ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1402 ชีวิตของพวกท่านขึ้นอยู่กับข้า
พอถูกประกายกระบี่ที่ลอยล่องนั้นกระทบใส่ ร่างของกงซุนฮุยพลันสั่นไหว
วินาทีนี้นี้เขาเพียงรู้สึกว่าวายุเซียนของตนในฐานะเซียนลี้ลับสงบนิ่งถึงกับพังทลายลงอย่างไร้เค้าลาง แบ่งแยกออกเป็นปราณพิสุทธิ์กับปราณเที่ยงตรงซึ่งไม่เหมือนกัน!
ถึงแม้ว่าปราณเซียนสองชนิดจะยังเกาะเกี่ยวกันอยู่ แต่กลับไม่ผสมหลอมรวมกัน แบ่งแยกกันละกัน
พอได้รับผลกระทบเช่นนี้ ร่างเซียนลี้ลับซึ่งตอนแรกได้ผ่านการชำระล้างโดยวายุเซียน จนเซียนจริงแท้ยากทำร้ายของเขาถึงกับเปลี่ยนกลับไปเป็นเปลือกร่างของเซียนจริงแท้ในวินาทีที่ถูกใส่กระบี่!
เขาในตอนนี้ถึงกับถูกคนลดจากระดับเซียนลี้ลับสองปราณเป็นระดับเซียนจริงแท้!
‘นี่เป็นวิชากระบี่อันใด’ กงซุนฮุยตกใจหน้าถอดสี ‘ไฉนเป็นเช่นนี้’
ในห้วงความคิดของเขาปรากฏภาพต่างๆ อย่างไม่อาจควบคุม คุ้นเคยแต่ก็เหมือนไม่คุ้นเคย นั่นเป็นประสบการณ์ตอนที่เขาทะลวงภัยพิบัติสัจพิศวง ข้ามผ่านภัยพิบัติสำเร็จ เลื่อนสู่ระดับเซียนลี้ลับ
วินาทีนี้ภาพทั้งหมดเหมือนกับเล่นย้อนกลับ เขามองดูตนออกห่างจากระดับเซียนลี้ลับไกลขึ้นเรื่อยๆ
กงซุนฮุยเรียนวรยุทธ์มาหลายพันปี ถึงในเวลาส่วนใหญ่จะเร้นกาย แต่ก็ไม่ขาดประสบการณ์ที่ออกเดินทางท่องโลก กระนั้นต่อให้เขานับว่ามีความรู้กว้างขวาง แต่วินาทีนี้ยังคงเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกและลนลาน
ก่อนวันนี้ เขาไม่เคยได้ยินว่ามีวิชากระบี่เช่นนี้…กระบี่เนรเทศเซียนที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้เนรเทศเซียน
ในสงครามเมื่อครั้งอดีต เยี่ยนจ้าวเกอใช้ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เนรเทศยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้ให้ตกไปอยู่ในโลกมนุษย์ ความร้ายกาจของกระบี่เนรเทศเซียนปรากฏขึ้นบนสงครามในวันนี้อีกครั้ง เนรเทศกงซุนฮุยเซียนลี้ลับสองปราณให้ตกสู่ระดับเซียนจริงแท้
ขณะที่ประกายกระบี่ซึ่งล่องลอยดุจธารสวรรค์ม้วนพลิกตกลงมา เยี่ยนจ้าวเกอก็ฟาดรอยตราพลิกนภาด้วยอีกมือใส่ศีรษะของกงซุนฮุย!
“ท่านมีกระโปรงของผู้ใดมุดเข้าไปหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงหัวเราะ ฝ่ายกงซุนฮุยได้ยินดังนั้นก็เบิกตาแทบถลน
เขาที่ถูกกระบี่เนรเทศเซียนไล่ลงไปสู่ระดับเซียนจริงแท้ จะรับฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร
เสียงร้องของเขาติดอยู่ที่คอหอย ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟาดศีรษะแหลก ชีวิตดับสิ้นไปในทันที!
