ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1407 ต้นผมขาวทั้งสอง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงออกห่างจากแควธารสวรรค์ สลัดทัพไล่ตามที่อยู่ด้านหลัง หาวิธียืนยันตำแหน่งของตัวเอง ขึ้นสู่เส้นทางกลับจักรวาลฟ้าฟื้นอีกครั้ง
ในตอนที่พวกเขากลับสู่จักรวาลฟ้าฟื้นไปถึงฟ้าเหนือฟ้า บรรลุถึงเทือกเขากว่างเฉิง ทิศเหนือของเทือกเขาก็มีสถานที่หนึ่งที่มีแสงสีเขียวอมขาวพุ่งสู่ฟากฟ้า สะท้อนม่านฟ้าครึ่งซีกเป็นสีเขียว
พวกเยี่ยนจ้าวเกอตรงไปยังสถานที่ที่แสงสีมรกตนั้นอยู่
ที่นี่เป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง
หุบเขาเจิดจรัสที่เทือกเขาคุนหลุนบนโลกซ้อนโลกในจักรวาลสำนักเต๋าถูกเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนย้ายมา ปัจจุบันตั้งอยู่ในเทือกเขากว่างเฉิงบนฟ้าเหนือฟ้า นั่นเป็นที่อยู่เดิมของจักรพรรดิเจิดจรัสหูเยว่ซิน
ขณะนี้ในหุบเขามีต้นไม้เทพสูงเทียมฟ้าต้นหนึ่งตั้งอยู่ กิ่งใบหนาแน่น ดอกสีขาวส่ายไหว บนกิ่งก้านปรากฏแสงสว่างสีเขียวอมขาวอันเจิดจ้า เป็นที่มาของแสงสีเขียวที่พุ่งขึ้นฟ้าจากด้านในหุบเขา
ต้นผมขาวที่มหึมากว่าต้นหนึ่ง เป็นที่ที่ซากสังขารของราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวงอยู่
นอกจากนี้แล้ว ยังมีสุสานฝังหมวกและเสื้อแพรอยู่ที่หนึ่ง กลับเป็นอาจารย์ของเสวี่ยชูฉิง ลูกศิษย์ของหูเยว่ซิน
ด้านในหุบเขาเจิดจรัส รอบๆ ต้นไม้เทพมีคนอยู่
เยี่ยนจ้าวเกอไม่อำพรางกลิ่นอายของตัวเอง ทำให้คนที่อยู่ที่นี่สัมผัสได้ อีกฝ่ายออกมาต้อนรับ ขณะมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เหาะลงจากฟ้าต่างยิ้มพลางคำนับ “ยินดีต้อนรับนายน้อยกับนายหญิงน้อยกลับฟ้าเหนือฟ้า”
กลับเป็นซูอวิ๋น ‘กระเรียนหยก’ ที่เคยอาศัยอยู่ในโลกยมทะยาน
ในอดีตแม้นางไม่ได้มีพลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขากว่างเฉิงมีของวิเศษมากพอ ได้ชักนำคนส่วนหนึ่งในพรรคกระเรียนหิมะบนโลกยมทะยานผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ขึ้นสู่ฟ้าเหนือฟ้าเพื่อลงหลักปักฐาน
ที่นี่มีสภาพแวดล้อมโดดเด่น ปราณวิญญาณเต็มเปี่ยม ย่อมเหนือกว่าโลกเบื้องล่างอย่างโลกยมทะยาน
พวกซูอวิ๋นใช้ชีวิตและฝึกฝนอยู่ที่นี่ เสวี่ยชูฉิงสามารถติดต่อกับพวกนางได้สะดวก
สถานที่แห่งนี้ความจริงก็นับได้ว่าเป็นนิวาสสถานส่วนตัวบนฟ้าเหนือฟ้าของเสวี่ยชูฉิง เป็นมรดกที่รับมาจากเซ่าจวินหวงและหูเยว่ซิน
ในสถานการณ์ที่เยี่ยนตี๋ออกไปด้านนอก ถึงเสวี่ยชูฉิงจะสนิทสนมกับคนทั่วทั้งเขากว่างเฉิง ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนในสำนัก ในเวลาส่วนใหญ่จึงกลับมาอยู่ในหุบเขาเจิดจรัส รอคอยเยี่ยนตี๋กลับมา
แต่เป็นเพราะว่าเยี่ยนจ้าวเกอออกไปจากฟ้าเหนือฟ้าเช่นกัน เสวี่ยชูฉิงจึงต้องดูแลค่ายกลกับตำหนักโอสถแทน นางจึงรั้งอยู่ทางเขากว่างเฉิงชั่วคราว
เรื่องการดูแลต้นผมขาว ยังมีหลุมฝังเสื้อแพรและหมวกของอาจารย์ของเสวี่ยชูฉิงในหุบเขาเจิดจรัส ปกติเป็นซูอวิ๋นคอยช่วยเหลือ
