ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1447 โลดโผนโจนทะยาน เร็วจนไม่เห็นฝุ่น
คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนฟันทำลายมิติเวลา ความเร็วในการเคลื่อนที่เดิมก็สุดยอดอยู่แล้ว
ถึงเกาชิงเสวียนจะเพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนกำเนิดได้ไม่นาน ทว่าเมื่อนางกับร่างแยกประกบกระบี่ ใช้คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนพร้อมกันก็เหมือนรวมเป็นหนึ่ง มีความเร็วสูงกว่าคนเดียว
เดิมทีถ้านางต้องพาคนอื่นไปด้วย อาจจะฉุดให้ความเร็วของตัวเองช้าลง ขณะเดียวกันก็ไม่ส่งผลดีต่อการใช้พิธีถอนทำลายสำนึกมารของสือจวินกับอิ๋งอวี่เจิน แต่ละฝ่ายรบกวนกันเอง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรับปรุงนาวาแห่งธารสวรรค์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทิ้งความสามารถอื่นๆ ที่มีในตอนแรกมากมาย เสริมความแข็งแกร่งเพียงไม่กี่จุด สร้างนาวาเทพที่มีความพิเศษลำหนึ่งขึ้นมา
ยอดฝีมือระดับเซียนขับนาวาลำนี้ หากตั้งใจแล่นอย่างเดียว สามารถกระตุ้นและช่วยเหลือกันและกันกับนาวาเทพได้ ความเร็วโดยรวมถึงขั้นเพิ่มขึ้นชั้นหนึ่ง
เมื่อมีเรือยักษ์นาวาเทพลำนี้ ไม่เพียงแต่สือจวิน สวีเฟย และอิ๋งอวี่เจินเท่านั้น แม้แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ร่วมทางได้
ประกายกระบี่สีแดงก่ำที่เกิดจากการควบคุมเรือลำนี้ของเกาชิงเสวียนที่เดิมทีประกายกระบี่รวดเร็วอยู่แล้ว ยิ่งเร็วถึงระดับสุดยอด ในยอดฝีมือระดับสุญญตามีผู้ทีเทียบเคียงได้ไม่กี่คน
ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่ในระดับมหาชาลสะกดกันเอง ถอนตัวมาไม่ได้ ความได้เปรียบด้านความเร็วของพวกเยี่ยนจ้าวเกอแสดงให้เห็นจดหมดจด
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำผ่านสถานที่มากมาย เคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่อง อ้อมผ่านและสลัดหลุดคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า
ไม่เพียงแต่จอมมารที่ขัดขวางไล่ตาม เสียงสวดมนต์ดังกังวาน เมฆปีศาจกระจายถี่ยิบ แม้แต่ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจก็ส่งยอดฝีมือมาเข้าร่วม หมายขัดขวางพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ตอนเริ่มต้นต่างเคลื่อนไหวเพราะได้รับข่าว ผลลัพธ์ส่วนใหญ่แต่มองด้วยความหวัง
สาเหตุที่คนจำนวนมาก รวมถึงยอดฝีมือชั้นมหาชาลในระดับเดียวกันกริ่งเกรงเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ มหาเทวะเผ่าปีศาจเป็นเพราะว่าเขามีความเร็วสูงเกินไป สามารถเปลี่ยนที่ต่อสู้ไปทั่วทุกสถานที่ได้ในชั่วพริบตา
ขณะนี้เหล่ายอดฝีมือที่ห้อมล้อมกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำต่างมีความรู้สึกคล้ายกัน ปวดหัวถึงขีดสุด
ขณะไล่ตามหลบหนี เวลาผ่านไปไม่หยุด
พวกเยี่ยนจ้าวเกออาศัยความได้เปรียบด้านความเร็ว ช่วงชิงเวลาและช่องว่าง
เวลาเลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำพุ่งบิน ก็กำลังดำเนินการผนึกต่อมารดินโบ่วเช่นกัน
เหล่ามารแห่งนพยมโลกซึ่งกำลังไล่ตามและขัดขวาง สัมผัสได้มากพอว่าในเรือบินประกายกระบี่ซึ่งล่องลอยไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงตำแหน่งไม่หยุดลำนั้น จิตมารของมารดินโบ่วบัดเดี๋ยวแข็งแกร่งบัดเดี๋ยวอ่อนแอ