วินาทีที่เยี่ยนจ้าวเกอออกกระบี่เนรเทศเซียน หลี่ซิ่งป้ากับอนุเทวะเผ่ากระเรียนตนนั้นสีหน้าต่างเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน
สายตาของพวกเขาย่อมสุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของกระบี่นั้นได้ในทันที
น่าเสียดาย ภายใต้สภาวะจู่โจมของเฟิงอวิ๋นเซิง พวกเขายังเอาตัวไม่รอด จะมีสมาธิไปดูแลทางกงซุนฮุยได้อย่างไร
“รีบถอย!” หลี่ซิ่งป้าเพิ่งทันได้ตะโกนสั่งศิษย์ของตัวเอง ก็เห็นศิษย์องตัวเองถูกประกายกระบี่ไล่ลงไปยังระดับเซียนจริงแท้ จากนั้นถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟาดศีรษะแหลกเป็นละอองเลือดกลุ่มหนึ่งแล้ว!
ใบหน้าดุจผลพุทราสุกของเขาตอนแรกซีดขาว จากนั้นก็แดงจนกลายเป็นสีม่วง เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เพราะตนก็เกือบถูกเฟิงอวิ๋นเซิงสังหารเช่นกัน
ทว่าในตอนนั้นเอง ปราณมารที่รุนแรงก็เปลี่ยนเป็นชัดเจนโดยสมบูรณ์
แม้ว่าจะอยู่ในแควธารสวรรค์ ทุกคนก็ยังสัมผัสได้ถึงสำนึกมารที่น่าพรั่นพรึงนั้น ขณะทำให้คนชาไปทั่วร่าง กลับทำให้จิตใจของผู้คนแทบคลั่งด้วย
ร่างที่น่ากลัวร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่กลางความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดด้านนอกแควธารสวรรค์ เหมือนหมอกและเหมือนมายา มองไปดูไม่มีจริง แต่กลับคล้ายผู้ปกครองจักรวาลแห่งนี้
ในที่สุดมารโบราณระดับมหาชาลก็ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ
แสงมารสีดำอมน้ำเงินในม่านตาสองข้างของเฟิงอวิ๋นเซิงสั่นไหวครั้งหนึ่ง นางหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ อีกฝ่ายกำลังมองนางพอดี ทั้งสองคนพยักหน้า จากนั้นหญิงสาวก็พุ่งร่างขึ้นฟ้า กลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งและฟันใส่ท้องฟ้าม่านน้ำด้านบน
แสงสีดำน่ากลัวส่องระยับ ทำลายการเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาที่ปั่นป่วนในแควธารสวรรค์ทิ้งไปพร้อมกัน ทำให้มิติเวลาที่เปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาดของแควธารสวรรค์ยากจะขัดขวางไม่ให้เฟิงอวิ๋นเซิงพุ่งออกไป
ทำลายง่ายสร้างยาก ถึงไม่อาจเคลื่อนไหวในมิติเวลาอันปั่นป่วนได้ดั่งใจนึก คิดไปยังที่ไหนก็ไปยังที่นั้น แต่จิตพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของเฟิงอวิ๋นเซิงกลับทำให้นางออกจากกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาเป็นผลสำเร็จ
แสงสีดำสว่างแวบ นางพุ่งออกจากด้านในลำธารที่ดวงดาวมากมายลอยจม เผชิญกับมารโบราณที่ปรากฏตัวในความว่างเปล่าตนนั้น
พร้อมกับการจากไปของเฟิงอวิ๋นเซิง หลี่ซิ่งป้ากับอนุเทวะเผ่ากระเรียนตนนั้นในที่สุดก็ผ่อนลมหายใจ
หลังจากผ่อนคลายลง เพลิงโทสะก็พวยพุ่งขึ้นสู่จิตใจของหลี่ซิ่งป้าอีกครั้ง
“ครั้งนี้ข้ากลับอยากเห็นว่าใครสามารถคุ้มครองมารผจญเช่นเจ้าได้!” เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างดุดัน กลับเห็นร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในม่านน้ำ
ลำธารในแควธารสวรรค์รวมเป็นหนึ่งกับกับมิติเวลาซึ่งเปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาด หากปล่อยให้มันพัดพาไป ผู้ใดก็ไม่ทราบว่าจะลอยไปถึงที่ไหน
“คิดหนี?” หลี่ซิ่งป้าแค่นเสียง
เมื่อไม่มีเฟิงอวิ๋นเซิงแก้ไข เสียงมหามรรคาอันยิ่งใหญ่และดังกังวานก็สั่นไหว หลี่ซิ่งป้าที่อยู่ในระดับสุญญตาลงมือ แก่นเซียนครอบคลุม ผนึกมิติพิเศษแห่งนี้โดยสมบูรณ์ ทำให้คนไม่อาจอาศัยกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาหนีไปได้
