ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1415 สิบปีท้าสู้
“มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่ปรากฏตัวมาเนิ่นนาน หายสาปสูญไปเป็นเวลานานเกินไป มันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” อวี่เยี่ยถามด้วยความสงสัย
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปทางเฟิงอวิ๋นเซิง ฝ่ายเฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวเสียงเบา “มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่ามารสวรรค์ไร้พันธนายังไม่หลุดพ้นและยังไม่ตาย ยังคงอยู่บนโลก ทว่าตอนนี้มันเป็นอย่างไร ข้าไม่กล้ายืนยัน”
มารสวรรค์ไร้พันธนาถูกจัดเป็นหกบรรพมารในสิบสองเทพมารสวรรค์ กำเนิดขึ้นพร้อมการสร้างโลก หนึ่งในบรรพบุรุษแห่งวิถีมาร ผู้นำแห่งวิถีมารที่อยู่เหนือกว่ามารจิต มารเงา มารน้ำกุ่ย มารดินโบ่ว
เทวกษัตริย์บุพกาลถูกสะกด มารสวรรค์ธรรมชาติตายลง มารสวรรค์ไร้พันธนาจึงกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งวิถีมารอย่างไม่มีสิ่งใดต้องละอาย และเป็นบรรพบุรุษแห่งมรรคาเส้นหนึ่งในการต่อกรกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคนอื่นๆ
ถึงแม้จะไม่โผล่มาเป็นเวลานาน กระนั้นไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าดูแคลตัวตนอย่างบรรพมารตนนี้
“มารจิตและมารไม้อิกยังคงอยู่ มารน้ำกุ่ยพัวพันกับกษัตริย์ดารา มารดินโบ่วพัวพัวคนในสำนักท่าน” อวี่เยี่ยถามอีก “เช่นนั้นมารทองแกกับมารไฟปิ่งเล่า”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “มารไฟปิ่งไม่รู้แน่ชัด ก่อนหน้านี้มารทองแกยังอยู่ในสภาพดับสูญ ไม่มีวี่แววว่าจะคืนชีพ”
ตอนที่ไปตามหาเฟิงอวิ๋นเซิงในนพยมโลก ระหว่างทางเยี่ยนจ้าวเกอค้นพบสมรภูมิที่เยี่ยนซิงถาง ปู่ของตนต่อสู้กับมารกระบี่อินสือหยาง ซึ่งเป็นร่างแปลงของมารทองแกยุคก่อน
ณ ที่แห่งนั้น จิตใจของมารกระบี่อินสือหยางยังคงมีรอยตราเหลืออยู่ แต่ก็เหี่ยวเฉา เป็นเพียงประวัติศาสตร์
หากว่ามารทองแกตนใหม่คืนชีพแล้ว เช่นนั้นร่องรอยที่เหลืออยู่ที่นั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ถึงอย่างไรก็อยู่ในนพยมโลก
กระนั้นหลังออกมาจากโลกซ้อนโลก เพื่อป้องกันไม่ให้ร่องรอยของตัวเองหลุดออกไป เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีก ตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วก็ยากจะยืนยัน
“จอมมารอาศัยร่างคืนชีพ บางครั้งพวกเราก็พบร่องรอยได้ก่อน แต่บางครั้งกลับยากจะสัมผัส” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างจนปัญญาอยู่บ้าง “หรือแม้จะสัมผัสได้ก็ไม่มีเวลาจัดการมากพอ นอกเสียจากร่างสถิตจะมีจิตใจแน่วแน่ สามารถปกป้องตัวเองได้นาน”
อย่างเช่นกษัตริย์ดาราเฉินเสวียนจง หรือฉู่หลีหลีที่ตอนแรกอยู่ในการดูแลของเขา
กรณีอย่างอิ๋งอวี่เจินกับสือจวิน เป็นร่างสถิตเกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นเวลาจึงถูกถ่วงมา
ทว่ามีสถานการณ์ส่วนหนึ่งที่ตั้งแต่จอมมารสัมผัสกับร่างสถิตอย่างแท้จริง ไปจนถึงการกลายร่างเกิดใหม่ ความจริงใช้เวลาไม่นาน ทำให้คนป้องกันไม่หวาดไม่ไหวเช่นกัน
มารกระบี่อินสือหยาง รวมถึงมารน้ำฉู่หวน บิดาของฉู่หลีหลีในตอนนั้นต่างเป็นกรณีนี้
