ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1408 ความยินดีที่เหนือความคาดหมาย
“ข้าไม่เคยสงสัยเช่นกัน วันนั้นจะต้องมาถึงแน่ ถึงข้าจะไม่ทราบว่าจะได้เห็นหรือไม่” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้ม
นางลุกขึ้น บอกลาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ “ในเมื่อจ้าวเกอเจ้ากลับมาแล้ว ที่นี่ขอมอบให้เจ้า ข้าจะกลับไปหุบเขาเจิดจรัส คำนับอาจารย์ย่าก่อน”
เทียบกับเซ่าจวินหวงและหูเยว่ซินแล้ว ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับเสวี่ยชูฉิงมากที่สุดย่อมเป็นอาจารย์ของตัวนาง ดังนั้นแม้ตอนนี้จะเศร้าใจอยู่บ้าง แต่อารมณ์ของนางก็นับว่าสงบนิ่งอยู่
ทว่าซากสังขารของหูเยว่ซินได้กลับมากจากมิตินอกเขตแดน ใบไม้หล่นกลับสู่ราก นางในฐานะศิษย์หลานสายตรงย่อมต้องไปกราบไว้ดูแล
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงส่งเสวี่ยชูฉิงออกเขา มองดูเงาหลังที่หายไปของนาง จากนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงก็ถอนใจ “ในสายสืบทอดของราชันพระพฤหัสบดี คนรุ่นก่อนล้มเหลวมีคนรับช่วงต่อ เสื่อมโทรมในแต่ละยุค มาถึงยุคของท่านแม่ โศกนาฎกรรมในที่สุดก็ไม่เกิดขึ้นอีก”
“เหล่าคนรุ่นก่อนตายไปมีคนรับช่วงต่อก็เพื่อผลลัพธ์เช่นนี้ แต่ยังไม่พอ ตอนนี้เป็นแค่การเริ่มต้น” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างแช่มช้า
เขาตาเป็นประกายเย็นเยียบ “ตอนนั้นท่านแม่ข้าเจออันตรายรอบด้าน ถ้าไม่ใช่ข้ากับท่านพ่อคอยเฝ้าระวัง ยังมีศิษย์พี่เนี่ยกับศิษย์พี่หวังแห่งเขานครหยกช่วยเหลือ เกรงว่าผลลัพธ์จะไม่แน่นอนแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอบอกเล่าถึงเรื่องที่ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงวางแผนจับตัวกระเรียน จึงทราบรายละเอียดเรื่องราวในตอนนั้น
“หวังเจิ้งเฉิง นักพรตเทียนอี้ จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำเป็นหัวหอก คนที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นยังมีเฉินเฉียนหัวกับกานหยวนจื่อ” นางขมวดคิ้ว “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเฉียนหัวที่ครอบครองคัมภีร์เกิดนภาลงมือ พวกหวังเจิ้งเฉิงคงไม่เจอตัวท่านแม่ง่ายขนาดนั้น บัญชีก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ชำระกับเขา ครั้งนี้เขายังมาก่อเรื่องอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่วอย่างเย็นเยียบ “อย่าให้เขาตกอยู่ในมือข้าแล้วกัน ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เขาได้รู้ว่าอะไรคืออยู่มิสู้ตกตาย หลังจบเรื่องราว คนผู้นี้ก็หายสาบสูญ เขาครองคัมภีร์เกิดนภา ตามหาคนอื่นได้ง่าย พวกเราคิดตามหาเขากลับยากเย็นยิ่ง ตอนเข้าไปในตำหนักโอสถเป็นครั้งแรก เขาคิดจับปลาตอนน้ำขุ่น น่าเสียดายตอนนั้นข้ายุ่งกับการรับมือวิญญาณตำหนักเทียนซู สุดท้ายเขาหนีไปได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดเรื่องในวันนี้”
ชายหนุ่มเบะปาก “ตัวบัดซบนี้ลื่นยังกับปลาไหล ครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาในแควธารสวรรค์ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะจัดการสังหารเขาคาที่”
“ท่านไล่เขาไปจากแดนเซียน ยังมีบาดแผลมรรคาเต็มตัว ต่อให้คิดฝึกฝนใหม่ก็ยากแสนยาก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเสียชีวิตเพราะภัยพิบัติมนุษย์เซียน” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยขึ้น
“มอบบทเรียนให้ก่อน ถือว่าเก็บดอกเบี้ย” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียงกล่าว
เฟิงอวิ๋นเซิงใคร่ครวญเล็กน้อย กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ถึงมารโบราณนพยมโลกตนนั้นจะเป็นหลี่ซิ่งป้าชักนำมา แต่ใช่ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเฉินเฉียนหัว ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่า ในตอนนั้นเขาเองก็เคยเข้าไปในนพยมโลกเช่นกัน ท่านว่า เขาได้ทำ…”
เฟิงอวิ๋นเซิงทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างลังเลอยู่บ้าง
“มีความเป็นไปได้ แต่ก็ไม่แน่นัก” เยี่ยนจ้าวเกอฟังความหมายในวาจาของนางออก พยักหน้าเอ่ย “จะร่วงหล่นเป็นมารหรือไม่ คนผู้นั้นไม่ได้ใส่ใจ”
หลังจากเว้นวรรคไปเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนนึกอะไรออก “การร่วงหล่นเป็นมารของสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นนอกจากมารร้ายนพยมโลก ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่ามีความยึดติดและความคิดชั่วร้ายบางอย่างหรือหลายอย่างในใจล้ำลึกเกินไป สุดท้ายก็ล้ำเส้น กลายเป็นสำนึกมาร ในตอนท้ายสุดปราณมารนพยมโลกรวมตัวในนอก กลายเป็นมารร้าย เจ้าเฉินเฉียนหัว หากบอกว่าจะร่วงหล่นเป็นมาร กลับมิสู้บอกว่าเขาเป็นมารในร่างมนุษย์อยู่แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตากล่าว “เขาไม่ร่วงหล่นเป็นมาร ไม่คิดเป็นพวกกับมาร เกรงว่านพยมโลกก็ไม่มีทางยึดถือเขาเป็นคนธรรมดา สำหรับเขาแล้ว ต่อให้กลายเป็นมารก็เป็นการเปลี่ยนพิธีกรรมให้กลายเป็นควาจริง”
“แต่ว่าวินาทีที่ร่วงหล่นเป็นมารอาจช่วยรักษาอการบาดเจ็บแก่เขา ถึงขั้นฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนได้” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองฟ้า “หาโอกาสกำจัดเขาเถอะ” เขาหันกลับไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “เจ้ายังสะกดตัวเองได้นานเท่าไร”
“ตามปกติมากกว่าพันปีไม่มีปัญหา” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ “ขอแค่อย่าเจอคู่ต่อสู้ระดับมหาชาลเช่นครั้งนี้บ่อยๆ ก็พอ”
เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “ทำนายได้อยู่ อย่างน้อยเป็นไปได้ว่าจะต้องเจออีกหนึ่งครั้ง”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ภัยพิบัติของราชันพระพุธ ผู้อาวุโสฉู่ ยังมีจวินเอ๋อร์สองแม่ลูก”
“นอกจากครั้งนี้ที่มาหาเรื่องเจ้าแล้ว หลายปีมานี้นพยมโลกสงบเสงี่ยมเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอนวดหน้าผากตัวเองเบาๆ “การต่อสู้ระหว่างเส้นทางนอกรีต และการทำสงครามของเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกมอบช่องว่างและโอกาสแก่พวกเรา อีกทั้งผ่อนคลายพันธนาการของนพยมโลกเช่นกัน”
เขาหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง “ครั้งนี้มารโบราณตนนั้นมาถึงแควธารสวรรค์สร้างความลำบากแก่เรา ตอนนี้ข้าลองคิดดูอย่างละเอียด เป้าหมายของมันบางทีไม่ใช่ความสำเร็จ แต่เป็นการหยั่งเชิง”
“การหยั่งเชิง…” เฟิงอวิ๋นเซิงทวนรอบหนึ่ง
เป็นทั้งการหยั่งเชิงนางเฟิงอวิ๋นเซิง และเป็นการหยั่งเชิงปฏิกิริยาของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ในขุมกำลังอื่น
“ผลลัพธ์หลังการหยั่งเชิง อาจเป็นการม้วนธงหยุดตีกลองรบ และอาจเป็น…” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “การก่อการครั้งใหญ่?”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะน้อยๆ “ดูจากตอนนี้ ข้าคิดว่าอย่างหลังมีความเป็นไปได้มากกว่า”
เฟิงอวิ๋นเซิงจิตใจเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม กลับไม่เป็นห่วงตัวเอง “ทางด้านราชันพระพุธ…”
“อดทนรอเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา “วิกฤติการณ์เป็นทั้งอันตรายและโอกาส นี่บางทีอาจเป็นโอกาสในการจัดการปัญหาของพวกเรา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าจะคว้าไว้ได้หรือไม่”
เฟิงอวิ๋นเซิงพอฟังก็กล่าว “น่าเสียดายผู้อาวุโสฉู่ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นพวกเราสามารถกำหนดสถานที่เองได้ แควธารสวรรค์แห่งนั้นเป็นที่ที่ไม่เลว เหมาะให้ท่านแสดงฤทธิ์เดช”
“ปรับเปลี่ยนไปตามสถานที่เถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเอ่ย “ต้องโทษที่พวกหลี่ซิ่งป้าโชคร้าย แต่ก็ทำให้พวกเราได้ประโยชน์”
ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอหยิบไข่มุกสีเหลืองเข้มชิ้นหนึ่งออกมารองไว้ในฝ่ามือ เป็นมุกผ่าดินของวิเศษของหลี่ซิ่งป้าเมื่อก่อนหน้า
“ใช้ดินทำลายดิน สมคำร่ำลือ” เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชมเชย “มิน่าทั้งๆ ที่รู้ว่าข้ามีลายมือแห่งแผ่นดินก็ยังมาหาเรื่อง”
เฟิงอวิ๋นเซิงจุ๊ปากชมเชยเช่นกัน ถามว่า “ยังมีของอย่างอื่นอีกหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอพลันนึกอะไรได้ แสยะยิ้ม “แน่นอน ไม่ใช่เป็นแค่สิ่งที่ได้มา แต่บอกได้ว่าเป็นความยินดีเหนือความคาดหมาย”
เขาเก็บมุกผ่าดิน พลิกมือวูบหนึ่ง ปรากฏขนกระเรียนมากมาย
“ขนของปีศาจกระเรียนตนนั้นล้ำค่ายิ่ง แต่ว่า…” ในมืออีกข้างของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏใยไหมที่เปล่งแสงระยิบระยับ “…แต่ว่าต่อให้รวมขนทั้งหมดไว้ด้วยกัน ก็เทียบกับของสิ่งนี้ไม่ได้” เขาพูดพลางหรี่ตา
เฟิงอวิ๋นเซิงสัมผัสกลิ่นอายของใยไหม คล้ายนึกอะไรได้ “ที่ท่านกล่าวก่อนหน้านี้ว่ามันสามารถทำลายรากฐานความสามารถแต่กำเนิดของคู่ต่อสู้ได้?”
“มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างแช่มช้า “เมื่อมีของสิ่งนี้ พวกเราก็มีความมั่นใจในการรับมือการเคลื่อนไหวของทางนพยมโลกได้มากขึ้นหลายส่วน”
เขายืนบนยอดเขากว่างเฉิง ทอดสายตามองขุนเขาลำธารรัศมีพันล้านลี้ของฟ้าเหนือฟ้าที่อยู่ไกลออกไป “หวังว่าครั้งนี้จะแก้ไขปัญหาที่ค้างอยู่มาโดยตลอดได้อย่างสมบูรณ์”