แต่ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงค่อยๆ หลอมรวมเข้าไปในม่านน้ำ เหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบ
หลี่ซิ่งป้างงงัน
ถึงเยี่ยนจ้าวเกอจะมีความพิเศษถึงขีดสุด เป็นเซียนจริงแท้หากแต่ไม่กลัวเสียงมหามรรคา แต่การใช้ปราณเซียนของเซียนจริงแท้รับมือแก่นเซียนของเซียนกำเนิดยังคงไม่ราบรื่นนัก
แก่นเซียนของเซียนกำเนิดกระจายไปทั่ว ปราณเซียนชนิดหนึ่งเพียงชนิดเดียวของเซียนจริงแท้เหมือนไร้การป้องกัน จะถูกทำลายในพริบตา นี่ไม่เกี่ยวกับว่าจอมยุทธ์จะเป็นใคร ไม่เกี่ยวกับว่าจอมยุทธ์จะฝึกวรยุทธ์ไหน
ทว่าตอนนี้กลับปรากฏฉากเหตุการณ์ที่ผิดปกติ
‘ที่มีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นน้ำนั่น!’ หลี่ซิ่งป้าถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือที่มีประสบการณ์โชกโชน สำเร็จมรรคาวิถีในยุคโบราณตอนต้น มีภูมิรู้กว้างขวางสุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ ทราบในทันทีว่าปัญหาอยู่ตรงไหน
เยี่ยนจ้าวเกอหายไปในม่านน้ำ สายน้ำมายานั้นสีสันถึงกับเปลี่ยนจากโปร่งใสเป็นเหลืองเข้มในชั่ววินาทีนี้
ขณะมองสายน้ำสีเหลืองเข้ม หลี่ซิ่งป้าตกใจ ส่วนลึกของจิตใจบังเกิดระลอกคลื่นขึ้น
เวลานี้ เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอดังออกมาจากทั่วทุกทิศทาง “ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นราชันพระอาทิตย์หรือเฉินเฉียนหัว ล้วนไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับข้าให้ท่านฟัง”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าพอจะทายแผนการของท่านออกคร่าวๆ แล้ว คิดอาศัยจอมมารจากนพยมโลกพัวพันภรรยาข้า จากนั้นพวกท่านก็รวมพลังกันจับข้า ถึงครั้งก่อนจะเคยเห็นลายมือแห่งแผ่นดินของข้า แต่วรยุทธ์ของท่านหลี่ซิ่งป้า บวกกับมุกผ่าดินอันเป็นของวิเศษไม่กลัวลายมือแห่งแผ่นดินพอดี ดังนั้นท่านจึงไม่มีข้อกริ่งเกรง”
“แต่ว่า…ข้าไม่คิดใช้ลายมือของเจ้าแม่แห่งแผ่นดินอีกครั้ง” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ถึงจิตพลังของเจ้าแม่แห่งแผ่นดินจะมีความพิเศษ ทั้งยังมีวิชาลับอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถส่งรอยตราลายมือที่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลคนอื่นๆ ยากจะเก็บไว้ได้ลงมา ทำให้พวกผู้เยาว์เช่นข้าได้รับประโยชน์ แต่นี่ถึงอย่างไรก็เป็นของวิเศษชนิดตราสลักชิ้นหนึ่ง จำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวัง”
ถ้าหากใช้ถี่เกินไป ไม่ให้เวลาฟื้นพลังมากพอ อาจจะทำให้ลายมือแห่งแผ่นดินเกิดความเสียหายชั่วนิรันดร์ที่เปลี่ยนกลับไม่ได้ หรืออาจถูกทำลายได้
“แต่ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสายน้ำของธารสวรรค์ตอนหนึ่ง” ความขบขันในเสียงหายไป เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นชัยภูมิที่เป็นใจยิ่ง สำหรับท่านนั้น เป็นฟ้าต้องการให้พวกท่านตายแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกแล้วว่าพวกท่านจะรักษาชีวิตบนที่แห่งนี้ได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ขึ้นอยู่กับพวกท่านอีกต่อไป ทว่า…”
ต่อจากเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอ แควธารสวรรค์ทั้งหมดกลายเป็นสีเหลืองเข้มในวินาทีนี้ ลมดำหลายระลอกส่งเสียงหวีดหวิดอยู่บนผิวน้ำไม่หยุด
“…ขึ้นอยู่กับข้า”