สำหรับเสวี่ยชูฉิงแล้ว แม้กับซูอวิ๋นจะเรียกว่าเป็นนายบ่าว แต่มีความสัมพันธ์เหมือนพี่สาวน้องสาวหรือศิษย์อาจารย์มากกว่า
แต่ซูอวิ๋นก็รักษามารยาทอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ตอนเจอเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็เรียกด้วยคำว่า ‘นายน้อย’ และ ‘นายหญิงน้อย’
“น้าซู หลายวันนี้รบกวนท่านแล้ว” หลังจากพวกเยี่ยนจ้าวเกอเหินมาถึงพื้นแล้วต่างก็คำนับซูอวิ๋น มองพวกเสินหรง ศิษย์พรรคกระเรียนหิมะซึ่งได้มาถึงฟ้าเหนือฟ้าที่อยู่อีกด้าน “ทุกคนตั้งใจกันมากทีเดียว”
พวกเสินหรงรีบกล่าวมิกล้ารับ ซูอวิ๋นมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ในเมื่อนายน้อยมาที่นี่ เช่นนั้นหมายความว่าจักรพรรดิเจิดจรัส…”
“มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเบาๆ แบมือของตัวเอง
กลางฝ่ามือของเขาก็ปรากฏแสงสีเขียวอมขาวด้วยเช่นกัน สะท้อนแสงกับต้นผมขาวที่สูงใหญ่ตรงหน้า
จากนั้นก็เห็นต้นไม้ยักษ์สูงเทียมฟ้าที่เรืองแสงสีเขียวอมขาวต้นหนึ่ง ลอยออกจากกลางฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ขยายใหญ่ตามลมด้วยความเร็วสูง
เยี่ยนจ้าวเกอจัดวางอย่างระมัดระวัง หลังจากตั้งใจจัดการก็ย้ายต้นผมขาวต้นที่สองไปด้านในหุบเขาเจิดจรัสสำเร็จ
เห็นต้นไม้เทพที่สูงใหญ่สองต้นตั้งในแถวเดียวกันด้วยระยะห่างประมาณหนึ่ง
ต้นผมขาวต้นที่เกิดจากซากสังขารของเซ่าจวินหวงใหญ่กว่า สูงใหญ่กว่าต้นผมขาวต้นที่สองที่เกิดจากซากสังขารของหูเยว่ซินมากกว่าหนึ่งเท่า
ต้นไม้เทพสองต้นตั้งเคียงกัน เหมือนเกิดการประสานเสียง แสงสีเขียวมรกตบนผิวเจิดจ้ากว่าเดิม ส่องฟ้าดินอันกว้างใหญ่รอบๆ หุบเขาเป็นสีเขียวผืนหนึ่ง
เมื่ออยู่ต่อหน้าต้นไม้เทพที่สูงใหญ่กว่าต้นนั้น กิ่งใบของต้นผมขาวต้นที่สองสั่นไหวโดยไร้ลม ส่งเสียงซู่ซ่าไม่หยุด
พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง ซูอวิ๋นยืนอยู่ใต้ต้นไม้ นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
‘วันนี้เกรงว่าศิษย์จะต้องขอไปก่อน หวังเหลือเกินว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ เพียงเสียดายที่ข้ารอวันที่ท่านกลับมาไม่ได้แล้ว’
พอนึกถึงหูเยว่ซินที่วิงวอนอธิษฐานก่อนตาย ขอให้เซ่าจวินหวงได้รับการคุ้มครองจากฟ้า และมีวันที่ได้พบหน้ากันอีกครั้ง แต่ตัวเซ่าจวินหวงกลับเสียชีวิตก่อนนาง เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างโศกเศร้า
ขณะมองดูต้นผมขาวสองต้นตรงหน้า เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไปเงียบๆ เขายกมือขึ้น กงจักรสีดำขนาดยักษ์วงหนึ่งปรากฏขึ้น
กงจักรเหล็กหมุนวน รูสิบสองรูด้านบนเปล่งแสง ไม่สว่างไม่มืดและขมุกขมัว
หลังจากแสงที่สว่างและมืดมัวกระทบถูกต้นผมขาวที่เล็กกว่าต้นนั้น บนต้นไม้เทพต้นนั้นถึงกับมีดอกสีน้ำเงินเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานอย่างไร้เค้าลาง เกาะเต็มกิ่ง
