ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1413 วิญญาณฟ้าแฝง
“ความกังวลในใจ…” พอฟังคำพูดของสวีเฟย เซี่ยโยวฉานก็เหมือนนึกอะไรได้ “เรื่องของสือจวินกับพี่สะใภ้อวี่เจิน?”
“อืม มาถึงตรงหน้าแล้ว” สวีเฟยนั่งตัวตรง พยักหน้าเบาๆ
เซี่ยโยวฉานยื่นมืออกมากำฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่าย “ทุกคนเตรียมการมาหลายปี จะต้องเปลี่ยนเรื่องร้ายเป็นเรื่องดีได้แน่”
สวีเฟยพลิกมือกำฝ่ามือเรียวยาวของภรรยา “มารร้ายนพยมโลกก็เตรียมตัวมาหลายปีเช่นกัน ผลร้ายผลดีอย่างมากสุดไม่เกินห้าต่อห้า โยวฉาน ข้าสำนึกตัวว่าไม่ใช่คนใจแคบ แต่ตอนนี้กลับค่อนข้างถือสา”
ชายฉจรรก์ที่เหมือนกับภูเขาดวงตาสงบนิ่ง “ถือสาความกระจ้อยร่อยของตัวเอง”
เซี่ยโยวฉานกำมือสามี ในฐานะภรรยา สิ่งที่นางต้องการมากที่สุดคือสวีเฟยปลอดภัย
แต่ว่านางก็รู้จักสามีของตัวเองดี ทราบว่าอีกฝ่ายคิดอะไรในใจ
เซี่ยโยวฉานเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน “คนเกิดมาในโลก บางเรื่องพึงกระทำบางเรื่องไม่พึงกระทำ เรื่องบางเรื่องไม่อาจฝืน แต่ก็มีเรื่องบางเรื่องก็สมควรลองดูสักครั้งขณะที่ต้องใช้พลังทั้งหมด ไปตั้งใจกระทำให้ดีขึ้นเล็กน้อยในสถานการณ์ที่ดีที่สุดในความคาดหมายของพวกเรา”
“ข้าลองฝืนดูได้” สวีเฟยยิ้ม “แต่เจ้าอย่าฝืนเลย”
เซี่ยโยวฉานเอียงคอเล็กน้อย “ตามคำพูดก่อนหน้านี้ของท่าน คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ถ้าหากแข็งแกร่งขนาดนั้น ต่อให้ข้าฝืนมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ไม่เป็นตัวถ่วงท่าน”
สวีเฟยกอดภรรยาในอ้อมอก “ถูกต้อง อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น แม้แต่ข้าก็ไม่อาจสอดมือเข้าไปตรงๆ ได้”
สายตาของเขาสงบนิ่ง แต่ก็แน่วแน่ “แต่ขอแค่สวีเฟยพยายามได้สักส่วน ไม่ว่าจะออกแรงด้วยวิธีไหน ล้วนไม่อาจผลักไสภาระให้ผู้อื่น”
…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบอกลาสวีเฟยแล้ว ก็ไปยังลานบ้านบนเขาที่เอาไว้รับแขกโดยเฉพาะ
พอถึงที่นั่น เขามองเห็นสตรีสองคนนั่งหันหน้าคุยกันในศาลาจากระยะทางไกลๆ คนที่สวมอาภรณ์ขาวย่อมเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง อีกคนที่สวมอาภรณ์เขียวเป็นอวี่เยี่ย
“ศิษย์พี่อวี่ สบายดีหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอทักทายด้วยรอยยิ้ม
อวี่เยี่ยหันหน้ามา “ศิษย์น้องเยี่ยน ไม่ได้เจอกันนาน ยังไม่ได้ยินดีกับเจ้าที่ได้เปิดประตูเซียน เลื่อนสู่ระดับเซียน เซียนผู้ถูกเนรเทศกลับคืนสู่สวรรค์ชั้นเก้า”
“ศิษย์พี่อวี่เกรงใจแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเดินมานั่งลง พิจารณาอวี่เยี่ยขึ้นลงแวบหนึ่ง “อืม…ศิษย์พี่อวี่ท่านตัดสินใจซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่แล้ว?”
