ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1424 ค่ายกลหมู่มารสุขสันต์
ประกายดาบเย็นเยียบ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้
ผู้ออกดาบคือเยี่ยนตี๋
พลังฝึกปรืออยู่ในระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่งเหมือนกัน เหล่ามารยามอยู่ต่อหน้าประกายดาบที่ยิ่งใหญ่เกรี้ยวกราดนั้น แทบไม่มีตนใดต้านรับได้
ประกายดาบพุ่งผ่าน เหล่ามารถอยหนี
กล้าไม่หลบหลีก หากไม่ตายก็บาดเจ็บ!
เทียบกับเกาชิงเสวียนร่างจริงและร่างแยกที่รวมสองกระบี่ในระดับเดียวกัน เยี่ยนตี๋คนเดียวมีระดับความยิ่งใหญ่ด้านพลังไม่ด้อยกว่า
ทว่าเกาชิงเสวียนใช้สองกระบี่แสดงสภาพสภาวะใต้หล้าผันแปร ธรรมชาติเปลี่ยนแปลง ยังคงทำให้ผู้คนเห็นภาพกระบี่เปิดฟ้ากับกระบี่ทำลายโลกรวมกัน
สองอย่างพอผสาน จึงค่อยเป็นสภาวะของธรรมชาติที่ไร้สิ่งใดต้านทาน คู่ต่อสู้ยากจะป้องกัน
เยี่ยนตี๋ออกดาบได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่า ทุกอย่างรวมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ
ดาบพอฟันลง ก็เป็นสัจธรรมความลี้ลับแห่งธรรมชาติ และการมุ่งไปด้านหน้าของสภาวะฟ้าดิน แสดงถึงหลักการที่ทั้งวิเศษและยิ่งใหญ่ของมหามรรคาไร้สิ้นสุดในโลกหล้า ถึงกับแสดงให้เห็นถึงภาพของจ้าวแห่งกฎเกณฑ์ เมื่อเปล่งวาจากฎเกิดตาม ทำให้ผู้คนมิกล้าไม่ทำตาม
พญามารสุขสันต์เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เข้าไปปะทะ
จอมยุทธ์ที่ถนัดการโจมตีเช่นเยี่ยนตี๋ ยามเจอศัตรูที่สู้ตัวเองไม่ได้ มักจะได้ผลลัพธ์อันเกรี้ยวกราดเช่นการตัดสินอย่างรวดเร็ว กวาดทำลายทุกอย่าง
ถึงแม้ในทางตรงกันข้าม ยามเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่พลังด้อยกว่าแต่ถนัดการโจมตีเช่นกัน วิธีการต่อสู้แบบนี้ของเยี่ยนตี๋หากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียว อาจถูกอีกฝ่ายใช้อ่อนแอเอาชนะแข็งแกร่งได้
ทว่าพอสังเกตเมฆแปลงกำเนิดที่เดี๋ยวสูญหายเดี๋ยวปรากฏบนศีรษะของเยี่ยนตี๋อย่างละเอียด พญามารสุขสันต์ก็ทราบว่าต่อให้จอมมารระดับเซียนลี้ลับที่อยู่ที่นี่จะพยายามหาโอกาสอย่างไร ก็ไม่มีปัญหาทำให้เยี่ยนตี๋เรือคว่ำได้
หากให้เวลาเยี่ยนตี๋ เขาคนเดียวสามารถกวาดล้างมารซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับสุญญตาที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด
พญามารสุขสันต์ถอนใจคำหนึ่ง สืบเท้าออก มาถึงใกล้ๆ เยี่ยนตี๋
เยี่ยนตี๋สีหน้าไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ฟันหนึ่งดาบใส่พญามารสุขสันต์
แต่ว่ามารตนนี้เป็นผู้ผ่านมาร้อยสมรภูมิเช่นกัน ร่างที่เดิมทีแหวกมิติเข้าใกล้เยี่ยนตี๋ด้วยความเร็วสูงพลันถลันไปด้านหลัง
มิติที่ร่างของมันตัดผ่าน ต่างบิดเบี้ยว เกิดเป็นร่องรอยทับซ้อนที่เหมือนกับบาดแผลสายหนึ่ง
แต่ว่าขณะที่พญามารสุขสันต์หลบดาบนี้ของเยี่ยนตี๋ ร่องแยกมิติที่บิดเบี้ยวนี้ก็ถูกมันใช้ประโยชน์ ช่วยให้มันป้องกันคมดาบของเยี่ยนตี๋ได้
ในพริบตานี้เอง พญามารสุขสันต์รีบหยุดท่าร่างที่ถอยอยู่ของตัวเอง แล้วเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอีกครั้ง!
