ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1446 ความได้เปรียบด้านความเร็ว
แม้คนที่อยู่บนเรือยักษ์นาวาเทพลำนี้จะอยู่ในกระบี่แสงสีแดงก่ำ เคลื่อนไหวในจักรวาล ท่องไปทั่วโลกหล้ากลางทะเลดาว พุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่มีการป้องกันชนิดจ่ายยาถูกอาการอย่างดินแดนพันเกล็ดและพิธีผสมฟ้าขับไล่มาร มารจิตที่คงอยู่ทุกที่ ทั้งไร้สภาพเป็นมายายังคงอาจแทรกซึมเข้ามาแสดงความสามารถได้
ด้านข้างต้นไม้สีมรกตด้านในท้องเรือ พวกเยี่ยนจ้าวเกอจิตใจสั่นไหว ต่างรู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจของตัวเองคล้ายกำลังกระเพื่อม
กลุ่มแสงสีเหลืองผืนหนึ่งกะพริบที่ส่วนรากของต้นไม้สีมรกตรุนแรงกว่าเดิม
ทุกคนในท้องเรือทางหนึ่งควบคุมจิตใจ ทางหนึ่งมองเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาเพียงแค่เข้าใกล้ แล้วหยุดอยู่รอบๆ รู้สึกได้ถึงจิตมารเกิดขึ้น ยิ่งอย่าว่าแต่พวกสวีเฟย สือจวิน กับอิ๋งอวี่เจินที่ขณะนี้อยู่ในกลุ่มแสง
มารจิตแรกเริ่มแม้นไม่ได้มา ทว่ายังคงมีวิธีการช่วยเหลือมารดินโบ่วที่กำลังฟื้นคืนชีพ
กระนั้นมารจิตที่อยู่ในใจของคนทุกคนเพิ่งเริ่มมีสัญญาณว่าจะเผยตัว ข้างหูของพวกเขาก็มีเสียงสายฟ้าดังขึ้น
ได้ยินแค่สายฟ้าสั่นสะเทือน กลับไม่เห็นแสงสายฟ้าหรือสะเก็ดไฟ
ทว่าขอแค่เสียงสายฟ้าดังขึ้นก็เกิดเสียงดังเปรี้ยง เมื่อมารจิตที่คิดสร้างความวุ่นวายดับสูญแล้วหายไป
เสียงสายฟ้าที่ไร้สภาพไร้รูปร่าง และเกิดขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจ มาจากกระจกแสงสายฟ้าที่ลอยอยู่กลางอากาศด้านนอกเรือ
นั่นเป็นของที่ได้มาจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
ถึงแม้เขาจะไม่ได้มายังที่นี่เหมือนกับมารจิต แต่ว่าความสามารถและความน่าอัศจรรย์ก็ต้านทานมารจิตข้ามมิติ
ขณะนี้มารจิตแรกเริ่มยังต้องรับมือกับการจู่โจมของยอดฝีมือมหาชาลคนอื่นๆ เดิมทีไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ดังนั้นยากจะสร้างผลลัพธ์ในขอบเขตที่ตัวเองถนัดที่สุดได้
ไม่ว่าจะเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่คุ้มครองอยู่ด้านนอก หรือพวกสือจวินที่อยู่ในกลุ่มแสง หลังจากเสียงสายฟ้า ขอแค่จัดระเบียบเพียงเล็กน้อยก็สามารถสงบอารมณ์ความรู้สึกได้
ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องแบ่งแยกจิตใจไปป้องกันมารภายใน ทุกคนสามารถตั้งใจจัดการวิกฤตการณ์การคืนชีพของมารดินโบ่วตรงหน้าได้
เยี่ยนจ้าวเกอเขียนอักขระยันต์สายแล้วสายเล่าใส่อากาศ พวกมันติดลงบนลำต้นของต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า
พวกหลิงชิง หลงซิงเฉวียน นักพรตอวิ๋นเจิ้งต่างแยกกันยืนล้อมต้นไม้สีมรกต เขียนอักขระยันต์สายแล้วสายเล่าตามการชี้แนะของเยี่ยนจ้าวเกอ พวกมันกลายเป็นค่ายกลอาคมมากมาย ห้อมล้อมต้นไม้สีมรกต เสริมพลังอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การช่วยเหลือจากแรงภายนอก ด้านในกลุ่มแสงด้านใต้รากต้นไม้ สือจวินประสานมุทราด้วยมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งแตะอยู่บนหว่างคิ้วของตัวเอง
ลำแสงสีเหลืองเข้มทะลักออกมาจากรอยแผลบนหน้าผากของเขาไม่หยุด
ร่างของอิ๋งอวี่เจินมารดาของเขาที่อยู่ตรงกันข้ามกับสือจวิน ขณะนี้ถึงกับทำลายโลงศพน้ำแข็งออก ลอยอยู่กลางอากาศ
เวลานี้อิ๋งอวี่เจินสีหน้าไร้อารมณ์ ลืมตาทั้งสองข้าง ทว่านางยังไม่ฟื้น สิ่งที่ยึดครองคลองจักษุคือแสงสว่างสีเหลืองเข้มแทรกแซมด้วยสีดำ หนาหนักอีกทั้งยังไร้ความรู้สึก
นางอ้าปากเหมือนกำลังจะพูดอะไร
สือจวินมองใบหน้าของผู้เป็นมารดา มารดาสามารถฟื้นสติขึ้นมา เป็นเรื่องที่เขาถวิลหา
ทว่าต้องไม่เหมือนกับตอนนี้!