อวี่เยี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง ท่านตากับท่านยาย ยังมีพวกท่านลุงต่างแนะนำให้ข้าทำเช่นนี้”
ขณะนี้อวี่เยี่ยยังคงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ระดับประมุขในหมู่คน
ครั้งกระโน้นในตำหนักโอสถ ร่างปลอมที่วิญญาณตำหนักเทียนซูใช้โอสถและของวิเศษสร้างขึ้นแบ่งออกมา กลายเป็นแก่นแท้กลิ่นโอสถ ถูกพวกเยี่ยนจ้าวเกอแบ่งใช้ ในนี้ยังมีส่วนของอวี่เยี่ย
ด้วยพรสวรรค์ขีดความสามารถของนาง ถึงผู้ฝึกกระบี่จะพัฒนาลำบาก แต่เมื่อมีแก่นแท้กลิ่นโอสถสร้างรากฐาน จึงประหยัดเวลาสั่งสมได้มหาศาล การลองไปเปิดประตูเซียน ฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนสำเร็จร่างเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีความเป็นไปได้
อย่างเช่นเนี่ยจิงเสินก็ผลักเปิดประตูเซียนสำเร็จร่างเซียนจริงแท้ต่อจากเยี่ยนตี๋เช่นกัน นับว่าเร็วกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ว่าหลังจากเขาเลื่อนสู่ระดับเซียน ยังคงใช้เวลาสำหรับการฝึกฝนเป็นส่วนใหญ่
ตอนนั้นถึงแก่นแท้กลิ่นโอสถจะถูกคนแบ่งสรรปันส่วน แต่ว่าแต่ละคนก็ได้ไปเป็นจำนวนมหาศาล จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจหลอมเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เนี่ยสิงเสิน และอวี่เยี่ยกลายเป็นเซียนก็ได้รับผลประโยชน์ระยะยาว มอบประโยชน์ให้แก่การฝึกฝนต่อจากนั้นของพวกเขาด้วย
ในเวลาต่อมา ทุกคนต่างไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาตกตะกอนในเรื่องการสั่งสมปราณกำเนิดอีกต่อไป
เพียงแค่ข้อนี้ก็ทำให้พวกเขามีพัฒนาการเร็วกว่าเดิมในสถานการณ์ที่มีเงื่อนไขอื่นๆ เหมือนกัน
สาเหตุที่อวี่เยี่ยยังอยู่ในระดับมนุษย์เซียน ไม่ใช่เพราะตอนนี้นางไม่มีวิธีผลักเปิดประตูเซียน แต่เป็นเพราะนางเลือกใช้วิชาซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่อันเป็นการฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ สะกดการพัฒนาในด้านพลังฝึกปรือของตัวเอง
การหยุดชั่วคราวในตอนนี้ก็เพื่อการพัฒนาที่ราบรื่นกว่าเดิมบนเส้นทางในภายหลัง จะได้ปลอดโปร่งและรวดเร็วกว่าเดิม
แต่วิธีการนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทุกคน ด้านหนึ่งจำเป็นต้องมีพรสวรรค์และขีดความสามารถสูงส่งพอ ไม่อย่างนั้นอาจจะกลับตาลปัตรได้ อีกด้านหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับจิตวรยุทธ์ที่ต่างกันไปตามผู้ฝึกกระบี่แต่ละคน คนที่มีความสามารถล้ำเลิศเหมือนกัน บางคนอาจไม่เหมาะกับการซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่
อย่างเช่นหลงเสวี่ยจี้ ลุงเล็กของอวี่เยี่ย
หรือเฮ่อเหมี่ยน ศิษย์ของจักรพรรดิสัญญะเมฆ ซึ่งได้รับการขนานนามเคียงคู่อวี่เยี่ยเป็นสองวีรบุรุษแห่งยุคของมรกตท่องฟ้า
ถึงแม้ผู้ฝึกกระบี่ส่วนใหญ่จะดุร้ายเกรี้ยวกราด ทว่าแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
เกาเสวี่ยโพกับหลงเสวี่ยจี้เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน วิชากระบี่เป็นบิดามารดาของตัวเองสั่งสอน แต่เกาเสวี่ยโพกลับสามารถซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ หลงเสวี่ยจี้กลับทำไม่ได้
หากให้หลงเสวี่ยจี้หล่อเลี้ยงกระบี่ มีแต่จะทำให้ความคมกล้าสุดท้ายของตัวเองหายไป กลายเป็นคนธรรมดา
เช่นเดียวกัน สมมติว่าเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋อาศัยวิชากระบี่เหนือพิสุทธิ์เป็นรากฐาน เยี่ยนจ้าวเกอสามารถฝึกวิชาซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ ส่วนเยี่ยนตี๋กลับอาจเกิดอันตราย
