ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1420 พิธีผสมฟ้าขับไล่มาร
ตอนนี้ในมิติไร้สิ้นสุดอันกว้างใหญ่มีคลื่นใต้น้ำไหลเชี่ยว
เขตมารนพยมโลกเหมือนเกิดพลังชีวิต เปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ขึ้นกับผู้ใด ขยายใหญ่ไปด้านนอก กลืนกินมิติกว้างใหญ่อย่างต่อเนื่อง
แต่ในความว่างเปล่าพลันมีจิตอันแข็งแกร่งที่ยากทำความเข้าใจ ยากหยั่งประเมิน ยากจะบรรยายไม่ต่ำกว่าหนึ่งสายปรากฏขึ้น
นั่นเหมือนกับตัวตนที่อยู่เหนือกว่าฟ้าดินแห่งนี้ สูงส่งยากหยั่งคาด อยู่ในระดับที่สูงส่ง แม้จะเป็นคนที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนก็ยากจะสัมผัสถึง และยากจะทำความเข้าใจความน่าอัศจรรย์ที่อยู่ด้านในเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่านพยมโลกสัมผัสได้แล้ว
เขตมารที่วุ่นวายกลับคืนสู่สภาพเดิมด้วยความเร็วสูง กระนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการออกจากนพยมโลก หายไปในความว่างเปล่าของจอมมารที่เทียบได้กับผู้เข้มแข็งระดับเซียนจำนวนมากที่อยู่ด้านใน
ผู้นำกลับเป็นเงาดำกลุ่มหนึ่ง ไม่มีรูปร่าง ถึงขั้นที่แม้แต่สภาพซึ่งจับต้องได้ก็ไม่มีเช่นกัน คล้ายกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมิติไร้สิ้นสุดสีดำสนิท
เป็นมารไม้อิก หนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์ ทั้งถูกจัดเป็นหกสุดยอดมารเหมือนกับมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่ว ทั้งสามารถเรียกมันว่ามารเงา
ตอนนี้มารเงาอยู่ด้านหน้า นำเหล่ามารไปยังอาณาเขตที่พวกเฉินเสวียนจงและฉู่หลีหลีหายไป ด้านหลังมารมีควันมารพวยพุ่ง ยังมีจอมมารระดับมหาชาลตนอื่นๆ ร่วมทาง
สงครามนี้เกี่ยวพันถึงการคืนชีพของสองสุดยอดอย่างน้ำกุ่ยและดินโบ่ว นพยมโลกย่อมไม่อาจรอดูเฉยๆ ต่อให้จะทราบว่าขุมกำลังอื่นๆ อาจกลุ้มรุมพวกมัน ก็ไม่อาจไม่ลองเสี่ยงสักครา
แต่ว่าในมิติไร้สิ้นสุด ไม่ทันไรก็มีคนขวางเส้นทางของพวกมันเอาไว้…เป็นยอดฝีมือระดับมหาชาลสำนักเต๋า
สองฝ่ายปะทะกันในทันที
ต่างฝ่ายต่างมีข้อกริ่งเกรง นพยมโลกต้องป้องกันขุมกำลังอื่นสอดมือ สำนักเต๋าสายหลักจำเป็นต้องระวังคนอื่นๆ ตีชิงตามไฟ ต่อให้โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวสู้กันอย่างดุเดือด แต่ว่าความวิเศษของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ไม่ว่าจะให้ความสำคัญขนาดไหนก็ไม่ถือว่าเกินเลย
ครั้งกระโน้นถึงอย่างไรก็เป็นสั่วหมิงจางที่โผล่มากะทันหัน สังหารคนของโถงเซียนเป็นจำนวนมาก จึงค่อยเกิดสภาพติดขัดเช่นในวันนี้
ถ้าหากว่ามีโอกาสกำหนดร่องรอยของเขาได้ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเสี่ยงอันตรายลงมือ
