ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1433 การต่อสู้นี้ยังไม่จบ!
มหาเทวะเก้าเศียรคิดเข้าใกล้
เฟิงอวิ๋นเซิงกับจอมมารที่ก่อนหน้านี้สู้อย่างดุเดือด ตอนนี้ผนึกกำลังขัดขวางเส้นทางของเขาไว้
เผ่าปีศาจตนอื่นๆ โจมตีใส่พิธีผสมฟ้าขับไล่มารต่อเช่นกัน
ตอนนี้มารน้ำกุ่ยแปลงร่างเป็นมารน้ำแข็ง ดูเหมือนคืนชีพเกิดใหม่สำเร็จ แต่เฉินเสวียนจงร่างสถิตที่มันอาศัยร่างสำหรับคืนชีพยังเป็นเซียนลี้ลับ
ดังนั้นมารน้ำกุ่ยในตอนนี้จึงไม่ใช่ผู้โดดเด่นในหมู่เทพมารระดับมหาชาล หรือหนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์ผู้สยบโลกหล้า
ถึงจะเป็นเพราะว่าเฉินเสวียนจงอยู่ในชั้นสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับ ตอนนี้พอกลายเป็นมารก็สามารถทำให้ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดในทันที
กระนั้นสำหรับเหล่าปีศาจแล้ว ยังคงอยู่ในขอบเขตที่พอกัดฟันทนได้
โดยเฉพาะยังได้รับการขัดขวางจากพิธีผสมฟ้าขับไล่มารที่กลับมาทำงานอีกครั้ง ขณะนี้มารน้ำแข็งไม่อาจเลื่อนสู่ระดับสุญญตาได้ในทันที ยังคงอยู่ในระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง
สายตาของหลิงชิง เกาชิงเสวียน และนักพรตอวิ๋นเจิ้งอดเลื่อนไปอยู่บนตัว ‘เฉินเสวียนจง’ ไม่ได้
สายตาของคนทั้งสามเริ่มเปลี่ยนเป็นล้ำลึก
ถ้าหากคนร่วงหล่นเป็นมารจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่มีที่ให้หันหลังกลับอีกแล้ว มารก็คือมาร ไม่ใช่คนอีกต่อไป
ถึงรูปร่างหน้าตาจะไม่เปลี่ยน น้ำเสียงถ้อยคำไม่เปลี่ยน ถึงขั้นแม้แต่ความเคยชินและความทรงจำไม่เปลี่ยน แต่นั่นก็เป็นอีกตัวตนหนึ่งโดยสิ้นเชิงแล้ว
ราชันพระพุธเฉินเสวียนจงได้หายไปแล้ว ที่เหลืออยู่บนโลกคือเฉินเสวียนจงมารน้ำแข็ง
สำหรับเผ่าปีศาจ ไม่ว่าจะกลายเป็นมารแล้วหรือไม่ ต่างคิดสังหารเฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีทิ้งที่นี่
และสำหรับพวกเกาชิงเสวียน เฉินเสวียนจงที่สามารถผนึกมารน้ำกุ่ยมีคุณค่าให้พวกเขาสนับสนุน และต่อสู้กับศัตรูแกร่ง
แต่ถ้าการถอนทำลายสำนึกมารล้มเหลว สุดท้ายเฉินเสวียนจงกลายเป็นร่างแปลงของมารน้ำกุ่ยยุคใหม่ เช่นนั้นจุดยืนของพวกเขาก็เป็นเหมือนเผ่าปีศาจ
เหมือนกับครั้งกระโน้นที่เยี่ยนซิงถางสังหารมารกระบี่อินสือหยาง เฉินเสวียนจงสังหารมารน้ำฉู่หวนแห่งยุคก่อน
หลงซิงเฉวียนขมวดคิ้วเช่นกัน
เขาเงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ
“ขวางเผ่าปีศาจเหล่านี้ไว้ ถ่วงเวลาต่อไป จะมีโอกาสพลิกสถานการณ์เอง” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางเก็บลายมือแห่งแผ่นดิน ก่อนจะเข้าไปในดวงแสงที่เกิดจากพิธีผสมฟ้าขับไล่มารอย่างรวดเร็ว
ทุกคนมองหน้ากัน
เฟิงอวิ๋นเซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ความรู้สึกหายไปจากใบหน้า สายตาสงบนิ่ง เริ่มตั้งมั่นกับการขัดขวางหนอนเก้าเศียร
ตรงกันข้าม เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นจิตใจเกิดความสงสัยอีกครั้ง
เยี่ยนตี๋ได้ยินก็ไม่ลังเลสงสัยเช่นกัน ใช้การเคลื่อนไหวในความเป็นจริงแสดงท่าทีของตัวเอง เขาฟันดาบใส่ปีศาจกวางขาว
พวกเกาชิงเสวียนใคร่ครวญเล็กน้อย สุดท้ายก็ขวางการบุกรุกของเผ่าปีศาจต่อไป
