ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1432 มารน้ำแข็งตนใหม่
เพื่อทำลายค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยาง พญามารสุขสันต์อยู่ด้านหน้าสุด ในตอนนี้กลับถูกการโจมตีจากพันเกล็ดโดดข้ามประตูมังกรเป็นตนแรก
‘ดินแดนพันเกล็ดกดข่มคนในนพยมโลก มีมาตั้งแต่โบราณจึงไม่น่าประหลาดใจ เพียงแต่มีน้อยและหายาก หากแต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าดินแดนพันเกล็ดจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้!’
พญามารสุขสันต์หลบหลีกไม่ทัน ได้แต่ปล่อยปราณมารหลายชั้นออกไป สร้างภาพมารสองตนที่เหมือนโอบกอดกันขึ้นมา
เมฆดาราสีดำอมแดงขยายออกไปด้านนอกโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง ทว่ามังกรแสงนับร้อยนับพันพุ่งมาพร้อมกัน แสดงพลังทำลายมารของดินแดนพันเกล็ดออกมาในระดับสูงสุด
เดิมทีดินแดนพันเกล็ดมีผลกดข่มมารร้ายจากนพยมโลกอยู่แล้ว ตอนนี้เกล็ดนับพันโดดข้ามประตูมังกร ไม่เก็บพลังงานเหล่านี้ไว้อีก เผาไหม้พลังทั้งหมด ก่อเกิดการโจมตีชนิดทำลายร้างแก่มารร้าย
มังกรแสงพุ่งขึ้นฟากฟ้า พากันทะลวงเมฆดาราสีดำอมแดง ภาพมารที่โอบกอดกันแหลกสลาย พญามารสุขสันต์ถูกฝูงมังกรเจาะทะลวง ‘กัดฉีก’ จนร่างขาดเป็นสี่ห้าส่วน
พญามารโบราณสิ้นชีวิตเช่นนี้
ภายใต้ผลของพลังทำลายมารที่มีความพิเศษจากดินแดนพันเกล็ด หลังจากเหล่ามารดับสูญ หากคิดจะคืนชีพบนพยมโลกมีความลำบากยากเย็นยิ่ง
ไม่เพียงแต่พญามารสุขสันต์เท่านั้น พญามารสี่เศียรสี่กรตนนั้น พญามารที่เกิดขึ้นเพราะวานรปีศาจร่วงหล่นสู่นพยมโลกตนนั้น ยังมีจอมมารตนอื่นๆ ต่างถูกคลื่นมังกรแสงที่เหมือนกับทะเลถั่งโถมภูเขาพังทลายกลบฝังหมดสิ้น
พวกมันมาด้วยกัน ล้วนตายอยู่ในดินแดนพันเกล็ดด้วยกัน
ตอนนี้ดินแดนพันเกล็ดหายไปแล้ว เหล่ามารล้วนประสบภัยพิบัติ
มารไม่กี่ตนที่อยู่ด้นนอก ขอบคุณฟ้าดินที่ก่อนหน้าตนเคลื่อนไหวเชื่องช้า ร้อนรนหมุนกายหลบหนี
แต่ว่าฝูงมังกรบินทะยาน ลำแสงที่เกรี้ยวกราดกระจายออกไปรอบๆ เคลื่อนไหวกลางความว่างเปล่า ไม่ทันไรก็ตามจอมารที่คิดหนีไปหลายตนทัน แล้วสังหารพวกมันจนล้มตายไม่ก็พิการ
ถึงเวลานั้น ผู้โชคดีรอดชีวิตมีแค่หนึ่งในสิบ
รอบๆ อาณาบริเวณกลายเป็นอสุรภูมิอันน่าพรั่นพรึง กลับไม่ใช่อสุรภูมิของมนุษย์ แต่เป็นอสุรภูมิของมาร!
ควันมารที่ก่อนหน้าครอบคลุมสถานที่แห่งนี้ หายไปหมดจด
เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นเดิมต้องการหยุดยั้ง แต่ก่อนหน้าถูกหนอนเก้าเศียรสะกด ขณะจะลงมือกับเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็ตั้งใจขัดขวางมันไว้
สุดท้ายดินแดนพันเกล็ดระเบิดโดยสมบูรณ์ กลบฝังจอมมารที่พุ่งเข้ามาโจมตีไปหมด!
