ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1434 อาคมผนึกมาร
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับ ‘เฉินเสวียนจง’ ที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้ารวมความทรงจำกับผู้อาวุโสเฉิน เช่นนั้นสมควรรู้ว่าอาคมผนึกมารนี้เป็นข้ากับภรรยาช่วยผู้อาวุโสเฉินสร้างขึ้นหลังจากร่วมพิจารณากับเขา”
‘เฉินเสวียนจง’ มองเยี่ยนจ้าวเกอ “ความหมายคืออาคมผนึกมารนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ซึ่งแม้แต่เขา เจ้าก็ไม่ได้บอก?”
“ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเฉื่อยชา “เพียงแต่เรื่องราวในโลกไม่แน่นอน สงครามในวันนี้ดำเนินมาถึงตรงนี้ มักมีตัวแปรที่อยู่เหนือความคาดหมาย หลังจากปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ข้าก็มีความคิดใหม่ๆ ส่วนหนึ่ง”
ภายใต้การกระตุ้นของเยี่ยนจ้าวเกอ ไอเย็นหลายสายนั้นตวัดเป็นอาคมผนึกมาร สลักใส่จุดลมปราณถานจงกลางหน้าอกของเฉินเสวียนจง
จากนั้นแสงสีฟ้าหลายสายก็เริ่มเคลื่อนไหวบนผิวของเฉินเสวียนจง ไหลเวียนไม่หยุด สุดท้ายรวมตัวกันที่จุดถานจงจนหมด
ในดวงตาที่เย็นเยียบสงบนิ่งของเฉินเสวียนจง ยังคงมีแสงสว่างกะพริบ แสดงถึงความปั่นป่วน
“หลีหลีคิดทำอย่างไร” เขาดวงตาเป็นประกายติดต่อกัน มองไปยังฉู่หลีหลี
ฉู่หลีหลีตกใจ มองใบหน้าที่เดิมทีสมควรคุ้นเคยยิ่ง แต่ตอนนี้กลับแปลกหน้าถึงขีดสุดด้วยสีหน้าซับซ้อน
ถึง ‘เฉินเสวียนจง’ จะมีแสงเคลื่อนไหวในม่านตาไม่หยุด แต่น้ำเสียงกลับมั่นคงเหมือนเดิม “ต้องการไปพร้อมกับข้าหรือไม่ สำหรับเจ้าแล้วจะเข้าสู่วิถีมารของข้าหรือไม่ สำคัญจริงๆ หรือ”
ฉู่หลีหลีเดิมทีอ้าปากคิดกล่าวอันใด พอฟังประโยคนี้ก็ตื่นตระหนก เม้มริมฝีปากมองดู ‘เฉินเสวียนจง’
“หลีหลีเจ้าปฏิเสธวิถีมารเป็นเพราะข้าเคยพร่ำสอน เป็นเพราะตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าได้รับการกรอกหูจากข้าและคนอื่นๆ” อีกฝ่ายกลับมีน้ำเสียงสงบนิ่งถึงขีดสุด “แต่ว่าตอนนี้ ข้าขอไปยังนพยมโลกก่อนก้าวหนึ่ง เจ้าจะไม่มาด้วยกันหรือ”
ฉู่หลีหลีก้มหน้า “เจ้าไม่ใช่อาจารย์ของข้าอีกแล้ว เจ้าคือมารน้ำกุ่ย! คำกล่าวของเจ้าในตอนนี้เพราะต้องการหนีเอาชีวิตรอด จึงล่อลวงข้า”
“ข้ากำลังหาแผนเอาตัวรอดอยู่จริงๆ” อีกฝ่ายตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่กลับไม่ใช่ล่อลวงเจ้า ข้าเดิมทีเป็นผู้สืบทอดแห่งหยกพิสุทธิ์ ได้รับบุญคุณมามากมาย ปัจจุบันได้กลายเป็นมาร ถูกสหายร่วมเส้นทางรังเกียจและมองเป็นปรปักษ์ ทั้งต้องการกำจัดข้าให้เร็วที่สุด นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่หลีหลีเจ้าเล่า?”
