ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 141 ฝีเท้าเร็วถึงก่อน!
ค่ายกลวิญญาณที่เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของการุณยบุรุษซึ่งทิ้งเอาไว้ มีอานุภาพสูงยิ่ง
ทว่าการุณยบุรุษจากไปนานมากแล้ว หลายมาปีมานี้แม้ค่ายกลวิญญาณจะอยู่ในสภาพที่เก็บซ่อนเงียบสงัด กระนั้นพลังชีวิตกำลังถูกชะล้างหายไปอย่างไม่หยุดหย่อน
พลังชีวิตชะล้างหายไป กัดกร่อนตามกาลเวลา ก่อให้เกิดความบกพร่องของค่ายกลวิญญาณ อานุภาพไม่เพื่องฟูเช่นตอนนั้น
เพียงแต่ว่าหากอยากจะใช้พลังทำลายค่ายกล เช่นนั้นอย่างน้อยก็ต้องมีพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์
หมอกเย็นกร่อนกระดูก แม้ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นด้วยตา ทว่าภายใต้ความไร้รูปร่างกลับกัดกร่อนร่างกายของมนุษย์อย่างต่อเนื่องตามกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ หากเอาตนเองเข้าไปอยู่ในหมอกเย็นเป็นระยะเวลานานเข้า ก็จะค่อยๆ อ่อนแอลงไปโดยปริยาย
เมื่อปราณจิตราที่ต้านทานความหนาวเย็นหมดสิ้นไป ก็ยังไม่สามารถเดินออกไปจากหมอกเย็นที่เหมือนกับเขาวงกตไม่ได้ มิเช่นนั้นก็จะหนาวตายจริงๆ อยู่ภายในหมอกน้ำแข็ง กลายสภาพเป็นส่วนหนึ่งของหิมะและน้ำแข็งไป
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่ต้านทานความหนาวสะท้าน ยังต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีขององครักษ์ผลึกน้ำแข็งที่คืนชีพไม่หยุดยั้ง คนหน้าล้มลงไป คนข้างหลังก็กระโจนเข้าโจมตีไม่ขาดสาย ทำให้จอมยุทธ์ลดจำนวนน้อยลงยิ่งขึ้น
ทว่าสิ่งเหล่านี้กลับไม่ยากเกินความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ
การคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงของสายพลังชีวิตค่ายกลอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ หาเคล็ดลับในการทำลายค่ายกลจนเจอ ความเร็วในการรุดหน้าก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าเบื้องหน้าจะยังคงตลบอบอวลไปด้วยหมอกน้ำแข็ง ทว่าจิตสัมผัสของเยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ่งเฉียบไวขึ้น จนเริ่มแยกแยะทิศทางและหนทางได้ชัดเจน
ไม่นานนัก เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่ก็ปรากฏแท่นที่ประกอบสร้างมาจากน้ำแข็งหนาวเย็น มีอักขระวิญญาณแต่ละสายไหลหมุนเวียนอยู่ด้านบน
เยี่ยนจ้าวเกอไปยืนอยู่บนแท่น ก่อนจะนั่งยองๆ ลง แล้วยื่นฝ่ามือประทับลงบนผิวน้ำแข็ง
ความรู้สึกหนาวเหน็บกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายมา ผิวน้ำแข็งแข็งแรงหนาหนัก
แม้จะเป็นพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบัน ภายในใจของเขาก็ยังรู้สึกว่ายากที่จะทำลาย
ผิวน้ำแข็งกำลังส่งผลกระทบกับปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงภายในของน้ำแข็งหนาวเหน็บ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของกระแสปราณที่แปลกประหลาดอยู่ภายใน มันสร้างระบบด้วยตัวของมันเอง ปราณจิตราของเขาอยากจะเจาะทะลุเข้าไปข้างใน ทว่าก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เพราะถูกพลังชีวิตภายในผิวน้ำแข็งขับไล่
ชายหนุ่มยิ้ม ไม่รีบไม่ร้อน เขาโคจรปราณจิตราของตนให้มั่นคงก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เสาะหากฎเกณฑ์ความสมดุลของกระแสไหลเวียนพลังชีวิตใต้พื้นผิวน้ำแข็ง
มือทั้งสองของอาหู่จับศีรษะขององครักษ์ผลึกน้ำแข็งสองตัวพร้อมกัน จากนั้นก็จับพวกมันขึ้นชนกัน!