ราชันพระจันทร์หลิงชิงมองฉากเหตุการณ์นี้อย่างเงียบงัน
การพัฒนาของสภาพการณ์ในตอนนี้อยู่เหนือขอบเขตที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนควบคุมไว้ไปแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในการควบคุมและการคาดการณ์ของพวกเขาอีกต่อไป หากเกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด นั่นก็คือมารน้ำกุ่ยคืนชีพ เฉินเสวียนจงกับฉู่หลีหลีสุดท้ายกลายเป็นมาร
การคุ้มครองเฉินเสวียนจงต่อไร้ประโยชน์ ถึงขั้นที่มอบโอกาสให้เขาที่กลายเป็นมารน้ำแข็งแล้วหนีกลับนพยมโลกได้
ถ้าหากเป็นคนอื่นๆ ในสายตาของหลิงชิง การกระทำเหล่านี้เทียบเท่ากับการเสียสติ ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ หรือไม่ตายไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมเผชิญกับความจริง ไม่กล้าเผชิญกับผลลัพธ์ที่ล้มเหลว ต้องการขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ต่อไป
หลายๆ ครั้ง หากไม่กระทำให้เด็ดขาด สุดท้ายก็จะทำร้ายตัวเอง มีแต่เภทภัยไร้สิ้นสุด
ทว่าขณะนี้คนที่ทำเช่นนี้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอ หลิงชิงจึงไม่อาจตัดสินเช่นนี้ได้
ถึงตอนนี้จะผิดแผนไปมาก แต่นางยินดีเชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีแผนการอะไรที่ปิดบังนางอยู่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เผยออกมา
หลังลังเลสักพัก ในที่สุดหลิงชิงก็ลงมือ ขัดขวางเผ่าปีศาจที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพวกเยี่ยนตี๋และเกาชิงเสวียน
ในดวงแสงที่เกิดจากพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร ‘เฉินเสวียนจง’ เงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอที่มายังที่นี่อย่างเย็นชา
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับมาร สายตาเยือกเย็นเช่นเดียวกัน “มารน้ำแข็ง การต่อสู้นี้ยังไม่จบลง”
“เปลืองแรงเปล่าๆ” ฝ่าย ‘เฉินเสวียนจง’ เอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าจะรอดจากที่นี่ได้หรือไม่ ตอนนี้ยังไม่อาจสรุปได้ แต่การต่อสู้กับพวกเจ้า ข้าชนะแล้ว กลับมามีชีวิตคืนชีพจากความไม่เป็นไม่ตายในนพยมโลก จุติลงมายังโลกนี้อีกครั้ง ถ้าข้าข้าไม่ชนะ หลีหลีจะตื่นขึ้นได้อย่างไร”
เหมือนกับกำลังยืนยันคำพูดของเขา ขณะนี้ดวงตาที่ปิดอยู่ของฉู่หลีหลีที่อยู่ตรงข้ามนั้น ขนตาสั่นไหวเบาๆ
จากนั้นนางก็ค่อยๆ ลืมสองตาขึ้น มองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างงุนงง เหมือนกับเพิ่งตื่นมาจากการหลับลึก
วินาทีนี้ ลักษณะของนางเหมือนกับตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอได้พบเจอเป็นครั้งแรก ไม่ได้มีปราณมารวนเวียนเหมือนเมื่อครู่อีก ถึงขั้นที่สำนึกมารของนางก็หายไปด้วย
นั่นเป็นเพราะว่า มารน้ำกุ่ยมีร่างสถิตที่เหมาะสมยิ่งกว่าแล้ว
“ท่านอาจารย์…” สายตาของฉู่หลีหลีมีจุดรวมศูนย์อีกครั้ง มองเฉินเสวียนจงอย่างงมงาย
ในดวงตาของนางปรากฏอารมณ์ที่ซับซ้อนสุดขีด ความประหลาดใจ ความยินดี ความคิดถึง ความรัก ความเป็นห่วง ความหวาดกลัว…แต่ว่าอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างก็กลายเป็นความแตกตื่นพรั่นพรึง “…ท่านไม่ใช่อาจารย์?!”