ภายใต้ระยะหว่างขนาดนี้ มันพอไปด้านหน้าซ้ำอีกรอบ ก็บรรลุถึงตรงหน้าเยี่ยนตี๋ในชั่วพริบตา
เยี่ยนตี๋สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง คมดาบกระจัดกระจาย บดขยี้ร่องแยกมิติสายนั้นเป็นผุยผง ประกายดาบอันน่ากลัววกเลี้ยวกลางอากาศ ฟันใส่พญามารสุขสันต์อีกรอบ
พญามารสุขสันต์ไม่หลบหลีก แก่นมารเต็มเปี่ยม วนเวียนรอบผิว ต้านดาบของเยี่ยนตี๋!
เมื่อเลื่อนสู่ชั้นสุญญตา ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด วายุเซียนยากทำร้าย
พญามารสุขสันต์อาศัยระดับกดดัน ข่มระดับเซียนลี้ลับของเยี่ยนตี๋ที่ทำลายห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดของมันไม่ได้
มันยื่นนิ้วชี้ออกมา เลื่อนเข้าหาหว่างคิ้วของเยี่ยนตี๋ ปลายนิ้วเป็นสีแดงชาด ทั้งสว่างและขมุกขมัว ราวแสงราวหมอก คล้ายจริงคล้ายมายา
ดัชนีสุขสันต์ของมัน อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้ถูกแตะโดน ต่อให้แค่มองแสงสีแดงที่ปลายนิ้ว จิตใจจะล่องลอย สับสนงุนงง
ความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังฝึกปรือเหมือนกับไร้ความสำคัญ วิญญาณเลอะเลือน คล้ายกับถูกนิ้วของพญามารสุขสันต์ดึงออกมา
โลกนั้นทุกข์ยาก มนุษย์มักมีความปรารถนาไร้สิ้นสุด
แสงสีแดงจุดนั้นราวกับไฟตะเกียงที่ชี้นำคนให้แสวงหาความสุข และเปลี่ยนฝันหวานให้กลายเป็นความจริง
สุราเมถุนทรัพย์โทสะ เจ็ดอารมณ์หกอาตยนะ
ต่อให้ไม่ต้องการสิ่งใด ในฐานะจอมยุทธ์ย่อมต้องการให้ตนได้ปีนขึ้นสูงทีละก้าวๆ ระดับยิ่งมายิ่งสูง พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งกระมัง
นี่เป็นความปรารถนาอย่างหนึ่ง ความต้องการอย่างหนึ่ง เป็นกิเลสของมนุษย์
ขอแค่มีความคิด แสงสีแดงจุดนั้นก็เหมือนกับสามารถทำให้เป็นจริงได้ นอกจากนั้นยังทำให้คนเพลิดเพลินไม่ได้สติ ลุ่มหลงติดอยู่ด้านในยากจะถอนตัว
ถึงจะเชี่ยวชาญวิชาดูดหยินหยาง ทว่าพลังฝึกปรือในปัจจุบันของพญามารสุขสันต์ก็อยู่ในขั้นที่สามารถเจียระไนหยกกลับสู่ความจริงมานาน ย่อมไม่ยึดติดในความสุขสมระหว่างบุรุษและสตรีอย่างเดียว
จิตวรยุทธ์ของมันยกระดับขึ้นจนมองความต้องการมากมายของสิ่งมีชีวิตออกจนทะลุปรุโปร่ง ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างได้มานานแล้ว
แต่ตอนเผชิญกับดัชนีนี้ของมัน เยี่ยนตี๋ไม่ได้ชักดาบกลับมาป้องกันเช่นกัน!
