ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1454 คัมภีร์เล่มสุดท้ายแห่งสิบคัมภีร์เหนือพิสุทธิ์ คัมภีร์โกลาหลสูญ!
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1454 คัมภีร์เล่มสุดท้ายแห่งสิบคัมภีร์เหนือพิสุทธิ์ คัมภีร์โกลาหลสูญ!
เส้นสีดำนับพันล้านสายเหมือนกับใยไหม โบกพลิ้วอยู่ในความว่างเปล่ากว้างใหญ่ กลายเป็นวังวนแห่งความตาย ม้วนพัดไปทั่วสี่ทิศ
‘เซียนจริงแท้โร้ช่องโหว่ไฉนจึงกระตุ้นพลังของกระบี่ผนึกเซียนถึงระดับนี้ได้’
เหล่ายอดฝีมือต่างด่าทอในใจ
ยุทธวิชัยพุทธะที่กำลังสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงไกลออกไปจิตใจสั่นไหว สายตาของท่านเหมือนกับทะลุมิติหลายชั้น เหมือนยืนอยู่ตรงหน้ากระบี่ผนึกเซียน อยู่ตรงหน้าอวี่เยี่ย สบตากับอีกฝ่าย
ท่านมองดูภาพที่เหมือนกับความว่างเปล่าสิ้นสูญ ราวกับจุดจบความโกลาหลในดวงตาที่กำลังหรี่อยู่ขางนาง ก่อนจะคล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่าง
ในยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ฝูหลัวจื่อมีสีหน้าแตกตื่นสงสัย
เขาเป็นเผ่านกเผิงยักษ์ปีกทอง ในยุคโบราณตอนต้นก็มีเซียนอวี่อี้ผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปร่ำเรียนวิชาในนิกายเจี๋ยเหนือพิสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความเข้าใจต่อวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์เหนือกว่าคนทั่วไปในเผ่าปีศาจ
ฝูหลัวจื่อมองอวี่เยี่ยที่ถือกระบี่เขม็ง สูดลมหายใจเย็นเยียบเฮือกหนึ่ง ตามปกติต่อให้เป็นอัจฉิรยะบุคคลที่ล้ำเลิศก็ยากจะแสดงพลังของอาวุธวิเศษเช่นกระบี่ผนึกเซียนออกมาในระดับไร้ช่องโหว่ได้
ถ้าหากทำได้ เช่นนั้นก็มีแค่ความเป็นไปได้เดียว…
“คัมภีร์โกลาหลสูญ?!” ฝูหลัวจื่อใบหน้าเย็นชา พูดออกมาทีละคำ
มีแต่คนที่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญ คัมภีร์สุดท้ายในสิบคัมภีร์สายเหนือพิสุทธิ์เท่านั้น ที่อาจจะกระตุ้นของวิเศษสังหารสรรพชีวิตอย่างกระบี่ผนึกเซียนในสถานการณ์ที่เพิ่งเลื่อนสู่ระดับเซียนได้!
พอพูดชื่อนี้ออกไป คนอื่นๆ ต่างก็แตกตื่น คัมภีร์โกลาหลสูญเป็นหนึ่งในวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสามพิสุทธิ์สำนักเต๋า และยังเป็นหนึ่งในวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เป็นคัมภีร์ล้ำค่าระดับสูงที่อยู่เหนือกว่ามหาชาลระดับเซียน!
ว่ากันว่ามีแค่คนคนเดียวที่ฝึกฝนได้ เหมือนกับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต
ก่อนที่เทวกษัตริย์รัตนวิเศษจะหลุดพ้น ไม่มีใครฝึกได้ มีแต่หลังจากเทวกษัตริย์รัตนวิเศษหลุดพ้นไปแล้ว ตำแหน่งจึงค่อยว่างลง ทว่าคัมภีร์โกลาหลสูญก็สาปสูญมาหลายปีเหมือนกับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต
ตำแหน่งสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์โกลากลสูญคืออยู่ในมือเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ผู้ครอบครองค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเพียงหนึ่งเดียว นอกจากเทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์
แต่ข่าวคราวของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับหายไปในยุคโบราณตอนกลาง วรยุทธ์สะท้านโลกของสำนักเต๋าเช่นคัมภีร์โกลาหลสูญก็หายไปในสายธารประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
อวี่เยี่ยเงยหน้า ลืมตาที่เปิดอยู่เล็กน้อยขึ้น ใช้ดวงตาที่ว่างเปล่าไร้สิ่งใด ไม่ขยับไม่เปลี่ยนแปลงกวาดมองคู่ต่อสู้เช่นฝูหลัวจื่อที่อยู่ด้านหน้า
ต่ำกว่าระดับสุญญตา ไม่ว่าจะเป็นจอมปีศาจ มารร้ายหรือเถระจากศาสนาพุทธ พอสัมผัสได้ถึงสายตาของนางต่างสยิวกายและหนาวเหน็บ
ก่อนที่กระบี่เนรเทศเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอจะเกิดขึ้น ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมีพลังที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สังหารเซียนได้เพียงหนึ่งเดียว ขณะเดียวกันก็ทำให้เซียนจริงแท้สังหารเซียนลี้ลับ และทำให้เซียนลี้ลับสังหารเซียนกำเนิดได้
ถ้าเซียนกำเนิดมีสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนอยู่ในมือ เมื่อกางค่ายกลก็ถึงขั้นทำร้ายเซียนสวรรค์ได้!