สัญญาณแต่ละอย่างแสดงให้เห็นว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามารดินโบ่วจะเดินตามรอยมารน้ำกุ่ย
นี่ทำให้เหล่าจอมมารโมโหแทบคลั่ง จิตใจเหมือนโดนแผดเผา
ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจและผู้เข้มแข็งศาสนาพุทธไม่ได้รีบร้อนเท่ามารร้ายนพยมโลก
เปรียบกับเหล่าผู้อยู่รอดของสำนักเต๋า การหยุดไม่ให้มารดินโบ่วคืนชีพขึ้นมายังคงเป็นเป้าหมายที่สำคัญเป็นอันดับแรก ทว่าการหยุดพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นความปรารถนาในใจของพวกเขาเช่นกัน
เผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธจึงยากที่จะไม่คลายการสะกดส่วนหนึ่งต่อนพยมโลก ทำให้เหล่ามารเคลื่อนไหวเป็นอิสระได้มากกว่าเดิม
ดังนั้นจึงมีมารร้ายยิ่งมายิ่งมากรวมตัวกัน อาศัยความได้เปรียบจากการทราบตำแหน่งอย่างคราวๆ ของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จัดวางวงล้อมที่มหึมากว่าเดิมไว้ก่อน
จากนั้นพวกมันก็หุบวง คิดจำกัดมิติเวลาที่กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำเคลื่อนไหวได้ไว้ในอาณาเขตหนึ่ง แล้วขัดขวางสังหาร
แม้ว่าจะถูกประกายกระบี่สีแดงก่ำสลัดทิ้ง ก็ประสานงานกัน เปลี่ยนตำแหน่ง ใช้เวลาที่พวกเดียวกันขัดขวางสำนักเต๋า จัดวางวงล้อมใหม่ เป็นภูติผีติดตาม
เกาชิงเสวียนขับเคลื่อนเรือบินได้ เคลื่อนย้ายมิติ แหวกจักรวาลอีกแห่งหนึ่งอีกครั้ง ทว่าในที่แห่งนี้กลับมีจอมมารคอยอยู่แต่แรก ทั้งมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งตน
ปราณมารยิ่งใหญ่เชื่อมต่อเป็นแผ่นผืน กลายเป็นเขตมาร ชั่วขณะที่ลางเรือนเหมือนนพยมโลกมาอยู่ที่นี่ ผนึกมิติเวลา ปิดตายทิศทางทั้งหมด
ประกายกระบี่สีแดงก่ำเผชิญการผนึกเช่นนี้ ไม่อาจทะลวงออกไปได้
เรือเทพข้างใต้ทุกคนผ่านการปรับปรุงมาก่อน สอดผสานกับความเร็วของเกาชิงเสวียนเป็นอย่างดี แต่ว่าไม่ช่วยในการแสดงความร้ายกาจจากเจตจำนงกระบี่ของนาง
ถ้าหากต้องการแสดงอานุภาพออกมาให้หมด ความเร็วยากจะไม่ลดลง
ขอแค่ช้าลง ศัตรูจะผนึกวงล้อมได้ในทันที ตอนนั้นคิดจะเพิ่มความเร็วขึ้นก็ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว
ดังนั้นในเส้นทางนี้ ประกายกระบี่จึงไม่ได้ปะทะกับอีกฝ่าย อาศัยความเร็วสลัดหลุดเป็นส่วนใหญ่
อีกฝ่ายสู้กับพวกเยี่ยนจ้าวเกอมาสักระยะหนึ่งก็ค่อยๆ มองเรื่องนี้ออก ตอนนี้กำลังร่วมมือกันขัดขวางกระบี่แสงสีแดงก่ำ
ทว่าเกาชิงเสวียนมีสีหน้าเหมือนปกติ กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำยังคงพุ่งทะยานเหมือนเดิม กะพริบกลางอากาศ ยังคงพุ่งเข้ามาโดยตรง
แสงสีแดงกะพริบ เดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่ท่ามกลางความว่างเปล่า จู่ๆ ก็โจมตีใส่จอมมารตนหนึ่ง
นั่นถึงกับเป็นพญามารที่เทียบได้กับเซียนกำเนิดสำนักเต๋าตนหนึ่ง
เป็นเพราะว่ามีความเร็วมากเกินไป พริบตานี้จึงมีแค่พญามารตนนี้เพียงตนเดียวที่เผชิญกับสภาวะโจมตีของประกายกระบี่
พญามารตนนั้นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มองดูประกายกระบี่สีแดงก่ำที่พุ่งเข้ามาอย่างเย็นชา ไม่ถอยหนีไม่หลบหลีก เหมือนกับภูเขาต้านรับคลื่นยักษ์ ต้องการต้านตรงๆ
ตอนนี้มารตนอื่นช่วยมันไม่ได้ มีแต่มันตนเดียวที่เผชิญคมกระบี่
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ มันมีความมั่นใจมากพอว่าสามารถป้องกันกระบี่นี้ บังคับพวกเยี่ยนจ้าวเกอให้หยุด และขวางพวกเขาไว้ที่นี่ได้!