เมฆดาราอันขมุกขมัวที่เหมือนกับดอกบัว วินาทีนี้แผ่ออกมาเป็นชั้นๆ บนศีรษะของเยี่ยนตี๋ เหมือนกับมิติเวลาในจักรวาลหลายแห่งขยายออกมา
สิ่งที่ดูเหมือนดอกบัวและกลุ่มเมฆนั้นคล้ายกับมีส่วนน้อยที่อยู่เหนือศีรษะเยี่ยนตี๋ แต่ก็เหมือนมหึมาจนครอบคลุมโลกนับหมื่นใบ ทำให้ดัชนีสุขสันต์ของพญามารสุขสันต์ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร สุดท้ายก็ไม่โดนใส่เยี่ยนตี๋ ได้แต่พุ่งเข้าไปในกลุ่มเมฆขมุกขมัวนี้
แสงสีแดงครอบจักรวาล ต่อให้พุ่งเข้าไปในเมฆแปลงกำเนิดก็จะจับตัวกันไม่สลาย ยังทดลองทำลายการห้อมล้อมของเมฆแปลงกำเนิด
แต่ว่าเมฆแปลงกำเนิดนี้เป็นหนึ่งเดียวกับเยี่ยนตี๋
พร้อมกับการเพิ่มระดับพลังฝึกปรือของเยี่ยนตี๋ ประสิทธิผลอันน่าอัศจรรย์ของเมฆแปลงกำเนิดก็แข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด
นิ้วของพญามารสุขสันต์แตะใส่เมฆแปลงกำเนิด เหมือนกับวัวโคลนหายไปในทะเล ไม่เกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น
หลังจากการชะงักนี้ ประกายดาบอันเกรี้ยวกราดของเยี่ยนตี๋ก็โจมตีมาอีกหน โดนร่างของพญามารสุขสันต์
พญามารสุขสันต์แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าถูกพลังอันยิ่งใหญ่เหมือนผลักภูเขาถมทะเลกระแทกใส่จนฝีเท้าของมันปั่นป่วนอยู่บ้าง ถอยไปด้านหลัง
มีจอมมารตนอื่นๆ นึกว่าจะฉวยโอกาสโจมตีดินแดนพันเกล็ดในตอนที่เยี่ยนตี๋สู้กับพญามารสุขสันต์ที่อยู่ในระดับสุญญตาได้
ทว่าเวลานี้เยี่ยนตี๋ฟันดาบมาทันที ฟันศีรษะของอีกฝ่ายหลุดจากตัว
“ของชิ้นนี้…” พญามารสุขสันต์ไม่ได้ผ่อนคลายอย่างเดิม หัวคิ้วค่อยๆ ขมวดขึ้น
ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด วายุเซียนยากทำร้าย มันรับดาบของเยี่ยนตี๋ได้จริงๆ แต่ว่าภายใต้การปกปักษ์ของเมฆแปลงกำเนิด จอมมารระดับสุญญตาที่ยิ่งใหญ่อย่างมันถึงกับทำอันตรายเซียนลี้ลับสงบนิ่งตรงหน้าผู้นี้ไม่ได้
ประกายดาบของเยี่ยนตี๋ตรงไปตรงมา ขณะที่ตัดสลับกัน ก็ขวางพวกพญามารสุขสันต์ไว้ด้านนอก
พญามารสุขสันต์เห็นดังนั้น สีหน้าเย็นเยียบลง
มันส่งเสียงกู่ร้องทอดยาว แสงสีดำพรั่งพรูบนศีรษะ ถึงกับปรากฏแสงสว่างที่น่าสะพรึง แสงสีแดงสายแล้วสายเล่าวนเวียนอยู่กลางอากาศ ตัดขวางกัน กอปรเป็นค่ายกลค่ายหนึ่ง ครอบคลุมเยี่ยนตี๋ไว้ด้านใน
พญามารสุขสันต์เดินกลางอากาศ กลับเหมือนวิธีที่นักพรตเดินตามตำแหน่งดาว ก้าวเดินเป็นค่ายกลหมื่นมารสุขสันต์
ค่ายกลพอตั้งสำเร็จ แสงสีแดงส่องระยับ ปราณสีดำวนเวียน กลายเป็นจอมมารนับพันนับหมื่นตัวในชั่วพริบตา กดดันเยี่ยนตี๋ไว้ตรงกลางอย่างแน่นขนัด
ขณะที่มารจำนวนนับไม่ถ้วนทำลายเจตจำนงดาบของเยี่ยนตี๋ ก็หนุนเนื่องเข้าหาเมฆแปลงกำเนิด อ้าปากกัดกินความโกลาหลที่เหมือนดอกบัวเหมือนเมฆมงคลกลุ่มนั้น
“ขอดูหน่อยว่าเจ้าจะทนได้นานขนาดไหน” พญามารสุขสันต์มองค่ายกลอย่างเย็นชา “พวกเจ้าจงรีบไปทำลายดินแดนพันเกล็ดนั้น แล้วรับใต้เท้าน้ำกุ่ยมา”
จอมมารตนอื่นขานรับเคลื่อนไหว เตรียมจะข้ามค่ายกลหมู่มารสุขสันต์ขนาดมหึมาในอากาศ พุ่งเข้าไปหาดินแดนพันเกล็ดต่อ
แต่ว่าทันใดนั้นเอง ค่ายกลขนามหึมาก็สั่นสะเทือนเลือนลั่น!
พญามารสุขสันต์สีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มารตนอื่นๆ หยุดนิ่งโดยสัญชาตญาณ
ในค่ายกลหมื่นมารสุขสันต์ที่ปราณสีดำวนเวียน เปล่งแสงสีแดง เยี่ยนตี๋สีหน้าเย็นชา สายตาดุร้าย ชูคมดาบในมือขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นคนก็สืบเท้าออกมาก้าวหนึ่งอย่างแช่มช้า
พร้อมกับการก้าวเท้านี้ ค่ายกลเริ่มสั่นสะเทือน!