ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1426 ตัวประกัน
ตอนนี้หลิงชิงอยู่ในค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ได้รับการช่วยเหลือจากพลังของค่ายกลในระดับหนึ่ง
นางกับเกาชิงเสวียนซึ่งเดิมทีเป็นเซียนกำเนิดสุญญตา ขณะนี้ภายใต้การเสริมพลังจากค่ายกล ได้รับประโยชน์จำกัด แต่ว่าไม้ไผ่ร้อยปล้องยืดขึ้นปล้องหนึ่ง ยอดฝีมือตัดสินแพ้ชนะกันที่ความต่างน้อยนิด พวกนางสองคนแสดงความได้เปรียบในการต่อสู้จริงได้มากกว่าเดิม
ค่ายกลหมุนวน แสงสีขาวครอบคลุมความว่างเปล่าทั้งหมด พลังของค่ายกลทำงาน ควันมารสีดำที่อยู่รอบๆ ถอยไปด้านหลัง
ดินแดนพันเกล็ดแข็งแกร่งขึ้นราวโลหะเหลวอยู่ชั่วขณะ
ยอดฝีมือราชามารชั้นมหาชาลที่กำลังสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงตนนั้นเห็นแล้ว ก็สาดสายฟ้าสีดำสายหนึ่งใส่ค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงมีการเตรียมตัวแต่แรก ขวางดาบฟันใส่ทันที หยุดสายฟ้าสีดำสายนั้นไว้กลางอากาศ ไม่มอบโอกาสแสดงแรงกดดันเพิ่มอีกขั้นแก่อีกฝ่าย
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ลงมือ ยืนนิ่งอยู่ระหว่างลำแสงที่เคลื่อนไหวอยู่บนดินแดนพันเกล็ด เงยหน้ามองท้องฟ้า เขาแยกสมาธิเป็นสองทาง ทางหนึ่งช่วยพวกเยี่ยนตี๋สะกดทัพ ทางหนึ่งจับตาดูสถานการณ์ของเฉินเสวียนจงและฉู่หลีหลีในพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร
ถึงแม้ตอนนี้จะรับมือกับการบุกของวิถีมารได้ชนิดหยดน้ำไม่ไหลออกมา แต่เยี่ยนจ้าวเกอยังคงไม่ผ่อนคลายจิตใจโดยสิ้นเชิง
เยี่ยนตี๋มีสภาวะโจมตีดุร้าย แต่ว่าถ้าหากต้องต้านทานสภาวะโจมตีที่เกรี้ยวกราดขนาดนั้นตลอด กลับไม่อาจทนได้นาน
ตอนนี้ผสานค่ายกลกับคนอื่นๆ ถึงความคมกล้าจะไม่ได้แข็งแกร่งดุจเดิม แต่ไม่จำเป็นต้องห่วงหน้าพะวงหลัง สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้นานขึ้น
ส่วนทางด้านเฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่อาจสู้ได้นานเช่นกัน ไม่ใช่เพราะนางมีพลังไม่พอ แต่เพราะต้องหยุดสำนึกมารที่กัดกินตนอย่างต่อเนื่อง
ถึงดาบปัจฉิมธรรมชั้นมหาชาลจะสามารถกวาดล้างสมรภูมิรบตรงหน้าได้ แต่ว่าตอนนี้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้เตรียมก้าวเท้าก้าวนั้นออก
“ขึ้นอยู่กับว่าใครเร็วกว่าแล้ว…” เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองความว่างเปล่า พึมพำกับตัวเอง
ถ้าพวกเขาจัดการการคุมคามจากมารน้ำกุ่ยลงที่นี่ได้ ต่อจากนี้สามารถเคลื่อนคมเหลือที่ว่าง รุกถอยได้ตามใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายทำลายแนวป้องกันของพวกตนได้ก่อน เรื่องราวอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง เรื่องจัดการมารน้ำกุ่ยอาจจะล้มเหลวกลางคัน
สิ่งที่ควรค่าแก่การระวังมากที่สุดคือ อาจจะยังมีมารตนอื่นๆ มาสนับสนุน สร้างแรงกดันเพิ่มอีกขั้นให้แก่แนวป้องกันของฝ่ายตน
ขณะเยี่ยนจ้าวเกอกำลังครุ่นคิด สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง สายตามองไปอีกทิศทางหนึ่ง
ณ ที่แห่งนั้น มิติส่ายไหว มีปราณมารกระเพื่อมพรั่งพรู จอมมารปรากฏกายจากภายใน มารที่มาในครั้งนี้ ผู้นำเหมือนกับลูกกลมสีแดงฉาน มหึมาราวดวงดาว มืดทะมึนน่ากลัว เหี้ยมโหดชั่วร้าย รอบๆ ตัวมันยังมีมารตนอื่นๆ ร่วมทางมาด้วย
พญามารระดับสุญญตาตนนี้กวาดมองสนามรบ ส่งเสียงพูดว่า “เฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีล้วนเป็นผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ สหายร่วมเส้นทางซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ไฉนจึงต้องสร้างลำบากแก่พวกเราเพราะพวกเขา”