สาเหตุที่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมีพลังที่พิสดารเช่นนี้ ความจริงมีรากฐานแกนกลางอยู่ที่คัมภีร์โกลาหลสูญ!
น่าเสียดายที่ในประวัติศาสตร์นอกจากบรมครูเทวกษัตริย์รัตนวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ซึ่งอยู่ในระดับมรรคามาตั้งแต่เกิด คนที่ได้สัมผัสกับคัมภีร์โกลาหลสูญมีแค่เทวกษัตริย์วิเศษคณานับเท่านั้น จึงไม่เคยปรากฏคนนี่อยู่ต่ำกว่าชั้นมหาชาลสร้างความแปดเปื้อนแก่วรยุทธ์สะท้านโลกชนิดนี้มาก่อน
ทว่าทุกคนต่างไม่สงสัยว่าคัมภีร์โกลาหลสูญแห่งเหนือพิสุทธิ์มีความสามารถในการทำลายการขวางกั้นระหว่างมนุษย์เซียน สัจพิศวง บรรพพิศวง ไปจนถึงฟ้ากำเนิด!
หากบอกว่ามันเป็นวรยุทธ์สะท้านโลก มิสู้บอกว่านี่เป็นวรยุทธ์ทำลายโลก
ถึงจะเป็นกลิ่นอายสักสายหนึ่ง พอสัมผัสได้ถึงโกลาหลสูญ เฟิงอวิ๋นเซิงที่กำลังต่อสู้กับยุทธวิชัยพุทธะอยู่ แสงมารสีดำอมน้ำเงินในสองตาก็สั่นไหวในทันใด
สำนึกมารในใจนางถึงกับยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
เทวกษัตริย์รัตนวิเศษ
มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม
ถูกจัดเป็นสัญลักษณ์ของวันสิ้นโลก เป็นเพราะว่ามารสวรรค์ปัจฉิมธรรมไม่เคยจุติ จึงไม่มีปัญหา
ทว่าความจริงแล้วสองฝ่ายกลับเป็นศัตรูคู่อาฆาตอย่างแท้จริง เป็นศัตรูที่แย่งชิงเส้นทางหลุดพ้น!
หากดำรงอยู่ในเวลาเดียวกัน จะต้องต่อสู้กัน
อำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้มาไม่สมบูรณ์ ทว่าในวินาทีนี้ก็ไม่มีทางไม่ตอบสนอง
“ฮ่า!” เฟิงอวิ๋นเซิงตวาดขึ้น สายตากลับคืนสู่สภาพเดิม สงบจิตใจ สู้กับยุทธวิชัยพุทธะและสำนึกมารของตัวเองต่อ
อวี่เยี่ยสะบัดกระบี่ผนึกเซียนอีกครั้ง
ในเสาแสงที่ดำสนิทเหมือนหมึก เส้นสายสีดำยิ่งมายิ่งถี่ยิบ โบกพลิ้วอยู่ในความว่างเปล่า พุ่งเข้าหาศัตรูคนอื่นๆ ยอดฝีมือฝ่ายปีศาจ มาร และพุทธล้วนจนปัญญา พากันถอยหนี
“หลบเส้นสีดำ อย่าให้โดนตัว ไม่ต้องรีบร้อน” ฝูหลัวจื่อกล่าวขึ้นขณะมองดูอวี่เยี่ย “ถึงอย่างไรนางก็เป็นแค่เซียนจริงแท้ เป็นเพราะว่าฝึกฝนความพิสดารของคัมภีร์โกลาหลสูญ จึงแสดงอานุภาพของกระบี่ผนึกเซียนได้ แต่หลังจากนางใช้สองสามกระบี่จะต้องเหน็ดเหนื่อยแน่นอน”
การสิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนจริงแท้คนหนึ่งจะรับได้ ยิ่งอย่าว่าแต่ยังเป็นผู้ใช้กระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ที่ไม่ถนัดการฟื้นฟู
ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆ ไม่ว่าใครต่างไม่ใช่คนธรรมดา ผ่านมาร้อยสมรภูมิ หลักการที่ฝูหลัวจื่อดูออก พวกเขาเองก็รู้สึกได้เช่นกัน จึงคิดหลบหลีกคมกระบี่ของอีกฝ่าย จากนั้นคอยโอกาสโต้กลับ
แต่ผู้ใดหาทราบไม่ว่าหลังจากอวี่เยี่ยออกหนึ่งกระบี่ ก็เป็นอีกหนึ่งกระบี่ทันที สภาวะโจมตีเหมือนกับกระแสคลื่นที่เชื่อมต่อกัน มีความอึดเหนือกว่าที่ทุกคนคาดไว้