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก สือจวินทิ่มนิ้วหนึ่งออกตามการชี้แนะของเยี่ยนจ้าวเกอ เส้นแสงสีเขียวมรกตสายหนึ่งข้ามผ่านระยะห่างของคนทั้้งสอง มุดเข้าไปในรอยแผลกลางคิ้วของอิ๋งอวี่เจิน
เส้นแสงสีเขียวมรกตระหว่างคนทั้งสองมีจุดหนึ่งที่หยาบและใหญ่ขึ้นเหมือนกับปมเชือก จุดแสงนี้ขยายขึ้นไม่หยุด ถึงตอนสุดท้ายก็กลายเป็นกลุ่มแสงกลุ่มหนึ่ง
ในกลุ่มแสงสะท้อนภาพต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ในโลกภายนอก จากนั้นสือจวินก็ชูสองมือขึ้น แล้วตบใส่ตรงกลาง เกิดเสียงทึบดังขึ้น
พร้อมกับการเคลื่อนไหวนี้ แสงมารสีดำระคนเหลืองที่ทะลักออกมาจากในร่องแยกกลางหว่างคิ้วของเขากับอิ๋งอวี่เจินก็รวมตัวกันที่จุดจุดหนึ่งอย่างไม่อาจควบคุม แล้วพากันไหลไปรวมกันในกลุ่มแสงตรงกลางตามเส้นแสงสีเขียวมรกต
พร้อมกับการรวมตัวของแสงมารสีดำผสมเหลือง ต้นไม้สีมรกตในกลุ่มแสงเริ่มแห้งเหี่ยว ทว่าจอมมารที่ใช้ร่างของคนทั้งสองเพื่อฟื้นคืนชีพในตอนนี้ส่งเสียงร้องคำรามที่ทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ดิ้นรนอย่างรุนแรง
เส้นแสงสีเขียวมรกตสั่นไหว กำลังจะขาดลง
เมื่อไม่มีดินแดนพันเกล็ดและพิธีผสมฟ้าขับไล่มาช่วยเหลือ หากคิดจะต่อสู้กับจอมมารระดับนี้จะต้องยากลำบากถึงขีดสุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้น สวีเฟยที่นั่งนิ่งด้านข้างยื่นมือออกมาชี้นิ้ว
พลังวิญญาณของมุกผ่าดินได้รับการชี้นำจากเขากลายเป็นหมอกแสงซึ่งดูเหมือนโซ่เส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากทุกทิศทุกทาง พันธนาการสือจวินสองแม่ลูก
พอถูกโซ่เส้นนี้มัด เสียงคำรามของจอมมารพลันเบาลงมาก
การรักษาเส้นแสงสีเขียวมรกตกลับคืนสู่สภาพเดิม
พิธีเริ่มทำงานอีกครั้ง ดึงจิตมารและแสงมารหลายสายออกมารวมกันในดวงแสงกลางอากาศ
ที่ด้านนอก ต้นไม้ใหญ่ที่ทุกคนล้อมอยู่ก็ค่อยๆ โรยราลงในสายตาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ทุกคนเห็นดังนั้น แทนที่จะกังวลกลับรู้สึกยินดี
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเยือกเย็น การเคลื่อนไหวของมืออย่างมีลำดับขั้นตอน ยิ่งมายิ่งเร็ว ยิ่งมายิ่งถี่
ยันต์อาคมจำนวนมากกว่าเดิมลอยออกจากปลายนิ้วของเขา ลวดลายลี้ลับซับซ้อนกว่าเดิม ขนาดเล็กลงมาก
ยันต์อาคมจำนวนนับไม่ถ้วน กระจายเต็มไปหมด พากันพุ่งลงบนต้นไม้สีมรกตตรงหน้า เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้สลักลงบนลำต้น แต่ว่าสลักลงบนใบไม้
บนใบไม้ทุกใบต่างมียันต์อาคมใบหนึ่งติดอยู่ ภายใต้การเสริมพลังจากยันต์อาคมเหล่านี้ ต้นไม้สีมรกตที่เดิมทีกำลังจะโรยรา การเหี่ยวเฉาก็พลันหยุดลง เหมือนกับเกิดพลังชีวิตขึ้นใหม่