มังกรแสงทั่วฟ้าที่ทะยานสังหารแม้จะไม่ส่งผลกดข่มเหล่าปีศาจ แต่ก็ดุร้ายถึงขีดสุด ทำให้สภาวะของเหล่าปีศาจลดลง
เมื่อไม่มีเหล่าพญามารและเหล่ามารร้ายโจมตีพร้อมกัน สภาพของพวกเยี่ยนตี๋กับเกาชิงเสวียนก็ดีขึ้นในทันที
พวกเขาที่ต้องรับมือกับเผ่าปีศาจเท่านั้น แรงกดดันพลันลดลง ตั้งหลักได้อีกครั้ง ขัดขวางเหล่าปีศาจได้โดยสมบูรณ์ พวกมันยากจะเข้าใกล้พิธีผสมฟ้าขับไล่มารอีก
เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจออกยาวๆ สีหน้ายังคงเคร่งขรึม
เขาควบคุมดินแดนพันเกล็ด เพาะบ่มและให้กำเนิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
พันเกล็ดโดดข้ามประตูมังกร เป็นไพ่ตายสุดท้าย
ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ เขาไม่คิดใช้กระบวนท่านี้ เป็นเพราะว่าดินแดนพันเกล็ดไม่เพียงป้องการการบุกของมารจากด้านนอกเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังช่วยเฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีสะกดมารน้ำกุ่ยที่อยู่ด้านในด้วย
ดินแดนพันเกล็ดระเบิดพลังทั้งหมดในคราวเดียว ลุกไหม้หายไป ปัจจุบันไม่มีอยู่อีกแล้ว สร้างความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแก่เยี่ยนจ้าวเกอ เขาสูญเสียพลังไปมหาศาล
ความเหนื่อยทำให้เขาแทบต้องการหลับลงที่นี่
เยี่ยนจ้าวเกอปลุกปลอบสมาธิ ไม่สนใจเสริมการป้องกันแก่ค่ายกลเก้างามเจ็ดวิเศษคุมหยินหยางอีก แต่ว่ารีบกระตุ้นพิธีผสมฟ้าขับไล่มารอีกครั้ง
ลูกกลมโลหะที่ผิวเต็มไปด้วยรอยแตกและหลุมบ่อมากมายส่องแสงอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นโปร่งใส ปรากฏกลุ่มแสงแปดสิบเอ็ดกลุ่ม หมุนวนด้วยความเร็วสูง
ทว่าทันใดนั้น ในกลุ่มแสงมีปราณมารยิ่งใหญ่ระเบิดออกมา
ถึงสภาวะจะสู้เทพมาระดับมหาชาลที่อยู่ด้านนอกตนนั้นไม่ได้ ถึงขั้นไม่อาจเทียบได้กับพญามารระดับสุญญตาส่วนหนึ่ง ทว่าจิตอันน่าพรั่งพรึงซึ่งทำให้ผู้คนสยิวกายที่ปล่อยออกมาจากด้านใน ก็พาให้ผู้คนเกิดความเย็นเยียบจากก้นบึ้งจิตใจ
นั่นเป็นกลิ่นอายอันน่ากลัวที่เหมือนกับมารระดับสุดยอดเช่นมารจิตและมารไม้อิก
แสงมารสีฟ้าแผ่พุ่ง ยิ่งมายิ่งโชติช่วง เริ่มขายออกไปรอบๆ เหมือนกับต้องการถมเติมพิธีผสมฟ้าขับไล่มารให้เต็ม
“แย่แล้ว…” พวกเยี่ยนตี๋กับเกาชิงเสวียนจิตใจหนึกอึ้งในทันที
ในห้วงเวลาสำคัญที่สุด ตอนแรกถูกเผ่าปีศาจรบกวนพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร จากนั้นก็ต้องระเบิดดินแดนพันเกล็ดเพื่อป้องกันการรุกคืบของเหล่ามาร
พอสูญเสียความช่วยเหลือสองอย่าง เฉินเสวียนจงก็สู้มารน้ำกุ่ยไม่ได้ทันที!
การต่อสู้ของสองฝ่ายอยู่ในห้วงวิกฤติ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอชิงโอกาสลงมือก่อนมาอย่างลำบากยากเข็ญ เฉินเสวียนจงพยายามเป็นเวลานาน สุดท้ายอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงแค่ก้าวเดียว
แต่ว่าถ้าเกิดถูกมารน้ำกุ่ยชิงความได้เปรียบกลับไปได้ในเวลานี้ เช่นนั้นไม่ว่าก่อนหน้าเฉินเสวียนจงจะอยู่ห่างจากความสำเร็จมากเท่าไร ตอนนี้มารน้ำกุ่ยก็อยู่ใกล้ความสำเร็จแค่ปลายจมูกเช่นกัน!