เส้นสีดำที่ถี่ยิบกระจายทั่วฟ้า พาดขวางตัดสลับ จะหลบไปยังที่ใด
พลันมีคนอีกส่วนถูกใส่กระบี่
ไม่เห็นกลิ่นคาวเลือด ไม่เห็นความน่ากลัว แค่ร่องรอยสีดำสายหนึ่งเหลืออยู่บนร่าง กลับหมายถึงการมาเยือนของความตายและใบสั่งตายที่หลบหลีกไม่ได้
ประกายกระบี่ของอวี่เยี่ยเคลื่อนผ่าน เหมือนกับเกี่ยวข้าวสาลี กวาดล้างสมรภูมิ ล้มคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่า
“แย่แล้ว!” ทุกคนเพ่งตามองโดยละเอียด อุทานขึ้นกับตัวเอง
อวี่เยี่ยใช้มือขวาถือบนกระบี่ผนึกเซียน มือซ้ายของเนี่ยจิงเสินทับอยู่บนฝ่ามือของนาง ปรากฏแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งอย่างเลือนราง
แสงสีขาวเหมือนคงอยู่ตลอดกาล ไม่เพิ่มไม่ลด ไม่สั่นไหวไม่โบกคลอน ไม่สลายไม่ถูกทำลาย ไม่เกิดและไม่ดับ เหมือนกับอยู่มาก่อนการเปิดฟ้าดิน หลุดพ้นซึ่งการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ ดำรงอยู่ชั่วกาลนาน
ฝูหลัวจื่อความจริงไม่ได้คิดผิด แค่อวี่เยี่ยคนเดียวไม่อาจรอบรับการสิ้นเปลืองจากคัมภีร์ผนึกเซียนได้นานจริงๆ ต่อให้บวกเนี่ยจิงเสินด้วยก็ยังคงมีขีดจำกัด
ทว่าในเวลาที่จำกัดนี้ ไม่ว่าพุ่งใส่ที่ใดล้วนแตกกระเจิง โจมตีคู่ต่อสู้แตกพ่ายไม่เป็นขบวน!
แม้นเส้นสีดำจะน่ากลัว แต่เหมือนกับมีชีวิต เส้นสายนับพันล้านโบกพลิ้ว ยังคงหลบพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างแม่นยำ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ เยว่เจิ้นเป่ย เกาชิงเสวียนมาถึงใกล้ๆ กระบี่โบราณอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่เนี่ย ศิษย์พี่อวี่ พวกท่านปลอดภัยไร้อันตราย ช่างประเสริฐจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอแสดงความดีใจออกนอกหน้า ระบายลมหายใจโล่งอก
เยี่ยนตี๋ เยว่เจิ้นเป่ย เกาชิงเสวียน หลงซิงเฉวียนต่างก็แสดงสีหน้าอย่างเดียวกัน “โชคดีที่พวกเจ้าไม่เป็นอะไร”
“พวกเราสองคนหลงเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นั่นกาลเวลาสับสน ใช้เวลานานจึงค่อยหลุดออกมา ดีที่ด้านนอกเวลาผ่านไปไม่นาน ไม่อย่างนั้นไม่ทราบว่าจะได้กลับมาตอนไหน” เนี่ยจิงเสินพยักหน้าให้แก่ทุกคน กล่าวอย่างรวดเร็ว “กระบี่ผนึกเซียนนี้ได้มาจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ แต่ว่าพวกเราไม่อาจขอให้เทวกษัตริย์คณานับช่วยเหลือได้”
เนี่ยจิงเสินกล่าวเสียงทุ้ม “เขาได้เสียชีวิตลงแล้ว สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมกล่าวไปยาวยิ่ง จัดการเรื่องตรงหน้ากันก่อนค่อยว่ากล่าว ตอนนี้พวกเรามีแต่ต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็มองไปยังที่ที่แสงทองบัวเขียวอยู่
ณ ที่แห่งนั้น ดวงตาของยุทธวิชัยพุทธะก็มองมาทางด้านนี้เช่นกัน
………………..