ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1456 เกือบสำเร็จ
พวกสือจวินอยู่ในมิติพิเศษอันเกิดจากกลุ่มแสง โลกภายนอกเป็นอย่างไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
เรื่องที่พวกเขาทำได้ มีเพียงแค่ต้องตั้งสมาธิกับเรื่องราวตรงหน้า สะกดมารให้เร็วที่สุด ตัดโอการคืนชีพของอีกฝ่าย
ตรามารและสำนึกมารเมื่อถูกถอนทำลายหมดสิ้น ขอแค่ไม่ถูกอีกฝ่ายวางเล่ห์กล เช่นนั้นเรื่องราวก็นับว่าจบลง ภายหลังไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเช่นนี้อีก
โลกภายนอกปราณมารพวยพุ่งสู่ฟ้า มีจอมมารเข้าใกล้
สวีเฟยกับสือจวินสัมผัสได้ถึงอานุภาพด้านใน แต่ยังต้องตั้งสมาธิอยู่ที่ตัวเอง กระทำเรื่องที่ดำเนินอยู่ต่อ ไม่อาจไปสนใจอย่างอื่น
โชคดีที่ปราณมารค่อยๆ สลายไป นี่ทำให้สวีเฟยกับสือจวินต่างโล่งอก
ด้านนอกมียอดฝีมือจำนวนมากมาแล้วก็ไปอีกรอบ สุดท้ายค่อยๆ สงบลงอีกครั้ง
“จวินเอ๋อร์ ทนอีกหหน่อย” สวีเฟยทางหนึ่งกระตุ้นคุณสมบัติวิญญาณของมุกผ่าดิน ทางหนึ่งพูดกับศิษย์ของตัวเอง
จิตใจของสือจวินความจริงเหนื่อยล้าถึงขีดสุด เทียบกับคนทั่วไป ระดับพลังฝึกปรือของเขาสูงถึงขีดสุด ถึงขั้นที่เมื่อเทียบกับโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ เรียกได้ว่าปีนสู่ระดับสูงสุดแล้ว
ทว่าคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอในครั้งนี้ไม่ธรรมดา ขณะเดียวกันวิธีการตัดสินที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอและเฉินเสวียนจงศึกษาก็มีเงื่อนไขสำหรับตัวจอมยุทธ์เช่นกัน
ทั้งหมดนี้ทำให้สือจวินได้รับภาระมหาศาล มีโอกาสจะกดทับใส่เขาได้ตลอดเวลา ทว่าเขายังคงกัดฟันทน
“ท่านอาจารย์วางใจ ศิษย์ยังทนได้ พวกเรากำลังจะชนะ เดินมาเก้าสิบเก้าก้าวแล้ว ศิษย์ไหนเลยไม่พยายามสุดความสามารถเพื่อก้าวเท้าก้าวสุดท้าย” สือจวินกล่าวอย่างแช่มช้า
สวีเฟยพยักหน้า กระตุ้นคุณสมบัติวิญญาณของมุกผ่าดิน ช่วยสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินสยบมารต่อ
ทว่าทันใดนั้น สีหน้าของเขาพลันสั่นไหว เขาที่กระตุ้นมุกผ่าดินอยู่สัมผัสได้อย่างเลือนรางว่ามิติพิเศษที่แสงสว่างจากคุณสมบัติวิญญาณของมุกผ่าดินสร้างขึ้นคล้ายถูกใครบางคนฉีกออก
เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ดี
วินาทีถัดมา เห็นบุรุษหนุ่มอาภรณ์ม่วงผู้หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา อีกฝ่ายมีสีหน้าเกียจคร้าน ราวกับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตอนนี้พิจารณาสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินด้วยความสนอกสนใจ
หลังจากมองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว สวีเฟยกับสือจวินจิตใจหนักอึ้งในทันที
ผู้มาถึงกับเป็นเฉินเฉียนหัว
คนอื่นๆ ไม่เข้าใจความเหลวไหลกับความผิดปกติของคนผู้นี้ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจเป็นอย่างดี พวกสวีเฟยจึงพลอยเข้าใจไปด้วย
เขาพลันปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ยากจะทำให้ผู้คนเชื่อว่าเขานึกถึงสหายร่วมเส้นทางจึงมาช่วยเหลือ
เป็นอย่างที่คาด เฉินเฉียนหัวหัวเราะ “น่าสนใจ”
ขณะที่พูด เขายื่นฝ่ามือออกมาฟันใส่ความว่างเปล่า
มิติพิเศษแห่งนี้พลันแหลกสลายไปพร้อมกับต้นไม้แห้งเหี่ยว
