ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1439 ต่อสู้กับมารจิตแรกเริ่ม
“ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ สหายร่วมเส้นทางสั่ว เจ้าแม่อู๋ตังทำสงครามกับเหล่ามารอย่างมารจิตดั้งเดิม และมารไม้อิกบัญชาในมิตินอกแดน” หลิงชิงอธิบายอย่างรวดเร็ว “แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีสาจมียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ”
“แม้นพยมโลกจะเป็นศัตรูร่วมกัน แต่เกรงว่าศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจหวังให้พวกเราสำนักเต๋าสายหลักกับนพยมโลกบาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่ายมากกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ
หลิงชิงพยักหน้า “มิผิด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพวกใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋หรือเหล่ามารจากนพยมโลก ตอนประมือกันล้วนมีข้อกริ่งเกรง ไม่อาจลงมือเต็มกำลัง ป้องกันไม่ให้ถูกคนอื่นฉวยโอกาส”
ขณะที่คุยกัน ทางเกาชิงเสวียนก็ได้รับข้อความจากเจ้าแม่อู๋ตัง เนื้อหาสาระเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่
“ผลลัพธ์การต่อสู้ในตอนสุดท้ายของสองฝ่ายคือมารไม้อิกบาดเจ็บ เทพมารระดับมหาชาลอีกตนเกือบตายคาที่” เกาชิงเสวียนเล่า “การฟื้นคืนชีพของมารน้ำกุ่ยล้มเหลว หลังจากดับสูญ เหล่ามารจากนพยมโลกก็ล่าถอยไป ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจเริ่มลงมือสุดกำลัง ตีกระหนาบมารร้าย”
ปัจจุบันจอมมารถอยไปชั่วคราว ปัญหาการจัดการมารดินโบ่วของพวกเยี่ยนจ้วเกอมีสภาพผ่อนคลายลงมาก
“แต่ว่าทางเราก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอมีสภาพค่อนข้างดี หลังปรับลมหายใจฟื้นฟูกำลัง ในระยะเวลาอันสั้นสามารถฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมาได้ใหม่
ปัญหาอยู่ที่เฟิงอวิ๋นเซิง สงครามก่อนหน้านางเสี่ยงอันตราย เกือบข้ามภัยพิบัติฟ้ากำเนิด
สำหรับในตอนนี้ยังถือว่าเร็วเกินไป
สำนึกมารหากเต็มเปี่ยม จะส่งผลเสียต่อการรักษาสภาพจิตใจของนาง แม้ตอนนี้จะดูปกติ แต่ในระยะเวลาอันสั้นไม่อาจสู้กับใครได้อีก ต่อให้ต้องสู้ก็ต้องสะกดความสามารถของตัวเองไว้ในระดับสูง ไม่แน่นอนยิ่งกว่าก่อนการต่อสู้นี้เสียอีก
จำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นฟูสักระยะ จึงจะสามารถลงมือสุดกำลังได้อีกครั้ง
โดยเฉพาะขวดหยกสีดำที่จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋มอบให้ ตอนนี้เกิดรอยแตก ต้องซ่อมแซมเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นหากใช้อีกครั้งในทันทีก็มีโอกาสแตกออกได้ตลอดเวลา
เฟิงอวิ๋นเซิงยากจะสู้สุดกำลัง เป็นผลกระทบขนาดใหญ่ต่อพลังของฝ่ายตนอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ดินแดนพันเกล็ดพังทลายแล้ว พิธีกรรมผสมฟ้าขับไล่มารก็ล่มแล้วเช่นกัน
อย่างแรกเป็นดินแดนที่ได้แต่หวังหากไม่อาจหาเจอ อย่างหลังคือรวบรวมวัตถุดิบหลักสำหรับสร้างพิธีครั้งที่สองไม่ได้มากพอ
ภัยจากมารดินโบ่วต่อจากนี้ ไม่อาจฝากความหวังไว้กับของวิเศษทั้งสองได้อีก