ปราณมารไร้ขอบเขตรวมตัว แล้วกลายเป็นท้องทะเลอันมืดมิด เตรียมจะต้านรับกระบี่ที่ก้าวข้ามนิยามของเวลานี้
ทว่าทันใดนั้น บนคมกระบี่สีแดงก่ำพลันชุมด้วยแสงสว่างสีม่วงจางๆ ชั้นหนึ่ง
แสงสีม่วงกะพริบบนคม กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำคล้ายกลายเป็นคมแห่มหามรรคาซึ่งมีสภาวะไม่อาจต้านทาน เปิดผ่าฟ้าดิน สร้างอนาคตต่อจากอดีต ทำให้ประวัติศาสตร์จบลง!
คลื่นน้ำอันน่ากลัวแฝงสภาวะของฟ้าดินและการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ใช้ความเด็ดขาดที่ไม่อาจต้านทานบดขยี้เข้ามา!
ด้านในแฝงสภาพการสับเปลี่ยนยุคสมัย ทำลายสิ่งเก่าต้อนรับสิ่งใหม่ ทำให้กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำพังทำลายทะเลมารอันมืดมิดได้โดยตรง!
พญามารตนนั้นแค่นเสียงหนักๆ
แสงสีม่วงสาดแวบ แก่นมารของมันถึงกับมีความรู้สึกชะงักค้าง
ถึงจะทำร้ายร่างห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดของมันไม่ได้ กลับทำให้มันไม่มีความมั่นใจว่าจะเผชิญกับคมกระบี่สีแดงก่ำนั้นได้ต่อ ถูกกดดันให้ถอยหลัง
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำเฉียดไหล่มัน พุ่งไปด้านหน้าจากในช่องว่างที่มันเหลือไว้อย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แล้วบินออกจากเขตมาร เคลื่อนย้ายมิติเวลา ฝ่าเข้าไปในจักรวาลอีกแห่งในทันที
บนเรือเทพใต้ประกายกระบี่ เกาชิงเสวียนมีสีหน้าเป็นปกติ ยังคงคุมหางเสือ
เยี่ยนตี๋ยืนอย่างทะนงที่หัวเรือ ดาบไร้รูปร่างที่เกิดจากสายฟ้าอนัตตาชี้ไปด้านหน้า เสริมพลังให้แก่เรือบินด้วยสภาวะทำลายอุปสรรคทั้งหมด สร้างการรวมพลังกับประกายกระบี่ของเกาชิงเสวียน
กระบี่ยักษ์สีแดงก่ำทะยานในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดที่กว้างใหญ่ไพศาล หลบเลี่ยงสลัดหลุดคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า
แต่ว่าหลังจากยอดฝีมือวิถีมารมารวมตัวกัน ในที่สุดก็มีมารที่ไล่ตามความเร็วของกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำได้ทัน
พญามารตนนั้นเห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญในด้านนี้ มีลักษณะเหมือนควันเบา ขณะที่เคลื่อนย้ายถึงกับเหมือนไม่ด้อยไปกว่านกเผิงปีกทองที่อยู่ในระดับเดียวกัน!
จอมมารตนนี้ติดตามอยู่ด้านหลังประกายกระบี่อย่างใกล้ชิด
ประกายกระบี่พบสถานที่ที่ต้องทะลวงเข้าไป ความเร็วในการเคลื่อนย้ายในที่สุดก็เกิดการติดขัด ชะงักลงเล็กน้อย
ทุกๆ ครั้งที่เป็นอย่างนี้ จอมมารที่เหมือนกับควันบางตนนั้นก็จะไล่ตามเข้ามาได้เล็กน้อย!
ในที่สุดมันก็ไล่ตามกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำได้ทัน เข้าไปเกาะบนประกายกระบี่ในทันที!
ทว่าทันใดนั้นเอง ด้ามกระบี่ของกระบี่ยักษ์สีแดงก่ำพลันเปลี่ยนเป็นสีดำ ด้านบนเหมือนมีแสงมารสีดำปนน้ำเงินสว่างขึ้น นำพาจุดจบ และเติมเครื่องหมายจบประโยคให้แก่โลก
แสงมารกลายเป็นร่องน้ำสายหนึ่งที่ไม่อาจข้ามผ่าน พลันกั้นควันบางสายนั้น ทำให้การไล่ตามของมันชะงักลงเท่านี้!
เจตจำนงดาบอันดุร้ายตัดขวาง ปะทะกับพญามารตนนั้นครั้งหนึ่ง ทำให้ร่างของมันหยุดนิ่งอยู่กับที่
ประกายกระบี่สีแดงก่ำสาดแวบ บินหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที การไล่ตามเมื่อก่อนหน้าของอีกฝ่ายล้วนเปล่าประโยชน์
บนเรือเทพภายใต้ประกายกระบี่ เฟิงอวิ๋นเซิงสวมชุดขาวราวหิมะ ถือดาบสีดำกลับด้าน ยืนนิ่งอยู่ท้ายเรือ