เสียงของมันกระเพื่อม แต่ว่าเกาชิงเสวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
“สามพิสุทธิ์รวมเป็นหนึ่ง ร่วมแรงร่วมใจ มาตรว่าจะมีระยะห่างใกล้ไกล แต่ก็เป็นเรื่องของพวกเรา ตามปกติผนึกกำลังร่วมมือกันสู้กับคนนอกสำนักเต๋า มีอันใดน่าประหลาดกัน” นักพรตอวิ๋นเจิ้งเอ่ย “ยิ่งไปกว่านั้นก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มารร้ายนพยมโลกเช่นพวกเจ้าเป็นตัวตนแบบไหน ต่างฝ่ายต่างทราบแก่ใจ ไม่จำเป็นต้องทำสงครามปากแล้วกระมัง ยังไม่เอ่ยถึงสำนักเต๋าสายหลักจากการสืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์เช่นพวกเรา แม้จะเป็นศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจ หรือเส้นทางนอกรีต ไหนเลยจะยอมนั่งดูนพยมโลกสร้างความวุ่นวาย ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ขอแค่มารสวรรค์ไร้พันธนาปรากฏกาย พวกเราย่อมก็ไม่มีวิธีใดอีกแล้ว”
พญามารที่เหมือนกับดวงดาวสีแดงฉานตนนั้นส่งเสียง “คำพูดของเจ้ากลับมิผิด แต่เคยคิดหรือไม่ว่าจำนวนคนของสายเหนือพิสุทธิ์ไม่ได้มีมากเท่าผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ ถ้าหากว่าเสียหายเพิ่มอีก ความมั่นใจในการกล่าววาจาในสำนักเต๋าของพวกเจ้าเกรงว่าจะมีไม่เพียงพอแล้ว”
มันกล่าวพร้อมหัวเราะเสียงพิลึก “เพื่อหยกพิสุทธิ์ เอกพิสุทธิ์ลงแรงแต่ตกตาย ทำร้ายตัวเอง ภายหลังอาจถูกอีกฝ่ายกลับมาข่มเหง เรื่องแบบนี้พวกเจ้ายังคงยินยอมอยู่อีกหรือไม่”
“ใครตายใครอยู่ ลงมือให้รู้ดำรู้แดง เอาแต่เล่นลิ้น เจ้าใช้คำพูดสังหารข้าได้หรือ” เกาชิงเสวียนกล่าวอย่างราบเรียบ
ขณะพูด นางออกกระบี่ทันที ภายใต้การช่วยเหลือจากค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย ข้ามผ่านมิติ ฟันใส่พญามารที่เหมือนกับดวงดาวสีแดงฉานตนนั้น
“ผู้ฝึกกระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ที่ยอดเยี่ยม! สตรีดุร้ายที่ยอดเยี่ยม!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะประหลาดของพญามารตนนั้น แสงสีเลือดวนเวียนรอบๆ ปรากฏดวงดาวสีดำที่เล็กยิ่งกว่าไม่ต่ำกว่าร้อยดวง หมุนวนอยู่รอบๆ ต้านทานและทำลายประกายกระบี่ของเกาชิงเสวียน
เกาชิงเสวียนสีหน้าเฉื่อยชา ไม่ได้มีโทสะ ยืนนิ่งกับที่ ยังคงรักษาค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลาย
ถ้าช่วยคุ้มครองเฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีได้ วันนี้ก็จะชนะ
มารน้ำกุ่ยไม่อาจคืนชีพ แผนการของนพยมโลกล้มเหลว ความเสียหายไม่ใช่เล็กน้อย
ต้องการตัดสินเป็นตายกับพญามารที่เหมือนกับดวงดาวสีแดงฉานตนนั้น ภายหลังมีโอกาสอยู่แล้ว
“มีอาจารย์อย่างไรก็มีศิษย์เช่นนั้นจริงๆ!” พญามารตนนั้นหัวเราะเหอะๆ แสงสีเลือดกระเพื่อม
พอได้ยินคำพูดนี้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอจิตใจต่างสั่นไหว
เกาชิงเสวียนขมวดคิ้ว ความสนใจของนักพรตอวิ๋นเจิ้งเปลี่ยนไปอยู่บนดวงดาวสีเลือดดวงนั้น
“คิดสังหารเจ้า ต้องลงมือสุดกำลังจริงๆ การกล่าววาจาไม่อาจฆ่าเจ้าได้” อีกฝ่ายหัวเราะพลางเอ่ย “แต่คนบางคน ถ้าตอนนี้ข้าบอกว่านางจะตาย นางก็ไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้”
ร่างกายของมันพลันโปร่งแสง
ด้านในหมอกเลือดที่วนเวียน เงาคนสายหนึ่งบัดเดี๋ยวหายบัดเดี๋ยวปรากฏอยู่ด้านใน
มองดูรูปร่างหน้าตาของเงาคนสายนั้น เกาชิงเสวียนดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ
เป็นเพราะนั่นคือกษัตริย์เถา หลี่อิง อาจารย์ของนาง!