ฉู่หลีหลีเงยหน้าขึ้น เผชิญสายตาที่ล้ำลึกคู่หนึ่ง
“ถูกจำกัดบริเวณอยู่เขาหลังของยอดเขาเมฆมรกตตั้งแต่เด็ก ไม่อาจไปด้านนอก ไม่อาจพบเจอผู้คน ไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีวัยเด็ก คนที่เจอเจ้าได้ล้วนจับตาระแวดระวังเจ้า ตอนนั้นสาเหตุที่ข้าปล่อยเจ้าไว้บนโลกซ้อนโลกหลังจากสังหารฉู่หวน ก็เพื่อศึกษาความลับของมารร้ายแห่งนพยมโลก หยกพิสุทธิ์ สำนักเต๋า มีค่าอะไรให้เจ้าอาลัยอาวรณ์หรือ”
ฉู่หลีหลีริมฝีปากสั่นไหว แต่สุดท้ายก็เงียบงันไม่กล่าววาจา นางไม่มีความอาวรณ์ต่อสำนักเต๋ามากเท่าไรจริงๆ ถึงอย่างไรคนที่ได้รู้จักก็มีแค่ไม่กี่คน คนที่นางคะนึงหามากที่สุดในนี้ ตอนนี้อยู่ตรงหน้านาง…
“ดังนั้นการไปกับข้ามีอันใดไม่ดี” คนหนุ่มผมขาวกล่าวอย่างสงบนิ่ง
ฉู่หลีหลีสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทวนทีละคำ “เจ้า ไม่ ใช่ อา จารย์ ของ ข้า!”
แต่เป็นศัตรูที่ฆ่าเขา!
‘เฉินเสวียนจง’ ยิ้มจืดจาง “เจ้าผิดแล้ว ข้าคือเฉินเสวียนจง เฉินเสวียนจงคือข้า ไม่ใช่เป็นแค่เปลือกร่างนี้เท่านั้น”
เขาก้มมองตรายันต์ตรงหน้าอกของตนที่ยิ่งมายิ่งชัดเจน ยิ่งมายิ่งใหญ่ขึ้น “คนล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้ข้าก็แค่ทำการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น หลีหลีเจ้าก็ทำได้เช่นกัน ในตอนที่เจ้าเปลี่ยนมุมมองมามองดูโลกนี้เหมือนข้า เจ้าก็จะมีความรู้สึกใหม่โดยสิ้นเชิงเช่นกัน”
“ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนที่ตัวเองต้องการ” เยี่ยนจ้าวเกอตัดบทของเขา
‘เฉินเสวียนจง’ ขมวดคิ้ว หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “คนปกติยามร่วงหล่นเป็นมาร ไม่ว่าจะเผชิญการล่อลวงหรือคุกคามอย่างไร สุดท้ายคนที่ก้าวเท้าก้าวสุดท้ายทำการตัดสินใจก็ยังเป็นตัวเอง ทว่าร่างสถิตที่จอมมารใช้คืนชีพไม่เหมือนกัน นอกจากความต้องการของตัวเองแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกบังคับด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปทางฉู่หลีหลี “ถ้าหากว่าผู้อาวุโสฉู่ท่านกลายเป็นมารน้ำแข็งยุคใหม่ในตอนสุดท้าย กษัตริย์ดาราก็จะใช้อาคมผนึกมารนี้ย้ายสำนึกมารทั้งหมดมาไว้บนร่างของตัวเอง เพื่อตกตายพร้อมกับมารน้ำกุ่ยอยู่ดี เมื่อก้าวเท้าก้าวสุดท้ายออก สำนึกมารบนตัวท่านก็จะถูกกำจัดทิ้ง มารน้ำกุ่ยคืนชีพแล้วดับสูญ ต่อจากนั้นผู้อาวุโสฉู่ท่านไม่ต้องกังวลการสร้างปัญหาจากมารน้ำกุ่ยอีก”
ขอแค่ทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง อย่าให้ถูกมารฉวยโอกาสอีกก็พอ
สาเหตุที่ฉู่หลีหลีถูกสำนึกมารพัวพันมาเป็นพันปี เกิดขึ้นจากการที่ฉู่หวนบิดาของนาง หรือมารน้ำแข็งยุคก่อนทิ้งตราสลักไว้บนร่างนาง ไม่มีวิธีกำจัดต้นตอมาโดยตลอด
ต่อให้ครั้งนั้นเฉินเสวียนจงจะรับภัยพิบัติมารแทนนาง ก็เป็นแค่ความโชคดีชั่วขณะ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่รากฐาน
ดังนั้นก่อนหน้านี้จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงจึงเคลื่อนไหว ฉู่หลีหลีได้ประสบเภทภัยอีกครั้ง