ครั้นศีรษะขององครักษ์ผลึกน้ำแข็งทั้งสองชนเข้าด้วยกัน ก็พลันแตกกระจุยทั้งหมด
อาหู่เรียกโดยที่ไม่หันหน้ากลับมา “คุณชายขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ไม่เป็นไร นี่คือส่วนหนึ่งของค่ายกลวิญญาณ สิ่งนี้เหมือนกับ ‘ประตู’ และก็เหมือนกับ ‘ทางสัญจร’ พลังชีวิตด้านในผิวน้ำแข็งประกอบกันเป็นความสมดุลหมุนเวียนหนึ่งที่มั่นคง คิดหาวิธีนำปราณจิตราของตนหลอมรวมเข้าไปถึงภายในความสมดุลนี้ รวมกันเป็นหนึ่งกับมัน เช่นนี้ก็จะสามารถผ่านพื้นผิวน้ำแข็งไปได้ รุดหน้าลงไปอีกขั้นหนึ่ง”
หลังจากกล่าวจบ ปราณจิตราภายในร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอก็สั่นสะเทือน พื้นผิวน้ำแข็งใต้ฝ่ามือพลันเปล่งแสงสว่างขึ้นทันที ชั่วขณะถัดมาร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอก็หายไปในอากาศ
อาหู่พลิกฝ่ามือหนึ่งตบองครักษ์ผลึกน้ำแข็งอีกตัวจนแตก จากนั้นจึงลอกเลียนแบบตามท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ ขณะที่ผิวน้ำแข็งบนแท่นส่องแสงสว่างวาบ ร่างกายของอาหู่ก็หายไปเช่นกัน
ผ่านพื้นผิวน้ำแข็งไป เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ก็มาถึงภายในห้องน้ำแข็งอันใหญ่โตห้องหนึ่ง
หมอกเย็นสลายหายลับตาไป ส่วนภายในห้องห้องน้ำแข็งว่างเปล่าไร้สิ่งใด มีเพียงโลงผลึกแก้วขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางเท่านั้น
อาหู่มองโลงนั่นด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ที่นี่คือห้องตั้งโลงศพของการุณยบุรุษหรือขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “ห้องตั้งโลงศพเทียม เป็นส่วนหนึ่งของเล่ห์กลและค่ายกลวิญญาณเช่นกัน ตัวของโลงศพน่าจะซ่อนเล่ห์กลที่อันตรายเอาไว้”
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอปิดเปลือกตาลงเพื่อสัมผัสอย่างละเอียดถี่ถ้วนพักหนึ่งแล้ว เขากลับกระโดดขึ้นไปข้างบน ร่างกายห้อยกลับหัวลงมา ยืนอยู่บนเพดานห้องน้ำแข็งอย่างมั่นคง
เขาเดินไปมาซ้ายขวาหลายก้าว ใต้ฝ่าเท้าเหยียบย่ำด้วยจังหวะฝีเท้าที่แปลกประหลาด
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาพลันหยุดฝีเท้าลง และมาถึงด้านบนโลงผลึกน้ำแข็งพอดิบพอดี
ด้านบนสุดของห้องน้ำแข็ง พื้นผิวใต้ฝ่าเท้าเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ ก็พลันส่องแสงโชติช่วงอีกครั้ง
อาหู่อ้าปากยิ้มกว้าง แล้วเหินกายขึ้นไปบนส่วนยอดของห้องน้ำแข็ง จากนั้นทั้งสองก็หายไปภายในห้องน้ำแข็งพร้อมกัน
ครั้นผ่านเล่ห์กลค่ายกลวิญญาณได้อีกครั้ง ภาพฉากเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันเปลี่ยนทันที จากโลกน้ำแข็งหนาวเหน็บที่เป็นผืนหิมะขาว พลันมาถึงโลกแห่งเพลิงลุกโชนที่สีแดงเดือด!