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้การหายใจพวกเฟิงอวิ๋นเซิงและเยี่ยนตี๋หยุดลง
เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังจะเคลื่อนไหว เทพมมารระดับมหาชาลตนนั้นก็กดดันเข้ามา ส่งผลคุมคามต่อทั่วทั้งดินแดนพันเกล็ด
เกาชิงเสวียนจับจ้องดวงดาวสีแดงเลือดนั้นเขม็ง สีหน้าของนักพรตอวิ๋นเจิ้งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมถึงขีดสุด
เขาลอบส่งกระแสเสียงหาเกาชิงเสวียน “เป็นจริงหรือปลอม”
ไม่รอเกาชิงเสวียนตอบคำ ในดวงดาวสีแดงฉานดวงนั้นก็มีเสียงหัวเราะเหอะๆ ดังมา หมอกเลือดเบาบางกว่าเดิม เผยให้เห็นตัวกษัตริย์เถา แต่ว่าแสงสีเลือดหลายสายพันธนาการนางไว้ด้านในดวงดาวเหมือนกับสายโซ่
กษัตริย์เถาไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ โคจรเจตจำนงกระบี่ของตัวเอง ปะทะกับแสงมารของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
พอสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่อันคุ้นเคย ไม่ต้องให้เกาชิงเสวียนตอบ นักพรตอวิ๋นเจิ้งก็แยกแยะได้ว่านั่นเป็นกษัตริย์เถาหลี่อิง
นอกเสียจากมารเงาซึ่งเป็นหนึ่งในหกสุดยอดมารปลอมแปลง ไม่อย่างนั้นก็ไร้โอกาสปลอมแปลง
ตอนนี้มารเงาถูกเทวกษัตริย์สำนักเต๋าสะกดไว้ ไม่อาจปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ดังนั้นแม้จะตกใจ แต่เกาชิงเสวียนทราบว่านั่นเป็นอาจารย์ของตัวเองอย่างไร้ข้อสงสัย
ครั้งกระโน้นหลังจากมรกตท่องฟ้าถูกย้ายเข้าไปในจักรวาลฟ้าฟื้น กษัตริย์เถาหลี่อิงก็เข้าสู่มิตินอกเขตแดน จากไปเพียงคนเดียว
หลายปีมานี้ก็ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อกับมรกตท่องฟ้าโดยสมบูรณ์ แต่คิดติดต่อกับคนที่อยู่ในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนไม่ง่ายดาย กษัตริย์เถาที่จิตใจท้อแท้ถดถอยก็ติดต่อกับมรกตท่องฟ้าไม่กี่ครั้ง
กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากการติดต่อกันในครั้งล่าสุด การพบเจอกันในวันนี้อีกครั้ง กษัตริย์เถาถึงกับถูกนพยมโลกจับไว้ สองฝ่ายเจอกันที่นี่
เกาชิงเสวียนมองอาจารย์ของตัวเอง
“ข้าไม่หวังให้พวกเจ้ายอมช่วยนพยมโลก” จอมมารที่เหมือนดวงดาวสีเลือดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สงครามในวันนี้ แค่คอยดูอยู่ด้านข้างก็พอ”