หากว่าครั้งนี้อาศัยโอกาสที่มารน้ำกุ่ยคืนชีพ ทำลายตรามารที่เกาะอยู่บนร่างของฉู่หลีหลีโดยสิ้นเชิงได้ ก็ไม่มีผลร้ายที่เกิดตามหลังอีก
นอกเสียจากว่าจะมีตรามารอันใหม่ถูกทิ้งไว้
“ก่อนหน้านี้กษัตริย์ดารากล่าวว่า ‘เหตุของวันก่อน ผลของวันนี้’ ในอดีตเป็นการตัดสินใจที่เขากระทำ หากมีผลอะไรตามมา เขาจะรับไว้จนถึงที่สุดด้วยพลังทั้งหมดที่มี นี่จึงเป็นความปรารถนาของกษัตริย์ดารา” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ไม่ใช่แผนการของมารน้ำแข็งเจ้า”
ฉู่หลีหลีมองเฉินเสวียนจงด้วยสีหน้าซับซ้อน
วินาทีถัดมา แสงสว่างในม่านตาสองข้างของเฉินเสวียนจงค่อยๆ มืดลง กลับกันตราอาคมตรงหน้าอกค่อยๆ ผนึกแข็ง กลายเป็นผลึกน้ำแข็งครอบคลุมทรวงอกของเขา
ผลึกน้ำแข็งเริ่มขยายออกไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง แช่แข็งส่วนอื่นๆ บนร่างของเฉินเสวียนจง
พร้อมกับการขยายตัวของน้ำแข็ง ตัวเฉินเสวียนจงก็กำลังเปลี่ยนเป็นรูปสลักน้ำแข็งที่แท้จริง ไม่มีชีวิตอีกต่อไป
พลังชีวิตของเขาค่อยๆ หายไป และสำนึกมารที่เย็นเยียบและดุร้ายนั้นก็กำลังหายไปด้วยเช่นกัน
เวลานี้ในทรวงอกของเฉินเวียนจงมีเสียงดังมา “มิผิด นี่เป็นความปรารถนาแรกของเขา เหมือนกับที่คนที่เขารักเป็นเจี่ยหมิงคงตลอดมา ไม่ใช่เจ้า”
ฉู่หลีหลีพอฟัง ทั่วร่างก็สั่นสะท้าน
เสียงในผลึกน้ำแข็งดังออกมาต่อ “เป็นมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะรับเลี้ยงเจ้าแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง…” ฉู่หลีหลียืนอึ้งอยู่กับที่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ตื่นเต้นโวยวาย กลับถอนใจยาวๆ คำหนึ่ง
สีหน้านางมัวหม่น มองดูใบหน้าของเฉินเสวียนจงอย่างซึมเซา
เฉินเสวียนจงในตอนนี้กลิ่นอายอ่อนแอ ดวงตามืดหม่นไร้แสง ทว่าเขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ เผชิญสายตาของฉู่หลีหลี
เฉินเสวียนจงในเวลานี้ ถึงแม้พลังชีวิตกำลังหายไปทีละก้าวๆ กระนั้นดวงตากลับราบเรียบดุจสายน้ำ สงบนิ่งเฉื่อยชา เหมือนกับตัวเขาในวันวาน
“สิ่งที่ข้ารู้ไม่ค่อยแจ่มชัดนัก แต่ข้า…ก็รู้อยู่” ฉู่หลีหลีกล่าวเสียงเบา “ข้า…เพียงแค่กอดความหวังน้อยนิด ต่อให้จะมีน้อยแค่ไหนก็ตาม…”
เกล็ดน้ำแข็งเริ่มปกคลุมทั่วร่างของเฉินเสวียนจงอย่างต่อเนื่อง สีหน้าเขาไร้ความเจ็บปวดใดๆ มองดูลูกศิษย์คนเล็กของตัวเองอย่างมีเมตตา
ถึงจะไร้วาจา แต่เมื่อมองดูสายตาที่ผู้อาวุโสใช้มองดูผู้เยาว์ ฉู่หลีหลีก็เข้าใจแล้ว
นางมองเฉินเสวียนจง เซื่องซึมอย่างไม่อาจควบคุมชั่วขณะหนึ่ง
รอนางได้สติกลับมา คิดจะพูดอันใด กลับเห็นผลึกน้ำแข็งลามไปถึงศีรษะของเฉินเสวียนจง ปกคลุมใบหน้าของเขาไปแล้ว
บุรุษผมขาวทั้งร่างมีน้ำแข็งปกคลุม แช่แข็งตัวเอง
ในน้ำแข็ง เงาร่างของเขาคล้ายเริ่มยิ่งมายิ่งจาง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปสลักน้ำแข็งโดยสมบูรณ์
“มาถึงแล้ว!” เยี่ยนจ้าวเกอซึ่งมีใบหน้าร้อนรน เหมือนรออะไรบางอย่างมาโดยตลอด ยามนี้พลันฮึกเหิม