และเป็นเพราะเหตุนี้ การยืมร่างคืนชีพและวิชาเทพมารกรอกศีรษะของจอมมารระดับสุดยอดจึงทำให้คนป้องกันไม่ทัน
อาจจะมีช่วงเวลาซ่อนตัวที่ค่อนข้างยาวนาน แต่ช่วงเวลาซ่อนตัวน้อยครั้งจะมีสัญญาณ หากทำงานขึ้นมาก็จะกลายเป็นไฟป่าลามทุ่ง ยากจะดับให้หมด
ไม่อย่างนั้นถ้าทุกๆ ครั้งล้วนเผยออกมาก่อนเวลา จากนั้นจำเป็นต้องใช้เวลานานในการหมักบ่ม เส้นทางการคืนชีพของจอมมารจะต้องถูกปิดตาย ประสบความสำเร็จไม่กี่ครั้ง
ถึงจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ว่าในประวัติศาสตร์ก็ใช่ว่าจะไม่มีร่างสถิตที่เผยร่องรอยออกมาก่อนเวลา จากนั้นก็ถูกคนสังหารทิ้งทันที ตัดไฟเสียแต่ต้นลม
เพียงแต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมไม่คิดถึงวิธีการแบบนี้
“ตอนนี้เราเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่จะรีบร้อนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาจมอบโอกาสให้อีกฝ่ายได้ฉกฉวยง่ายกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “พวกเราอดทนรอคอยเถอะ”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอวี่เยี่ยพยักหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองอวี่เยี่ย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนที่ศิษย์พี่เนี่ยจะกลับมา ศิษย์พี่ท่านจะรออยู่กับพวกเราที่นี่ หรือว่าจะไปรอที่เขานครหยก”
“ข้าล้วนได้หมด” อวี่เยี่ยตอบอย่างงุนงงอยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “งั้นอยู่กับพวกเราที่นี่เถอะ หลังจากศิษย์พี่เนี่ยกลับมาก็ให้เขามหาพวกเรา สมควรใกล้มาถึงแล้ว”
“ข้ารู้แล้ว ก่อนที่จะมา ท่านลุงใหญ่ถามทางเขานครหยกแล้ว ทางนู้นบอกว่าอีกเดี๋ยวศิษย์พี่เนี่ยจะกลับมาแล้ว จึงให้ข้ามาที่นี่” อวี่เยี่ยกล่าวพลางพยักหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างสนใจ “พวกท่านสู้กันเป็นครั้งที่สามแล้วกระมัง เสมอกันมาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ที่ศิษย์พี่มาได้เตรียมของใหม่ไว้หรือไม่”
“ก็มีบ้าง” พอพูดถึงเรื่องนี้ อวี่เยี่ยก็ตาเป็นประกาย มีลักษณะภูมิใจอย่างหาได้ยาก
“เช่นนั้นขอให้ท่านได้รับชัยชนะ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางประสานมือ
อวี่เยี่ยอ้าปาก เพิ่งคิดจะพูดอะไร จากนั้นก็ระบายลมหายใจออกมา “ได้รับชัยชนะ…ยังบอกไม่ได้ ทุกๆ ครั้งศิษย์พี่เนี่ยจะได้ของใหม่มาเช่นกัน”
ขณะที่พูดนางก็ยิ้มขึ้น เหม่อลอยซึมเซา “ทุกครั้งที่สู้กัน ทำให้ข้าได้ประโยชน์ล้ำลึก สัมผัสได้ว่าทะเลแห่งการเรียนรู้ที่ไร้ชายฝั่งช่างลี้ลับน่าอัศจรรย์ ยามได้เวียนว่ายอยู่ด้านในมักมีความสุขจนลืมกลับบ้าน”
“การประกระบี่ถกมรรคา สนุกสนานถึงขนาดไหน ครั้งนั้นอาจารย์ปู่น้อยหลงไปมรกตท่องฟ้า ถึงจะกล่าววาจาดุดันไปบ้าง แต่ว่าความปรารถนาในตอนแรกสุดของเขาก็เป็นการศึกษามรรคากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ ตามที่เขาบอก ตอนนั้นหลังจากท่านปู่สู้กับผู้อาวุโสเกาและท่านย่า ก็ได้ประโยชน์มาไร้สิ้นสุดเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ
“น่าเสียดายภายหลังเรื่องราวเปลี่ยนแปลง สองฝ่ายขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นเพาะเป็นความแค้น” เขากล่าวอย่างจริงจัง “หากวันนี้ความแค้นเริ่มลดลง ถือเป็นเรื่องดีประการหนึ่ง”