แม่น้ำเปลวเพลิงสายยาวและกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏอยู่เบื้องหน้าทั้งสองคน ลมปราณอันร้อนระอุเกือบจะทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
ใต้พื้นดินของเขาหิมะพันผูกบูรพาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน คือเขตหินหลอมเหลวขนาดใหญ่มโหฬารผืนหนึ่ง
ท่ามกลางกระแสเพลิงทั่วท้องฟ้า เยี่ยนจ้าวเกอพยายามมองไกลออกไป พบว่าที่ใจกลางแม่น้ำหินหนืดมีหินผาขนาดยักษ์ก้อนหนึ่งที่เหมือนกับเกาะเดี่ยวตั้งตระหง่านอยู่รางๆ
ระหว่างที่หินหลอมเหลวอันร้อนแผดเผารินไหล กระทบบนหินผายักษ์นั่น ประกายเพลิงอันน่าหวาดกลัวก็กระเซ็นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่กระโดดข้ามแม่น้ำหินหลอมเหลวไปยังบนหินยักษ์ที่คล้ายกับเกาะเดี่ยวกลางแม่น้ำพร้อมกัน
ใจกลางหินยักษ์ ยังมีโลงศพหินตั้งอยู่โลงหนึ่ง
บนโลงหินมีลายเส้นอักษรที่เขียนด้วยเปลวเพลิงลอยอยู่ว่า ‘ผิดหวังยิ่ง! ผิดหวังยิ่ง!’
ที่แห่งนี้สิถึงจะเป็นสถานที่เก็บกระดูกของการุณยบุรุษที่แท้จริง
สถานการณ์กับการคาดการณ์ล่วงหน้าของตนเป็นเอกฉันท์ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับดีใจไม่ออก ใบหน้าอาหู่จึงยิ่งสงสัยใคร่รู้ “ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์เลยขอรับ”
เขาเกาศีรษะแล้วเกาศีรษะอีก “คุณชาย หรือการุณยบุรุษจะนำเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ที่อื่นแล้ว ความจริงแล้วมันไม่ได้อยู่ที่นี่มาโดยตลอด”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตอบ เขามาถึงด้านหน้าโลงหิน แล้วจึงคำนับเป็นอันดับแรก อาหู่พลันได้สติ ก่อนจะรีบทำตามเช่นกัน
จากนั้นชายหนุ่มก็หลับตาลง สัมผัสโดยรอบพร้อมกันอย่างละเอียด หลังจากพักหนึ่งจึงลืมตาขึ้น “เศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์เคยอยู่ที่นี่จริงๆ แต่มีคนฝีเท้าเร็วมาถึงก่อนแล้ว”
สีหน้าอาหู่ไม่น่ามองอยู่บ้าง “คุณชาย ระยะเวลาที่พวกเราเข้ามาก็ไม่ได้ยาวนานแต่อย่างใด ถ้าหากเป็นหลินโจวนั่นฝีเท้าเร็วมาถึงและนำเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน เมื่อพวกเรามาถึงที่นี่ เขาก็จากไปจนไม่เห็นเงาแล้ว เช่นนั้นความเร็วที่เขาเข้ามาก็อาจจะไม่ได้รวดเร็วนักใช่หรือไม่ขอรับ ข้ายังหลงคิดว่าเขาติดอยู่ในเขาวงกตหมอกน้ำแข็ง ส่วนพวกเราเดินนำหน้าเขามาแล้วเสียอีก”
“แม้จะยินได้มาว่าระดับพลังของหลิวโจวระยะนี้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วฉับพลัน ทิ้งเยี่ยนซ่านที่ถูกเปรียบเทียบกับเขามาโดยตลอดไว้เบื้องหลัง แต่ก็ไม่น่าจะกลายเป็นมหาปรมาจารย์ได้รวดเร็วเช่นนี้กระมัง ต่อให้เป็นมหาปรมาจารย์ แต่นอกเสียจากว่าพลังความสามารถและมีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งยิ่ง ไม่เช่นนั้นก็ไม่น่าจะทำลายเขาวงกตหมอกน้ำแข็งด้านบนได้รวดเร็วเช่นนี้”