เพราะได้รับผลกระทบนี้ สองฝ่ายพอต่อสู้กัน จอมมารนพยมโลกถูกขวางเส้นทาง จนปัญญาอยู่ชั่วขณะ เหลือแค่เหล่ามารที่กระจัดกระจายอยู่ด้านนอกก่อนหน้าที่ได้แค่หดวงล้อมอย่างจนปัญญา ตามหาที่อยู่ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอต่อไป
ในสถานการณ์ที่มีจำนวนคนจำกัด ความเร็วในการตามหาจึงลดลงมาก
เวลาผ่านไปทีละน้อยๆ ด้านในลูกกลมโลหะบนดินแดนพันเกล็ด เฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีกำลังถอนสำนึกมารของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ลวดลายคาถายันต์อาคมที่ลอยอยู่ระหว่างคนทั้งสองยิ่งมายิ่งขยายใหญ่ แสงสว่างสีฟ้าด้านบนยิ่งมายิ่งโชติช่วง
สำนึกเย็นเยียบโหดเหี้ยมที่มาจากมารน้ำกุ่ยกำลังโหยหวนและดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง
ลวดลายคาถายันต์อาคมไม่ใช่จะลอยนิ่งอยู่กลางอากาศโดยไม่เคลื่อนไหว แต่ส่ายไหวเอียงซ้ายเอียงขวาไม่หยุด
ในตอนแรกสุด ลวดลายคาถายันต์อาคมนี้เข้าใกล้เฉินเสวียนจง
เฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีในที่สุดก็ได้พบกัน ปัจจุบันตราสลักร่องรอยมารที่ตอนนั้นแบ่งแยกเพราะเยี่ยนจ้าวเกอกับเจี่ยหมิงคงกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
สำหรับมารน้ำกุ่ยแล้ว ร่างสถิตที่เหมาะสมกับมันที่สุด ท้ายสุดยังเป็นเฉินเสวียนจง แต่เฉินเสวียนจงมีระดับพลังฝึกปรือเหนือกว่าฉู่หลีหลี ตอนนี้ยังมีจิตใจกระจ่างใสแน่วแน่ เทียบกับสภาพที่แทบไร้การรับรู้ไร้ความรู้สึกของฉู่หลีหลีไม่ได้
ดังนั้นหลังยื้อยันกันสักพัก ลวดลายคาถายันต์อาคมนั้นก็เริ่มเอียงไปทางฉู่หลีหลี
ทว่าในตอนนี้อำนาจในการบุกตกอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอกับเฉินเสวียนจง ถึงมารน้ำกุ่ยจะแข็งกร้าว แต่ยากจะบรรลุเป้าหมายได้
ทว่าในตอนนั้นเอง ทุกคนที่อยู่รอบๆ จิตใจพลันสั่นไหว ตาลาย ไม่ว่าจะเป็นเฉินเสวียนจงที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง หรือเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และเยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านข้างต่างรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองสั่นระรัว ยากจะควบคุม
ฉู่หลีหลีที่เดิมทีไม่กล่าววาจาไม่ขยับเคลื่อนไหว ยามนี้พลันลืมตาขึ้น ม่านตานางเป็นสีดำสนิท ไม่มีแสงสีหรืออารมณ์ความรู้สึกใดๆ
เสียงที่อ้าปากพูดออกมาแม้เป็นของตัวนาง แต่น้ำเสียงต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง “ที่แท้เป็นดินแดนพันเกล็ด มิน่าจึงป้องกันการตามหาและการติดต่อของพวกข้าได้”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งฝืนสะกดอารมณ์ที่สั่นไหวของตัวเอง ทางหนึ่งมองฉู่หลีหลี
“…มารจิต!” เขาตวาดเสียงทุ้ม
หนึ่งในตัวตนที่เก่าที่สุดในหมู่มาร ถูกจัดเป็นหกสุดยอดมารเหมือนกับพวกมารน้ำกุ่ยและมารไม้อิก มารจิตซึ่งไม่เคยตาย ไม่เคยดับสูญอย่างแท้จริง!