พร้อมกับที่มรกตท่องฟ้าย้ายเข้ามาในจักรวาลฟ้าฟื้น กษัตริย์เถาที่มีความสัมพันธ์กับสายสืบทอดของเขานครหยกเลวร้ายที่สุดออกไป ความขัดแย้งระหว่างมรกตท่องฟ้ากับเขานครหยกก็เริ่มดีขึ้น
ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายยังคงไม่อาจบอกได้ว่าเป็นมิตรกัน ถึงขั้นยังเป็นปรกปักษ์กันอย่างอ้อมๆ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่หากจะให้พวกเขาละทิ้งความรังเกียจก่อนหน้าให้หมดสิ้น เห็นได้ชัดว่ายากเย็นยิ่ง
ตอนที่ทั้งสองฝ่ายไม่ถูกกัน ถึงอย่างไรก็ปรากฏการบาดเจ็บล้มตาย
หนำซ้ำ ต่อให้เป็นเกาชิงเสวียนที่เป็นมิตรกับเขานครหยกมากที่สุดในหมู่ผู้มีอำนาจสายเหนือพิสุทธิ์ ความจริงก็ไม่เคยลืมเรื่องที่เยี่ยนซิงถางใช้กระบี่สะกดมรกตท่องฟ้า
ความเสียดายอันใหญ่หลวงในชีวิตของนาง ก็คือไม่อาจต่อสู้กับเยี่ยนซิงถาง ล้างผลแพ้ในตอนนั้นของตัวเองได้อีกแล้ว
ถึงหลงเสวี่ยจี้บุตรของนางจะเก่งกาจ ทว่าในการเติบโตของเขาก็มีร่องรอยของวิชากระบี่สายหยกพิสุทธิ์ที่หลงซิงเฉวียนสอนให้มากเกินไป ยากจะลบทิ้ง
ในตอนที่เขาประลองกับผู้ใช้กระบี่สายหยกพิสุทธิ์ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ต่างยากจะแยกแยะว่าเป็นข้อดีข้อเสียของวิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์หรือหยกพิสุทธิ์
โชคดีที่ปัจจุบันผู้สืบทอดของทั้งสองฝ่ายปรากฏอัจฉริยะมามากมาย ทั้งยังมีอายุและพลังฝึกปรือใกล้เคียงกัน
สายเหนือพิสุทธิ์ฝากความหวังไว้ที่ตัวอวี่เยี่ยกับเฮ่อเหมี่ยน อยากให้พวกเขาเอาชนะเนี่ยจิงเสิน ศิษย์ของเยี่ยนซิงถาง ล้างความอัปยศก่อนหน้า
เฮ่อเหมี่ยนเคยสู้กับเนี่ยจิงเสิน สุดท้ายพ่ายใต้กระบี่ของเนี่ยจิงเสิน
ระหว่างอวี่เยี่ยกับเนี่ยจิงเสิน จะต่อสู้กันสิบปีครั้ง เมื่อยี่สิบปีก่อนกับสิบปีก่อนได้ต่อสู้กันมาสองครั้ง สุดท้ายจบที่เสมอ
วันนี้เวลาสิบปีกำลังจะมาถึงอีกครั้ง ครั้งนี้อวี่เยี่ยจึงมาตามนัด
ก่อนหน้านี้เนี่ยจิงเสินออกจากฟ้าเหนือฟ้า ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในจักรวาลฟ้าฟื้น แต่ว่าอีกไม่นานจะกลับมาทำตามการท้ารบ
“จะบอกว่าเป็นการตัดสินแพ้ชนะสูงต่ำก็ไม่ใช่แล้ว เพียงแต่พวกท่านยายก็ยังยึดติดอยู่” อวี่เยี่ยมองเยี่ยนจ้าวเกอ “หากว่ากันตามจริง ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือเฮ่อเหมี่ยนล้วนเอาชนะศิษย์น้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ เจ้าจึงเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือดของราชันพระศุกร์”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “แต่ข้าไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่นี่ ไม่อย่างนั้นหากกล่าวตามความสัตย์จริง ข้ายังสู้ศิษย์พี่เนี่ยในด้านระดับกระบี่หยกเบิกนภาไม่ได้ เป็นตัวแทนระดับสุงสุดของผู้สืบทอดวิชากระบี่ของท่านปู่ไม่ไหว หากศิษย์พี่เนี่ยไม่อาจใช้กระบี่หยกเบิกนภาเอาชนะศิษย์พี่อวี่ท่านได้ ข้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้สึกว่าพวกท่านไม่จำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนหรอก หากมีความสนใจก็แลกเปลี่ยนกันสักครั้ง ส่งผลดีต่อการพัฒนาของทุกฝ่าย”