“ถึงการุณยบุรุษจะล่วงลับ แต่ค่ายกลวิญญาณที่ทิ้งเอาไว้ก็ไม่ใช่จะทำลายได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น” อาหู่ลังเลไปเล็กน้อย “นี่ทำลายกลเร็วกว่าคุณชายแล้ว…”
อาหู่เกาด้านหลังศีรษะ “เหมือนว่าก่อนจะเข้ามาก็รู้อยู่แล้วว่าควรจะไปอย่างไร อีกทั้งไม่ต้องเสาะหาวิธีถอดกลเขาวงกตขณะเกิดเหตุ หรือที่แห่งนี้มีทางลัดอีกทาง แล้วเขาก็ลัดเข้ามาโดยตรง”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วมือนวดคลึงขมับของตนเอง พลางมองดูโลกแห่งเปลวเพลิงโดยรอบทั่งสี่ทิศ “เหนือฟ้ายังมีฟ้า หรือเขาจะรู้จักที่นี่เหมือนกับตาเห็นตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาแล้ว”
ท้ายที่สุดสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่โลงหินของการุณยบุรุษ อักษรเพลิงที่รวมตัวเป็นของแข็งคงอยู่กลางอากาศ เป็นเวลานานไม่กระจายออกไป
‘ผิดหวังยิ่ง’ ทั้งสองคำ ผ่านกาลเวลาอย่างยาวนาน ราวกับสามารถทำให้ผู้คนข้ามมิติได้ รู้สึกได้ถึงความเสียดายและไม่ยินยอมของการุณยบุรุษก่อนที่จะสิ้นลม
ขณะที่กำลังไตร่ตรองอยู่พอดี โลกแห่งเปลวเพลิงที่ทั้งสองอยู่ ก็พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง
แม่น้ำหินหลอมเหลวโดยรอบหินยักษ์โหมซัดสาดโครมครามขึ้นมา หินผาด้านบนแตกกระจายร่วงลงอย่างต่อเนื่อง!
เขตหินหลอมเหลวใต้พื้นดินนี้ ประหนึ่งกับจะกลายสภาพเป็นทะเลเพลิง ฟ้าถล่มดินทลาย!
บริเวณแกนกลางค่ายกลวิญญาณ ภายในอากาศที่น้ำแข็งและเพลิงผสานเข้าด้วยกัน หลินโจว คุณชายฟ้าคำรนมองเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่ที่ติดอยู่ในโลกแห่งหินหนืดอันรุนแรงด้วยความสงบนิ่ง
“ทำลายกลทีละก้าว มีฝีมือสูง แต่ยังไม่เทียบเท่าข้า” สายตาหลินโจวแปลกประหลาดอยู่บ้าง “แต่ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าทางลับอยู่ที่ใด เช่นนั้นก็อธิบายได้ว่าเจ้ากับข้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน”
“แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำให้วงโคจรโชคชะตาของเจ้าปรากฏความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ยิ่งทำให้เรื่องต่างๆ มากมายล้วนเกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เจ้ากวนน้ำในบ่อจนขุ่นทั้งผืนอย่างแท้จริง ทำให้ความทรงจำที่เดิมทีแจ่มชัดก็เปลี่ยนเป็นคล้ายกับว่าใช่แต่ก็ไม่ใช่ เรื่องที่เดิมทีมั่นใจก็ไม่กล้าเชื่อมั่น หากเจ้าหายสาบสูญไปในหินหลอมเหลวเพลิงปฐพีนี้อย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างใน ‘อดีต’ อาจจะกลับเข้าสู่ลู่ทางที่ถูกต้องได้กระมัง”
หลินโจวพึมพำกับตนเอง “เช่นนี้แล้ว แต้มต่อในมือของข้าถึงจะเยอะขึ้นมาหน่อย ถึงอย่างไรเดิมเจ้าก็เป็นเสี้ยนหนามของตำหนักอัสนีสวรรค์อยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือแยกกันตลอดกาลเสียเถิด เยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายกว่างเฉิง”
………………..