“ทางมารดินโบ่วยังทนได้อีกเท่าไร” นักพรตอวิ๋นเจิ้งถามอย่างใคร่ครวญ
“ในเวลาอันสั้นไม่มีปัญหา แต่ไม่อาจทนได้นานเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ต้องรีบย้ายจวินเอ๋อร์สองแม่ลูกออกจากฟ้าเหนือฟ้าให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นคงปิดมารจิตไม่ได้”
หากอยู่ในจักรวาลฟ้าฟื้น ย่อมมีชัยภูมิของตำหนักโอสถที่สามารถพึ่งพาได้
ทว่าเกิดมารดินโบ่วคืนชีพกลับมาจริงๆ ในกระบวนการนี้จะเป็นการชี้ทิศทาง และเผยตำแหน่งของจักรวาลฟ้าฟื้นให้แก่นพยมโลก
แม้ตอนนี้พวกจอมมารเช่นมารจิตแรกเริ่มกับมารเงาจะถูกกดดันให้ถอย แต่ถ้าตำแหน่งของจักราวลฟ้าฟื้นถูกพวกมันเปิดเผยแก่เส้นทางนอกรีต ศาสนาพุทธ หรือว่าเผ่าปีศาจ เช่นนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอย่อมเจอสถานการณ์เลวร้ายแล้ว ถึงเวลานั้นจะมีอันตรายยิ่งกว่าเดิม ได้ไม่คุ้มเสีย
“อาการบาดเจ็บของมารจิตแรกเริ่มจากการสู้กับอวิ๋นจงจื่อผู้อาวุโสสำนักเต๋าของพวกเราในตอนนั้นยังคงอยู่ อำนาจและอานุภาพอ่อนด้อยกว่าตอนสมบูรณ์ไม่น้อย” เกาชิงเสวียนขมวดคิ้วกล่าว “แต่ว่าระดับของสือจวินสองแม่ลูกต่ำเกินไป เกรงว่ายากจะป้องกันการจู่โจมของมารจิต”
หลังยุคโบราณตอนกลาง มารจิตแรกเริ่มเคยต่อสู้กับอวิ๋นจงจื่อ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายหยกพิสุทธิ์
อวิ๋นจงจื่อในตอนนั้นเป็นผู้ที่มีระดับคัมภีร์เกิดนภาแห่งสายหยกพิสุทธิ์สูงส่งที่สุด มีความสำเร็จสูงส่ง กอปรด้วยความมหัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
สุดท้ายหลังจากต่อสู้กัน สองฝ่ายล้วนบาดเจ็บ
อวิ๋นจงจื่อสุดท้ายได้รับบาดเจ็บหนักกระทั่งมรณะ หลังจากเขาตาย ในบรรดายอดฝีมือที่ทราบเรื่อง ณ ตอนนี้ก็ไม่เคยมีใครที่ฝึกฝนคัมภีร์เกิดนภาจนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีก
มารจิตแรกเริ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน กบดานอยู่ในนพยมโลกหลายปีไม่ออกมา จนกระทั่งหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จึงค่อยมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี อานุภาพและอำนาจเทียบตอนสมบูรณ์ที่สุดไม่ได้ ความน่าอัศจรรย์หายไปมาก
“สภาพที่มารจิตแรกเริ่มแสดงออกมาในสงครามวันนี้ ดูเหมือนยังไม่ได้ฟื้นฟูสู่ระดับสูงสุดจริงๆ แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะว่าแรงกดดันที่พวกผู้อาวุโสสั่วมอบให้มารจิตมีมากเกินไปด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญเล็กน้อย หันไปทางหลิงชิง “ตอนนี้นพยมโลกถอยไปชั่วคราว จะขอให้ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ลงมือป้องกันมารจิตแรกเริ่ม คุ้มครองพวกเราตอนจัดการมารดินโบ่วได้หรือไม่”
ระดับของบทสวดทันใจและคัมภีร์นภาทันใจของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าในปัจจุบัน
ในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋า เขาคือผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันมารจิต
“ข้าจะติดต่อจักรพรรดิเพื่อรายงานเรื่องนี้ ขอให้เขาพิจารณาดู” หลิงชิงกล่าวอย่างรวบรัด
ทุกคนทางหนึ่งเดินทาง ทางหนึ่งกล่าว เคลื่อนไหวในมิติหลายชั้น
ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าสั่นไหวเล็กน้อย “อาจารย์ลุงเยว่เข้าใกล้แล้ว กำลังมารวมตัวกับพวกเรา”
เกาชิงเสวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งใบหน้าฉายแววร้อนรน
ครู่ต่อมา ในอวกาศที่มืดมิดอีกด้านหนึ่ง ประกายกระบี่สายหนึ่งกะพริบขึ้น ทำลายมิติมาถึง พอเข้าใกล้ทุกคนก็หยุดยั้งลง เผยให้เห็นเงาร่างของเยว่เจิ้นเป่ย
พอเห็นเขามาแค่คนเดียว เกาชิงเสวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งจิตใจต่างสั่นไหว
ทั้งสองคนยังมีความหวัง รีบร้อนเข้าไป หลงซิงเฉวียนทราบความคิดในใจของผู้เป็นภรรยาจึงตามไปด้วย ถามเยว่เจิ้นเป่ยว่า “เจิ้นเป่ย ผู้อาวุโสหลี่ จิงเสิน กับเยี่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“อาจารย์อาหลง จิงเสินกับสหายน้อยอวี่พลัดหลงกับข้าแล้ว แต่จากสถานการณ์ในตอนนั้น พวกเขาสมควรไม่มีอันตรายถึงชีวิต เพียงแต่ไม่ทราบว่าถูกกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาม้วนไปยังที่ใด” เยว่เจิ้นเป่ยเงียบเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ
เขาไม่ได้ปิดบังและไม่ได้แก้ตัว กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ฆราวาสเถาม่วงเสียชีวิตแล้ว”
พอได้ยินคำกล่าวนี้ ตรงหน้าเกาชิงเสวียนพลันมืดมิด รู้สึกฟ้าดินหมุนวน “ท่านอาจารย์…”
หลงซิงเฉวียนรีบประคองภรรยาของตัวเอง รู้สึกว่าร่างอีกฝ่ายเย็นเยียบ
นักพรตอวิ๋นเจิ้งใบหน้าปรากฏความเจ็บปวด พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ
“เจิ้นเป่ย ที่แล้วมาข้ารู้จักนิสัยของเจ้าดี ข้าเชื่อว่าเจ้าพยายามสุดกำลังแล้ว” หลงซิงเฉวียนกล่าวเสียงทุ้ม “เหตุการณ์ในตอนนั้นมีรายละเอียดเป็นอย่างไรกันแน่”
เยว่เจิ้นเป่ยเงียบขรึมอีกสักพัก
ถึงเขาจะพยายามสุดความสามารถตามคำพูดของหลงซิงเฉวียนจริงๆ แต่หากบอกว่ากษัตริย์เถาหลี่อิงเสียชีวิตลงเพราะปฏิเสธการช่วยเหลือจากเขา ก็ดูเหมือนใส่ความคนอื่นอยู่บ้าง ยากจะบอกว่าเกาชิงเสวียนกับนักพรตอวิ๋นเจิ้งมีปฏิกิริยาอย่างไร
ทว่าที่แล้วมาเยว่เจิ้นเป่ยเวลาทำอะไรมักจริงจังเคร่งครัด ตรงไปตรงมา ดังนั้นหลังจากลังเลเล็กน้อย เขายังคงบอกเล่าเรื่องราวด้วยมุมมองคนนอกและไม่มีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยว
นักพรตอวิ๋นเจิ้งถอนใจ
ถ้าหากว่าอวี่เยี่ยยังไม่ตายจริงๆ รอนางกลับมาก็จะทราบทันทีว่าคำพูดของเยว่เจิ้นเป่ยเป็นจริงหรือปลอม ดังนั้นเยว่เจิ้นเป่ยจึงไม่มีความจำเป็นต้องโกหกในเรื่องนี้
ถ้าหากบอกว่าเพื่อรักษาคนในมรกตท่องฟ้าให้ร่วมต้านนพยมโลกด้วยกันต่อ เช่นนั้นก็สามารถปิดบังข่าวการตายของกษัตริย์เถาก่อนได้ ไม่จำเป็นต้องกระทำเหมือนในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะมีความสัมพันธ์ย่ำแย่สุดขีด แต่ก็เป็นเหมือนที่หลงซิงเฉวียนพูด คนที่เคยสัมผัสด้วยมาบ่อยๆ เช่นพวกเขาต่างรู้จักนิสัยของเยว่เจิ้นเป่ยดี…
นักพรตอวิ๋นเจิ้งหันไปมองเกาชิงเสวียน