่ จึงมาหมอบซุ่มอยู่ด้วยกัน รอให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาติดกับ
‘พวกเขาไฉนจึงร่วมมือกับเฉินกานหวา? จริงด้วย สมควรเป็นเพราะเจ้าเกาหานนั่น’
ถึงเฉินกานหวาจะอาศัยวิชาลับมากมายอำพรางร่องรอยของพวกเขาที่มาถึงก่อน และเพื่อปลอมแปลงห้วงเวลาเจิดจรัสที่อยู่บนต้นผมขาว แต่สุดท้ายก็ยังถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอพบ
ทันทีที่เจอ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่า นอกจากว่าเฉินกานหวาจะทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด มุ่งสู่ระดับเซียนกำเนิดแล้ว ไม่อย่างนั้นด้านข้างเขาจะต้องมีเซียนกำเนิดคนอื่นๆ ช่วยเหลือ
ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้กว้างขวาง เฟิงอวิ๋นเซิงยังมีระดับพลังฝึกปรือสูงส่ง การรวมกลุ่มกันนี้ ต่อให้เฉินกานหวามีวิชาลับล้ำเลิศขนาดไหน ก็ไม่อาจปิดบังได้นานขนาดนั้น
ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ประหลาดใจที่ด้านข้างเฉินกานหวาจะมีเซียนกำเนิดแอบซุ่มอยู่
เขาเพียงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกหลี่ซิ่งป้า
แต่แค่ใช้ความคิดเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบแล้วว่าสะพานระหว่างสองฝ่ายก็คือเกาหาน
แต่เขาไม่สนใจการดำรงอยู่ของพวกหลี่ซิ่งป้าแม้แต่น้อย เป้าหมายยังคงเป็นเฉินกานหวา
เฟิงอวิ๋นเซิงเมื่อครู่ยืนนิ่งไม่ไหวติง เพราะกำลังป้องกันพวกหลี่ซิ่งป้า
แสงมารเพลิงทมิฬลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ขัดขวางศัตรู
เยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดเคลื่อนไหว ย่ำทำลายมิติเวลา บรรลุถึงตรงหน้าเฉินกานหวา
เขากดฝ่ามือลง เฉินกานหวายิ้มรับ ไม่ได้โต้ตอบ
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว รวบห้านิ้วแล้วบดขยี้ร่างของเฉินกานหวาเป็นผุยผง!
กระนั้น หลังจากร่างแหลกสลาย ใจกลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอกลับเพิ่มมุกขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง
“มุกลวงตาเป็นจริง?” เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย “ท่านยังมีของล้ำค่าชิ้นนี้?”
ในไข่มุกปรากฏภาพของเฉินกานหวา กำลังยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ข้าต้องการเห็นปฏิกิริยาหลังจากท่านดูห้วงเวลาเจิดจรัสที่ข้าได้สร้างขึ้น ถ้าเห็นได้ก็ดี ไม่ใช่ต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
ที่อยู่ที่นี่เป็นร่างปลอมที่เขาใช้มุกลวงตาเป็นจริงเลียนขึ้น ส่วนตัวเขาไม่ได้เข้ามาในแควธารสวรรค์แต่แรกแล้ว
“เจอกันครั้งหน้า” เฉินกานหวาโบกมือแก่เยี่ยนจ้าวเกอ เงาร่างที่ปรากฏขึ้นในไข่มุกยิ่งมายิ่งจาง
“ไหนเลยง่ายดายปานนั้น?” เยี่ยนจ้าวเกอมองไข่มุกในมือ ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มเย็นชา
เขากำไข่มุกไว้ในมือซ้าย ตั้งนิ้วชี้ข้างขวาขึ้น ปลายนิ้วมีแสงจุดหนึ่งส่ายไหว
จากนั้นก็ทิ่มนิ้วใส่ไข่มุก!
ไข่มุกสั่นทีหนึ่ง ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ทว่าเงาแสงในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดด้านนอกแควธารสวรรค์พลันสั่นไหว
คนหนุ่มสวมอาภรณ์ม่วงผู้หนึ่งโดดออกมาจากด้านในความว่างเปล่า เป็นเฉินกานหวา สีหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วของเขาขาวกว่าเดิมนัก
เฉินกานหวาชะงักอยู่กับที่เนิ่นนาน อ้าปากส่งเสียงโอก พ่นหมอกแสงหย่อมหนึ่งออกมาเหมือนกับกระอักเลือด
วินาทีนี้ร่างของเขาเหมือนกับเครื่องคราม ผิวของเครื่องครามแตกออกเป็นรอยร้าวสายหนึ่ง ในรอยร้าวมีแสงสว่างทะลักออกมา
………………..