ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1435 คำตอบที่ช้าไปพันปี
ขณะมองเฉินเสวียนจงที่ค่อยๆ กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็ง ฉู่หลีหลีทั้งลนลานทั้งหวาดกลัว กลับไม่ทราบว่าสมควรทำอย่างไร ชั่วขณะนั้นความโศกเศร้าทะลักจากทรวงอก ก้นบึ้งจิตใจคือความเย็นเยียบและความสิ้นหวัง
ประโยคว่า ‘มาถึงแล้ว’ ของเยี่ยนจ้าวเกอทำนางสะดุ้ง กลับสร้างแสงไฟแห่งความหวังสายหนึ่งขึ้นในจิตใจนาง
ฉู่หลีหลีหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกระตือรือร้น
เยี่ยนจ้าวเกอกำลังส่งกระแสเสียงแก่เฟิงอวิ๋นเซิงกับเยี่ยนตี๋ที่อยู่ด้านนอก “ปกป้องนางเข้ามา!”
ด้านนอกพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร พอสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของมารน้ำแข็งอ่อนลงแล้วหายไป การต่อสู้ของทุกคนก็เริ่มลดความรุนแรงลง
เผ่าปีศาจบรรลุเป้าหมาย ย่อมไม่ต้องเสี่ยงชีวิตโจมตีอีก
เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นผิดหวังครั้งใหญ่ ทว่าด้านหน้ามีแต่ศัตรูร้ายกาจ ได้แต่ยอมรับความจริงตรงหน้า
ในตอนนั้นเอง แสงไฟสายหนึ่งเข้าใกล้จากที่ไกล
การเคลื่อนไหวของหนอนเก้าเศียรและการระเบิดของพันเกล็ดโดดข้ามประตูมังกรก่อนหน้า ได้บดขยี้และทำลายเขตมารที่ครอบคลุมปิดผนึกสถานที่แห่งนี้ทิ้ง ดังนั้นแสงไฟจึงข้ามผ่านมิติเข้ามาในอาณาบริเวณนี้ได้
มารและปีศาจรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง หมายจะสกัดแสงไฟสายนั้นไว้
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงชิงขวางดาบอุดเส้นทางของเทพมารและมหาเทวะเก้าเศียรตนนั้นก่อนหนึ่งก้าว การเสียเวลาเพียงเล็กน้อยทำให้แสงไฟพุ่งจากกลางอากาศมาถึง
“…เป็นครึ่งมังกรพวกเดียวกับสั่วหมิงจางนั่น?” ราชามังกรหวนเฉินคิ้วสั่นไหว “ยังพาใครมาด้วย”
เขาคิดไปด้านหน้า แต่ว่าสิ่งที่รอรับเขาอยู่เป็นดาบของเยี่ยนตี๋ พลันกดดันให้เขาถอย
ไม่ว่าเป็นเผ่าปีศาจหรือมารร้าย ต่างไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างกะทันหันนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
ผู้มาเป็นทวนพระอังคาร
ในฐานะอาวุธเซียนระดับไร้ช่องโหว่ชิ้นหนึ่ง เทียบได้กับยอดฝีมือระดับเซียนจริงแท้ของเผ่ามนุษย์ พลังแม้ไม่อ่อนด้อย แต่คล้ายไม่อาจสร้างผลกระทบใหญ่ต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เซียนจริงแท้ทุกคนเป็นอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ การปรากฏตัวขึ้นที่นี่ของทวนพระอังคารจึงผิดปกติเป็นพิเศษ
เพื่อป้องกันไม่ให้จอมยุทธ์สำนักเต๋าใช้แผนการอื่นต่อ มารและปีศาจไม่ลังเล เตรียมห้ามการเข้ามาของทวนพระอังคาร ต่อให้พวกเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรก็ตาม
ต้องการหยุดไม่ให้ทวนพระอังคารเข้าใกล้ที่แท้ไม่ยาก
อนุเทวะเผ่าปีศาจตนหนึ่งส่งเสียงมหามรรคาออกไป กำลังจะหยุดทวนพระอังคารไว้ห่างๆ
ทว่าพวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับเกาชิงเสวียนเร็วกว่าก้าวหนึ่ง พากันส่งเสียงลดเสียงมหามรรคาของอีกฝ่าย ผนึกกำลังกันส่งทวนพระอังคารเข้ามา
การกระทำนี้ยิ่งตอกย้ำมารและปีศาจมากขึ้นว่า ผู้มามีปัญหาจริงๆ
สถานการณ์ที่เดิมทีค่อยๆ มีสัญญาณว่าจะลดความรุนแรงลงเพราะเฉินเสวียนจงกับมารน้ำกุ่ยดับสูญพร้อมกัน วินาทีนี้พลันตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง
การต่อสู้ของสองฝ่ายรุนแรงขึ้นอีกหนหนึ่ง
แสงไฟที่เป็นตัวทวนพระอังคารบินผ่าน มาถึงบริเวณที่พิธีผสมฟ้าขับไล่มารอยู่
เปลวเพลิงสั่นไหว เงาคนสายหนึ่งปรากฏกายจากภายใน ผละจากทะเลเพลิงแล้วเข้าไปในดวงแสงที่พิธีกรรมสร้างขึ้นทันที
ฉู่หลีหลีเพ่งตามองไป หลังมองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัดถนัดตา จิตใจก็เต็มไปด้วยรสชาติต่างๆ ชั่วขณะ
“ศิษย์พี่…”
สตรีอาภรณ์ขาวที่เข้ามาในพิธีผสมฟ้าขับไล่มารเป็นศิษย์คนโตของเฉินเสวียนจง ศิษย์พี่ของฉู่หลีหลี จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคง!