ความลำบากก่อนหน้า ตอนนี้มีส่วนช่วยมารน้ำกุ่ย
ระยะห่างเพียงแค่ก้าวเดียวนี้ วินาทีนี้มารน้ำกุ่ยก้าวออกไปแล้ว!
เฉินเสวียนจงไม่อาจหลีกหนีชะตาที่ต้องกลายเป็นร่างสถิตของมารน้ำกุ่ยพ้น…
กลิ่นอายเย็นเยียบแผ่ขยายไปไร้ขอบเขต ร่างแปลงในครั้งนี้ของมารน้ำกุ่ยยังคงเป็นมารน้ำแข็ง เหมือนกับฉู่หวนเมื่อครั้งอดีต
มหาเทวะเก้าเศียรเห็นดังนั้นก็ไม่มีความรู้สึกใดแม้แต่น้อย เข้าใกล้พิธีผสมฟ้าขับไล่มาร
สำหรับเป้าหมายในครั้งนี้ของเขา ไม่ว่านพยมโลกจะทำสำเร็จหรือไม่ ไม่ว่าด้านล่างเป็นมนุษย์ที่เป็นร่างสถิตหรือว่ามารน้ำกุ่ยที่คืนชีพใหม่ แค่สังหารอีกฝ่ายลงที่นี่ก็พอ เป็นคนหรือมารล้วนหามีข้อแตกต่างไม่
เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นตอนแรกลนลานเพราะพันเกล็ดโดดข้ามประตูมังกรที่เกิดอย่างกะทันหัน
เวลานี้พอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นเยียบ มันกลับลิงโลด ลงมือขวางหนอนเก้าเศียรสุดกำลังทันที
เฟิงอวิ๋นเซิงแม้ลงมือขัดขวางหนอนเก้าเศียร แต่ในสองตาฉายแววกังวลขณะมองดูพิธีผสมฟ้าขับไล่มารที่กำลังส่องแสง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม เชื่อมต่อจิตใจกับพิธีด้วยพลังทั้งหมด
ถึงบนกลุ่มแสงจะเห็นรอยแตกตลอดเวลา แต่ว่าพลังสะกดมารที่แข็งแกร่งยังคงเริ่มทำงานอีกครั้ง พอได้รับการสะกดจากพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร แสงสีฟ้านั้นก็สงบนิ่งลงชั่วขณะ เหมือนกับเปลี่ยนจากแสงไร้รูปร่างกลายเป็นน้ำแข็งที่มีรูปร่าง
ลวดลายมารบนหน้าผากของเฉินเสวียนจงในผลึกน้ำแข็งหายไปแล้ว ทว่าสายตาของเขาไม่ได้ราบเรียบดุจเดิม กลับมืดมิดเย็นเยือก แฝงความชั่วร้าย
นั่นไม่ใช่ดวงตาของราชันพระพุธเฉินเสวียนจงอีกต่อไป แต่เป็นดวงตาของมารน้ำแข็ง
กระนั้น ภายใต้การส่องแสงของพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร เขาตาเป็นประกายเล็กน้อย
เหมือนกับชั้นน้ำแข็งเริ่มแตกออก เฉินเสวียนจงใบหน้าทอแววขัดขืน ดวงตาไม่สงบนิ่งอีก เต็มไปด้วยคลื่นซัดสาด
“ก้าวสุดท้ายได้ก้าวออกมาแล้ว เจ้าไม่มีวิธีพลิกสถานการณ์เหมือนข้าเมื่อครู่นี้อีกต่อไป” เฉินเสวียนจงเอ่ยปาก น้ำเสียงแปลกประหลาดหากสงบนิ่ง “การต่อสู้นี้ ข้าชนะแล้ว”
เขาเงยหน้ามองกลุ่มแสงแปดสิบเอ็ดกลุ่ม “พิธีกรรมนี้ ตอนแรกแค่รักษาสำนึกและวิญญาณสุดท้ายของเจ้า กลับไม่อาจสะกดข้าได้อีกต่อไป”
เป็นเพราะว่า เขาได้กลับมายังโลกนี้แล้ว
“สำหรับข้าแล้ว ปัญหาในตอนนี้คือจะไปจากที่นี้โดยไม่ตายในน้ำมือของเผ่าปีศาจเหล่านี้ ดับสูญลงโดยที่เพิ่งคืนชีพมาได้อย่างไร ”
‘เฉินเสวียนจง’ กล่าวอย่างเย็นชา “หรือว่าพวกเจ้าจะเข่นฆ่าร่างสถิตของข้า ส่งข้าสู่การดับสูญอีกครั้ง”