ว่ากันว่าขอแค่ในโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา มารจิตก็สามารคืนชีพ ผู้คนต่างยอมรับว่านี่เป็นตัวตนที่ฆ่ายากที่สุดในโลก
อีกฝ่ายน้ำเสียงอ่อนโยน เหมือนกับผู้อาวุโสคุยสัพเพเหระกับลูกหลานของตัวเอง “เจ้าคือเยี่ยนจ้าวเกอกระมัง หลายปีมานี้นามเจ้าดุจสายฟ้ากรอกหู วันนี้ได้พบไม่ธรรมดาจริงๆ”
ขณะที่พูด ‘ฉู่หลีหลี’ ก็มองไปทางเฟิงอวิ๋นเซิงอีกรอบ “เที่ยวมากพอแล้ว จงกลับบ้านเสีย บุตรีของข้า”
เฟิงอวิ๋นเซิงสายหน้ากล่าวว่า “เจ้าเกรงจะจำคนผิดแล้ว”
มารจิตยิ้ม กวาดมองเยี่ยนตี๋แล้วพยักหน้าตอบว่า “นพยมโลกต้อนรับอัจฉริยะผู้โดดเด่นเช่นเจ้าและบุตรเจ้าตลอดเวลา เหล่าจวินจิตใจยากหยั่งคาด ปัจจุบันสำนักเต๋าของพวกเจ้าไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคอยนำ สุดท้ายต้องเอาตัวรอดในร่องแยกน้อยๆ เดินบนปลายดาบ ถึงไม่ตัดหลักมรรคา แต่ว่าความปลอดภัยของพวกเจ้าแต่ละคนก็ไม่มีหลักประกัน อาจเกิดปัญหา ทั้งมีอันตรายมากมาย นพยมโลกของข้าถึงจะถูกทุกเส้นทางผนึกกำลังกันสะกด แต่ก็เหนือกว่าสามพิสุทธิ์สายหลักในปัจจุบันของพวกเจ้า จะก้าวหน้าได้อย่างไรขึ้นอยู่กับโชควาสนา แต่อย่างน้อยก็รับประกันว่าไม่มีความกังวลใดๆ”
‘ฉู่หลีหลี’ น้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน ทั้งไม่ประดิดประดอยเกินไป ทำให้คนรู้สึกถูกสะกดจิต ทั้งเต็มไปด้วยความจริงใจ ทำให้คนอดเกิดความรู้สึกดีไม่ได้
แต่ว่าเยี่ยนตี๋ไม่หวั่นไหว มองมารจิตด้วยความสงบ
มารจิตเห็นดังนั้นก็ไม่กล่าวมากความ เพียงยิ้มพลางส่ายหน้า มองเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูก “ไม่ว่าเรื่องราวในวันนี้จะมีผลลัพธ์อย่างไร คำพูดของข้ายังมีผลในวันหน้า”
‘นาง’ สุดท้ายค่อยมองเฉินเสวียนจง “ข้ามองออกว่าจิตใจของเจ้าไม่สงบแต่แรก เป็นเพราะอะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือจิตของเจ้าปั่นป่วนแต่แรกแล้ว”
มารจิตยิ้ม หลับตาลงใหม่ ‘ฉู่หลีหลี’ คล้ายเงียบลงอีกครั้ง
แต่ว่าเฉินเสวียนจงที่อยู่อีกด้านครางหนักๆ คำหนึ่ง คิ้วขมวดมุ่น ในตาสองข้างของเขาถึงกับมีแสงสีดำสาดแวบขึ้นอย่างเลือนราง
เขสไม่ลนลาน สีหน้ากลับคืนสู่ความสงบราบคาบเหมือนเดิม
เป็นเพราะเวลาชั่วครู่ในการพูดคุยกันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงมุทราด้วยสองมือติดต่อกัน สุดท้ายสองมือประสานเป็นมุทราชนิดหนึ่ง ตั้งไว้ด้านหน้าทรวงอก สงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ฮ่า!”
เยี่ยนจ้าวเกอพำพึมบริกรรมคาถา ก่อนจะตะโกนขึ้น
ลูกกลมโลหะที่ห่อหุ้มทุกคนและปกคลุมความว่างเปล่าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!
เปลวเพลิงแปดสิบเอ็ดกลุ่มลุกโชติช่วงด้านในลูกกลม วินาทีนี้ตัวลูกกลมโลหะสาดแสงสว่าง ถึงกับเปลี่ยนเป็นโปร่งแสงโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ลวดลายรูปยันต์อาคมนับพันล้านสายรวมตัวกันกลายเป็นเส้นทางเรืองแสงแปดสิบเอ็ดสาย เหมือนกับวงแหวนแปดสิบเอ็ดวงมีทิศทางเส้นทางโคจรแตกต่างกันไป จากนั้นก็เริ่มหมุนวนพร้อมกันโดยมีพวกเยี่ยนจ้าวเกอเป็นศูนย์กลาง
กลุ่มแสงแปดสิบเอ็ดกลุ่มมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เดียวกัน แต่เอียงหมุนไปกลุ่มละทาง หมุนวนเกาะเกี่ยวบนเส้นทางโคจรที่แตกต่าง เหมือนกับเส้นโคจรของดวงดาวแปดสิบเอ็ดสายที่วินาทีนี้เคลื่อนไหวครอบฟ้า
“พิธีผสมฟ้าขับไล่มารนี้มีการป้องกันมารตนอื่นอยู่ในระดับรองลงไป หลักๆ คือเพื่อป้องกันมารจิตเจ้า” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างสงบนิ่ง