หลังจากความพยายามของสือจวินกับสวีเฟยด้านใน สัญญาณความแห้งเหี่ยวของต้นไม้ใหญ่ก็รุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเมื่อมีการช่วยเหลือของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ต้นไม้สีมรกตก็แห้งเหี่ยวช้าลงมาก สามารถรับแรงกดดันได้มากขึ้น ทนได้นานกว่าเดิม
สภาพการณ์พัฒนามาถึงตอนนี้ ทุกคนล้วนฮึกเหิม
ขอแค่เวลาที่ทนได้ยาวนานกว่าจอมมารสองตนที่กำลังคิดคืนชีพ ถอนทำลายสำนึกมารจนหมดก่อนก้าวหนึ่ง เช่นนั้นก็เป็นชัยชนะ เส้นทางการคืนชีพของอีกฝ่ายถูกอุดไว้ ยากจะส่งผลใดๆ
แผนการของพวกเยี่ยนจ้าวเกอสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง อีกด้านหนึ่งต้องดูว่าพวกเขาจะทนแรงกดดันจากอีกด้านได้หรือไม่
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำเคลื่อนไหวกลางอวกาศ รวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ตอนที่ประกายกระบี่ผ่านจักรวาลผืนหนึ่ง ปราณมารพลันแผ่กระจาย สำนึกชั่วร้ายบังเกิดขึ้น
ร่างของจอมมารที่ดุร้ายปรากฏในหมอกสีดำ พุ่งเข้าใส่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำ หมายจะขัดขวางเส้นทางของมันโดยไร้ความเกรงกลัว
ทว่าประกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่มหึมาเร็วเกินไป กะพริบแวบหนึ่งกลางอากาศก็อ้อมผ่านจอมมารที่ขวางเส้นทางได้แล้ว
ประกายกระบี่ไม่มีความคิดฉวยโอกาสโต้ตอบ แต่ว่ามุ่งไปด้านหน้าต่อดั่งเช่นอาชาไม่หยุดเท้า พริบตาเดียวก็หายไปจากจักรวาลแห่งนี้
จอมมารไม่ยอม รีบติดตามประกายกระบี่ไป แต่ไม่ว่ามันจะพยายามอย่างไร สุดท้ายกลับเห็นว่าระยะห่างระหว่างสองฝ่ายยิ่งมายิ่งมาก!
มาถึงตอนท้าย ประกายกระบี่โฉบพุ่ง หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยสมบูรณ์ จอมมารตนนี้ได้แต่หยุดลงอย่างจนปัญญา
การฟื้นฟูกำลังของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ก็มอบเวลาปรับทัพจัดนายกองที่มากพอแก่นพยมโลกเช่นกัน
ถึงแม้นว่าตอนนี้นพยมโลกจะถูกจำกัดไว้ มารจิตแรกเริ่มกับมารไม้อิกที่เป็นเทพมารระดับมหาชาลไม่อาจหนีพ้น แต่ว่ามารร้ายตนอื่นๆ ก็ออกจากนพยมโลกอย่างต่อเนื่อง
การกระจายกำลังทำให้พวกมันรวมรวบจำนวนมารได้ไม่น้อย ขณะมายังสถานที่ที่มารดินโบ่วอยู่ ทว่าถ้าพลังฝึกปรือไม่อยู่ในระดับมหาชาล กลับยากจะไล่ตามประกายกระบี่สีแดงก่ำได้ทัน
สาเหตุที่ให้เกาชิงเสวียนคุมหางเสือ เป็นเพราะว่าเมื่อนางใช้ระดับเซียนกำเนิดแสดงคัมภีร์กระบี่ลวงเซียนที่ทำลายมิติ และได้รับการเสริมพลังจากเรือลอยได้ ความเร็วในการบินเป็นเส้นตรงรวดเร็วจนทำให้มารส่วนใหญ่โมโหจนแทบกระอักเลือด!
ประกายกระบี่สีแดงก่ำทะยานฟ้าเลียบดิน ไม่หยุดลงแม้แต่วินาทีเดียว ใช้ความได้เปรียบจากความเร็วของตัวเอง ทะลวงการปิดกั้นทั้งหมด ทำให้เหล่าจอมมารมีแต่พลังกลับไม่อาจใช้ออก