‘เฉินเสวียนจง’ เอ่ยอย่างราบเรียบ “ไฉนจึงไม่ใช่ หรือฉู่หวนไม่ใช่บิดาของเจ้า”
ฉู่หลีหลีงงงัน
“ฉู่หวนยังคงเป็นบิดาของเจ้า ข้าก็ยังคงเป็นอาจารย์ของเจ้า” ‘เฉินเสวียนจง’ เอ่ยอย่างสงบ “ข้ายังคงเป็นข้า เพียงแต่ก่อนหน้าเป็นเฉินเสวียนจงแห่งหยกพิสุทธิ์ ปัจจุบันเป็นเฉินเสวียนจงมารน้ำแข็ง”
ในตอนแรกสุด ความคิดของสองฝ่ายคล้ายมีความขัดแย้ง แต่มาถึงตอนนี้แล้วความขัดแย้งค่อยๆ หายไป ความคิดเริ่มรวมเป็นหนึ่ง
ฉู่หลีหลีมองอีกฝ่าย เสียงหายไปอยู่ชั่วขณะ ไม่ทราบควรกล่าวอันใด
ตอนเร้นกายอยู่บนมรกตท่องฟ้า นางเฝ้าคำนึงหา หวังจะได้พบกับคนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ภายหลังออกจากมรกตท่องฟ้า อดทนต่อการกัดกินของสำนึกมาร สุดท้ายตกอยู่ในมือของนพยมโลก สิ้นสติไปตั้งแต่นั้น
ปัจจุบันเพิ่งฟื้นขึ้น คนที่คิดถึงมาอยู่ตรงหน้า แต่ว่าการพบนี้กลับแตกต่างไปจากความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง
“เมื่อครู่ข้าบอกว่า การต่อสู้นี้ยังไม่จบลง” ในตอนนั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้ามาด้านหน้าก้าวหนึ่ง
‘เฉินเสวียนจง’ กำลังทำท่าหลบ แต่เป็นเพราะการรบกวนจากพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร เขาจึงยังไม่อาจควบคุมร่างกายนี้ได้โดยสมบูรณ์ ดูเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านหน้าเขาอย่างง่ายดาย ยื่นนิ้วออกมาแตะบนหว่างคิ้วของเขา ถ่ายพลังเข้าไปถึงขม่อม
“เจ้าช่วยเขาไม่ได้” พอได้รับผลกระทบนี้ ความคิดของ ‘เฉินเสวียนจง’ ก็บังเกิดความขัดแย้งอีกครั้ง
ทว่ากลับไม่มีผลอะไรต่อสถานการณ์ใหญ่
จู่ๆ มีไอเย็นหลายสายมุดออกมาจากหว่างคิ้วของ ‘เฉินเสวียนจง’ ขณะที่เกาะเกี่ยวกันก็ปรากฏเป็นตราอาคมลวดลายยันต์ชิ้นหนึ่ง
“นี่คือวิธีการของพวกเจ้า? ช่วยเขานำตราอาคมที่ฝังไว้ในร่างตั้งแต่แรกออกมา” ‘เฉินเสวียนจง’ มีใบหน้าเฉื่อยชา “ข้าล้วนทราบถึงความทรงจำของเขาทั้งหมด เมื่อตอนนี้รวมเป็นหนึ่งกับข้า ข้าก็ทราบความสามารถของตราอาคมนี้แล้ว”
อาคมผนึกมาร
ความสามารถสุดท้ายของเฉิงเสวียนจง
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้แผนการล้มเหลวโดยสิ้นเชิงจริงๆ มารน้ำกุ่ยอาศัยร่างกำเนิดใหม่ เช่นนั้นไม่ต้องให้คนอื่นๆ เป็นกังวล เฉินเสวียนจงก็คิดฆ่าตัวตาย
“ดังนั้นวิธีการสุดท้ายของพวกเจ้ายังเป็นการตายไปพร้อมกับข้า?” ‘เฉินเสวียนจง’ กล่าวอย่างเย็นชา