ในหุบเขาไม่มีลมพัดผ่าน แต่ว่าดอกสีขาวและดอกสีน้ำเงินบนต้นผมขาวสองต้นหนึ่งสูงหนึ่งใหญ่กลับส่ายไหวพร้อมกัน เหมือนกับมีเพลงที่ไร้เสียงดังขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอคำนับต้นไม้เทพสองต้นนั้นอย่างเงียบๆ พวกเฟิงอวิ๋นเซิงด้านหลังเขาก็ทำอย่างเดียวกัน
“ผู้อาวุโส ท่านสละชีพตัวเองเพราะความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าเหมือนผู้อาวุโสเซ่าและจักรพรรดิประกายกาฬ” เยี่ยนจ้าวเกอมองต้นผมขาวที่เกิดจากหูเยว่ซิน เอ่ยเสียงเบา “บุคคลอย่างท่านกับจักรพรรดิประกายกาฬ เกรงว่าจะไม่ยึดถือการอยู่ด้วยกันในฉากหน้า ขอให้ข้าได้ถือกงจักรมหาประกายกาฬนี้ต่อ เพื่อเป็นสักขีพยานแก่ความเสื่อมโทรมของมารปีศาจ เป็นสักขีพยานแก่ความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าสายหลักพร้อมกับผู้เยาว์ ขอให้สักวันหนึ่งข้าใช้ของวิเศษชิ้นนี้จัดการคนเส้นทางนอกรีตที่กลุ้มรุมจักรพรรดิประกายกาฬ จากนั้นจะส่งมันกลับมาอยู่ข้างท่านตลอดกาล”
เยี่ยนจ้าวเกอกวักมือ กงจักรมหาประกายกาฬสั่นไหวทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปอยู่ในมือของเขา
กิ่งใบของต้นผมขาวตรงหน้าส่ายเบาๆ เหมือนกับการบอกลาอันสงบนิ่ง
“น้าซู ที่นี่ยังต้องรบกวนท่านดูแล แต่ว่าอีกเดี๋ยวมารดาจะมาถึง ข้าขอไปสลับที่กับนางที่เขากว่างเฉิงก่อน” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปพูดกับซูอวิ๋น
ซูอวิ๋นตอบ “นายน้อยโปรดวางใจ”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า หลังจากบอกลาคนของพรรคกระเรียนหิมะพร้อมกับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้วก็ออกจากหุบเขาเจิดจรัส
เมื่อหันไปมอง ต้นผมขาวสองต้นในหุบเขาสะท้อนแสงแก่กัน สงบนิ่งและสอดคล้องกัน
“อาจารย์ของท่านแม่ยังไม่ได้ผลักเปิดประตูเซียน หลังเสียชีวิต ซากสังขารไม่ได้กลายเป็นต้นผมขาว ตอนนั้นตกตายด้วยน้ำมือของนักพรตเทียนอี้ ไม่ได้ทิ้งกระดูกเอาไว้ ท่านแม่ได้แต่นำของที่อาจารย์เคยพกติดตัวมาสร้างเป็นหลุมศพ ฝังหมวกและผ้าแพร” เยี่ยนจ้าวเกอมองดูครู่หนึ่ง กกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ไม่อย่างนั้นที่นี่สมควรมีต้นผมขาวสามต้นแล้ว พวกเราไปเถอะ กลับไปแจ้งท่านแม่”
คนทั้งสองกลับเขากว่างเฉิงด้วยกัน เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมตำหนักโอสถอีกครั้ง เสวี่ยชูฉิงจึงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
หลังจากคุยกันเรื่องราวหลังจากบอกลากัน และได้ยินพวกเยี่ยนจ้าวเกอเล่าถึงสิ่งที่ได้เจอมาในครั้งนี้ เสวี่ยชูฉิงสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย แต่อารมณ์กลับสงบนิ่ง “บูรพาจารย์ อาจารย์ย่า ยังมีท่านอาจารย์ อุดมการณ์และความปรารถนาล้วนกลายเป็นจริง จึงค่อยมีวันที่ข้าได้อยู่กับเยี่ยนตี๋และจ้าวเกอเจ้า
“การเสียสละของพวกนางไม่มีทางเสียเปล่า อนาคตที่พวกนางปรารถนา สุดท้ายจะต้องมีวันที่กลายเป็นจริง” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างแช่มช้า