“ทว่าด้วยการสั่งสมของศิษย์พี่อวี่ท่าน อีกไม่นานสมควรเปิดคมได้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
การซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่แม้น่าอัศจรรย์ แต่สุดท้ายก็เป็นวิชาสนับสนุน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเมื่อหล่อเลี้ยงกระบี่ ต่อให้ล้ำเลิศเพียงใด ในตอนเปิดคมกระบี่ก็ไม่แน่ว่าจะฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนและภัยพิบัติสัจพิศวง ไปถึงระดับเซียนลี้ลับในคราเดียวได้
กระนั้นวิชาซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่ก็ไม่ใช่ใช้ได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต ดังนั้นจึงสามารถซ่อนคมอีกครั้งหลังจากปลดผนึกฝ่าภัยพิบัติได้ รอสั่งสมหล่อเลี้ยงเป็นครั้งที่สองสำเร็จ ค่อยเปิดคมอีกครั้ง ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
“หล่อเลี้ยงไปก่อนเถอะ” อวี่เยี่ยกล่าวอย่างสนใจอยู่บ้าง “ฟังคำพูดเมื่อครู่ของอวิ๋นเซิง ทางนพยมโลกอาจเกิดการเคลื่อนไหวหรือ เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ดาราและผู้อาวุโสฉู่หรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ไม่เพียงแต่มารน้ำกุ่ยเท่านั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีมารดินโบ่วด้วย”
“สุดยอดมารสองตนหาโอกาสคืนชีพพร้อมกัน ไม่อาจดูแคลนได้จริงๆ” อวี่เยี่ยเหม่อลอยเล็กน้อย “มารน้ำกุ่ย มารดินโบ่ว…”
พอเห็นสตรีอาภรณ์เขียวตรงหน้าคนทั้งสองเหม่อลอยอีกรอบ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงก็มองหน้ากัน อดยิ้มขึ้นไม่ได้
เฟิงอวิ๋นเซิงส่งกระแสเสียงถามเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ “จ้าวเกอ คนที่ครอบครองวิญญาณฟ้าแฝงล้วนเป็นเช่นนี้หรือ”
“ประมาณนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอส่งกระแสเสียงตอบ “ผู้ครอบครองวิญญาณฟ้าแฝงเข้ากับฟ้าดินได้ถึงขีดสุด ดังนั้นในสถานการณ์ที่สมาธิของตัวเองไม่ได้รวมตัวกันสุดขีด ก็จะตกอยู่ในสภาพไร้ความคิดไร้สำนึกโดยไม่รู้ตัว ได้รับและยืนยันหลักการของฟ้าดิน”
ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเจอกับอวี่เยี่ยตัวจริงเป็นครั้งแรก ก็ทราบว่าวิญญาณของนางต่างจากคนทั่วไป ถึงกับเป็นวิญญาณฟ้าแฝงที่หายากในทุกยุคทุกสมัย
ผู้ที่มีวิญญาณเช่นนี้จะใกล้ชิดกับความลี้ลับของมหามรรคามาแต่กำเนิด ศึกษาทำความเข้าใจหลักการแต่ละอย่างได้ง่ายกว่าคนอื่น
สิ่งที่แสดงให้เห็นคือการฝึกฝนวรยุทธ์ ศึกษามรรคา และความสามารถในการทำความเข้าใจแข็งแกร่งจนทำให้คนคับข้องใจ
นี่นับว่าเป็นพรสวรรค์ที่น่าตกตะลึงชนิดหนึ่ง ระดับความหายากกับระดับความขี้โกง เทียบเคียงได้กับบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดของเนี่ยจิงเสิน คนหนึ่งแสดงออกทางวิญญาณ คนหนึ่งแสงออกทางร่างกาย
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงมากที่สุดครั้งล่าสุดในการบันทึกเกี่ยวกับบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดบนประวัติศาสตร์ ก็คือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว ซึ่งเป็นผู้นำสี่เทวราชสำนักเต๋า
และตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับวิญญาณฟ้าแฝง เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เยี่ยนซิงถาง ปู่ของเขา
………………..