กับนาง ฉู่หลีหลีก็ไม่ได้เจอมาแล้วพันปี
ในอดีตเคยคิดมานับครั้งไม่ถ้วนว่าจะพบเจอกับเจี่ยหมิงคงอีกครั้งในสถานการณ์อย่างไร กลับคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเป็นสภาพการณ์เช่นตอนนี้
“หลายปีมานี้ผู้อาวุโสเจี่ยก็ตามหาผู้อาวุโสฉู่ท่านมาโดยตลอด” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “ท่านตกไปอยู่ในมือของนพยมโลก ข้ากังวลมาตลอดว่าผู้อาวุโสเจี่ยจะเดินตามรอยท่าน อาจกลายเป็นตัวประกันที่นพยมโลกใช้ควบคุมกษัตริย์ดาราและพวกข้า”
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าตัวประกันมีจริงๆ แต่ไม่ใช่เจี่ยหมิงคง กลับเป็นกษัตริย์เถาแห่งมรกตท่องฟ้า
ต่อให้ผิดพลาดก็ไม่เป็นไร ลางสังหรณ์ที่ต้องช่วยตัวประกันของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงมีอยู่
ทว่าในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามขึ้นในจิตใจว่า ถ้าหากเจี่ยหมิงคงไม่ตกไปอยู่ในมือของมารร้ายนพยมโลก แล้วตอนนี้นางจะไปอยู่ที่ไหนได้
ความกว้างใหญ่ของมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนยากจะกะประมาณ หากไม่มีเบาะแสแต่ต้องการหาคน การงมเข็มในมหาสมุทรยังใช้บรรยายความยากในนี้ไม่ได้มากพอ
แต่ว่าก่อนหน้านี้เจี่ยหมิงคงทดลองตามหาฉู่หลีหลีมาโดยตลอด
เฉินเสวียนจงกับเกาหานสัมผัสได้ถึงร่องรอยที่นางเคยผ่าน
นี่หมายคามว่าเจี่ยหมิงคงก็กำลังจับตาดูเรื่องของฉู่หลีหลีและนพยมโลกมาโดยตลอดเช่นกัน
ตอนนี้สองฝ่ายสู้ตัดสินบนดินแดนพันเกล็ด เทพมารระดับมหาชาลตนนั้นสร้างเขตมารครอบคลุมมิติที่กว้างใหญ่ ก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โตปานนี้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะสะกิดความสนใจของเจี่ยหมิงคง ดึงดูดให้นางมาถึงบริเวณนี้เช่นกัน
ดังนั้นตอนพันเกล็ดโดดข้ามประตูมังกรก่อนหน้านี้ ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปด้านนอก เยี่ยนจ้าวเกอได้ส่งข้อความออกไป ขอให้พวกทวนพระอังคารกับจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือที่เดินทางอยู่ในมิติรอบนอกช่วยตามหาที่อยู่ของเจี่ยหมิงคง
ตอนนั้นเป็นแค่การล้อมคอกก่อนวัวหาย ป้องกันไม่ให้เจี่ยหมิงคงตกไปอยู่ในมือของมารร้ายโดยไม่ทันระวัง ทำให้สถานการณ์เพิ่มการเปลี่ยนแปลง
กระนั้นตอนนี้กลับเป็นเวลาช่วยชีวิตแล้ว
“กษัตริย์ดาราเคยกล่าวว่า ‘เหตุของวันก่อน ผลของวันนี้’ ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเกิดเหตุใดขึ้นไม่ต้องกล่าวอีก สิ่งสำคัญก็คือต่อจากนี้จะทำอย่างไร” เยี่ยนจ้าวเกอเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันให้เจี่ยหมิงคงฟังคร่าวๆ “โชคดีที่กษัตริย์ดารามีพวกท่านผู้สืบทอดสองคน ทั้งสองต่างเป็นผู้สืบทอดที่ได้เลื่อนสู่ระดับเซียนแล้ว เช่นนี้บางทีอาจมีโอกาสรอดชีวิต”
ในนี้มีเหตุผลมากมายเกาะเกี่ยว เกรงว่าจะแยกแยะไม่ได้แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองคนทั้งสองอย่างล้ำลึก “เพียงแต่…ความเสี่ยงในนี้จำเป็นต้องให้พวกท่านกับกษัตริย์ดารารับไปด้วยกัน จะมีอนาคตหรือไม่ ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่กล้ารับประกัน”
“เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะข้า เกิดขึ้นเพราะท่านพ่อ ผลลัพธ์ไม่ควรให้ท่านอาจารย์มาแบกรับ” ฉู่หลีหลียิ้มเล็กน้อย
สีหน้าของนางดูอ้างว้างอยู่บ้าง ฝืนยิ้มขึ้น “ได้พบท่านอาจารย์อีกครั้ง ทั้งไม่ต้องฟังคำตอบจากปากอาจารย์เอง สวรรค์ช่างปรานีข้านัก”
ฉู่หลีหลีมองเจี่ยหมิงคง เห็นเจี่ยหมิงคงมองนางอยู่เช่นกัน
ริมฝีปากสั่นไหว คิดกล่าวอะไร สุดท้ายได้แต่ถอนใจคำหนึ่งแล้วเดินไปทางด้านซ้ายของเฉินเสวียนจงอย่างเงียบงัน ก่อนจะทรุดลงนั่งขัดสมาธิ
นางเขียนตรายันต์กลางฝ่ามือ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปวางบนไหล่ซ้ายของเฉินเสวียนจงตามการชี้แนะของเยี่ยนจ้าวเกอ
ชั่วขณะนั้น ผลึกน้ำแข็งไหลออกจากไหล่ของเฉินเสวียนจง ลามมาถึงแขนของฉู่หลีหลี จากนั้นก็ปกคลุมนางไว้ทั้งตัว
เฉินเสวียนจงที่อยู่ในชั้นน้ำแข็ง เดิมทีร่างค่อยๆ หายไป กำลังจะกลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งจากภายนอกโดยสมบูรณ์
วินาทีนี้ในที่สุดร่างของเขาก็ไม่ได้หายไป
เฉินเสวียนจงลืมตาขึ้น หันไปมองฉู่หลีหลีที่อยู่ด้านข้าง
เขาไม่ได้เอ่ยอะไร แต่มองดูจากรูปปากของเขาก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการถอนใจ “เด็กโง่…”
ฉู่หลีหลียิ้ม ตอนนี้กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งเช่นกัน
ในชั้นน้ำแข็ง นางหลับทั้งสองข้าม จมลงสู่ความเงียบงัน
เจี่ยหมิงคงมองการเคลื่อนไหวของฉู่หลีหลีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เห็นส่วนลึกในดวงตาของนางมีคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนถั่งโถมอย่างต่อเนื่อง
นางเดินไปด้านขวาของเฉินเสวียนจงโดยไม่ลังเล เวลานี้นางเผชิญสายตาของอีกฝ่ายแล้ว
ในชั้นน้ำแข็ง สีหน้าของคนเหมือนกับพร่ามัวมองไม่เห็นชัดเจน แต่ว่าหลังจากสัมผัสสายตาของเฉินเสวียนจง ก็ยังทำให้เจี่ยหมิงคงอดสั่นสะท้านไม่ได้
มือของนางที่ตอนแรกจะวางบนไล่ขวาของเฉินเสวียนจงเลื่อนขึ้นไปด้านบน ต้องการลูบไล้ใบหน้าของเฉินเสวียนจงอย่างไม่อาจควบคุม
มือยื่นไปถึงกลางทาง พอคิดถึงเรื่องบนชายฝั่งยมโลกในตอนนั้น ก็หยุดนิ่งกลางอากาศ สีหน้าปรากฏความละอายและความหวาดกลัว
ในชั้นน้ำแข็ง เฉินเสวียงจงมองหน้านางอย่างสงบ เอ่ยปากกล่าววาจา
ยังคงไม่มีเสียงดังออกมา แต่ว่าเจี่ยหมิงคงที่อ่านรูปปากของบุรุษผมขาวเข้าใจ น้ำตาพลันรินไหลราวสายฝนในชั่วขณะ
นางทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ หยุดไว้ไม่ได้
จักรพรรดิน้ำแข็งซึ่งที่แล้วมาเย็นชาโดดเดี่ยวราวธารน้ำแข็ง วินาทีนี้เหมือนกลับไปเมื่อพันปีก่อน
ความรู้สึกที่สั่งสมมาเป็นพันปี ยามนี้ปะทุออกมาหมดสิ้น การควบคุมตัวเองและความมีเหตุผลล้วนหายไป
เฉินเสวียนจงมีสีหน้าอ่อนโยน
“เสวียนจง…” เจี่ยหมิงคงพึมพำเสียงเบา หยุดร้องไห้ สีหน้าเป็นสุข ไม่ได้ยื่นมือไปแตะใบหน้าของเฉินเสวียนจง แต่ว่าวางลงบนไหล่ของบุรุษหนุ่ม
พริบตานั้น ผลึกน้ำแข็งไหลเข้ามาตามฝ่ามือของนาง
ตอนนี้เจี่ยหมิงคงก็กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งเช่นกัน นางกับฉู่หลีหลีแยกเป็นหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาข้างเฉินเสวียนจง
ศิษย์อาจารย์ทั้งสามที่เกาะเกี่ยวด้วยบุญคุณความแค้นพันกว่าปีถูกแช่แข็งพร้อมกัน
สงบเงียบไร้เสียง