มิติช่องว่างแตกหัก ระหว่างสือจวินกับสวีเฟยและอิ๋งอวี่เจินปรากฏร่องน้ำสายหนึ่ง ไม่มอบเวลาให้เขาโต้ตอบ มิติเวลาก็ม้วนเขาออกห่างจากสือจวินสองแม่ลูก
มุกผ่าดินยังคงเป็นของวิเศษแห่งเซียน สวีเฟยได้แต่กระตุ้นคุณสมบัติที่อยู่ด้านใน ไม่อาจควบคุมมันโจมตีศัตรู
ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขายังคงคิดจะโยนผุกผ่าดินให้แก่พวกสือจวิน
น่าเสียดายกระแสปั่นป่วนของมิติเวลบังเกิดขึ้น ม้วนเขาไปยังที่ไกล
“ท่านอาจารย์!” สือจวินอุทาน จากนั้นก็แค่นเสียงหนักๆ
เมื่อไม่มีมุกผ่าดินคอยช่วยเหลือ การผนึกพญามารจงหยวนของเขาพลันได้รับผลกระทบ อีกฝ่ายเริ่มวางแผนโต้ตอบ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าก็คือ ก้าวย่างในการถอนทำลายสำนึกมารทางอิ๋งอวี่เจินก็เริ่มช้าลง เพียงขาดอีกแค่ก้าวเดียวจะประสบความสำเร็จ แต่ว่าส่วนที่เหลือเพียงเล็กน้อยนี้ พอมาถึงที่นี่ก็ยากจะตัดต้นทอทิ้งได้
อิ๋งอวี่เจินยังคงหลับสองตา เหมือนกับหลับลึก ทว่าในร่างของนางเหมือนกับมีสำนึกอย่างอื่นเริ่มเงยหน้าขึ้น
สือจวินกัดฟันมองเฉินเฉียนหัว แต่ไม่กล่าวมากความ หลับตาลง สงบจิตใจตัวเองอย่างเต็มที่ ป้องกันการโต้กลับของพญามารจงหยวน และทดลองช่วยมารดาควบคุมสถานการณ์
“ถ้าจะรอคนก็ไม่จำเป็นแล้ว” เฉินเฉียนหัวกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ข้าตั้งใจล่อคนของโถงเซียนเส้นทางนอกรีตมา ฟู่แพรงามกับทวนพระอังคารกลับมาไม่ได้ชั่วคราว”
สือจวินลืมตาถลึงมองเฉินเฉียนหัว
เขาเคยได้ยินเรื่องโถงเซียนเส้นทางนอกรีต เพียงแต่มีความเข้าใจจำกัดยิ่ง ทั้งไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ว่าผ่านไปหลายปี อย่างน้อยเขาก็ทราบถึงความขัดแย้งระหว่างเส้นทางนอกรีตกับสามพิสุทธิ์สายหลัก รวมถึงทราบว่าที่โลกซ้อนโลกเกิดการแบ่งแยกในตอนนั้น จนฟ้าเหนือฟ้ากับมรกตท่องฟ้าจากมา ต่างเกี่ยวข้องกับโถงเซียนเส้นทางนอกรีต
นั่นเป็นศัตรูของพวกเขา
เฉินเฉียนหัวกลับสมคบคิดกับอีกฝ่าย ทำให้สือจวินที่นิสัยแข็งกร้าวเดือดดาลถึงขีดสุด
เขาฝืนระงับความโกรธ สงบจิตใจ ต้านทานพญามารจงหยวน
เฉินเฉียนหัวยังคงมีท่าทางเกียจคร้าน แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องของโถงเซียนเส้นทางนอกรีตต่อแล้ว
สำหรับเฉินเฉียนหัว นั่นเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่เขาสนใจ คำกล่าวเมื่อครู่เพียงแค่พูดถึง ไม่ได้มีความคิดยั่วโมโหสือจวิน หรือควรกล่าวว่า เรื่องของสือจวิน อิ๋งอวี่เจิน หรือการคืนชีพของมารดินโบ่ว เดิมทีเฉินเฉียนหัวไม่ได้จดจำใส่ใจอยู่แล้ว
สิ่งที่เฉินเฉียนหัวสนใจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ท่านว่าถ้าพวกท่านสองคนกลายเป็นมาร เยี่ยนจ้าวเกอจะทำอย่างไร”
คำถามที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้สือจวินงุนงง
“ท่านว่าเขาจะกำจัดญาติมิตรด้วยความยุติธรรมหรือไม่ หรือจะปล่อยเสือกลับเขา” ในที่สุดใบหน้าของเฉินเฉียนหัวก็ไม่เกียจคร้านเหมือนเดิม ทว่าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
สือจวินเบิกตามองเฉินเฉียนหัว “เจ้าคนเสียสติ!”
“เยี่ยนตี๋จะทำอย่างไร เนี่ยจิงเสินจะทำอย่างไร” เฉินเฉียนหัวถูกสือจวินด่าทอกลับไม่มีโทสะ ยังคงถามด้วยสีหน้าสงสัย “ท่านกับเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูกเป็นคนในสำนักเดียวกัน ด้วยความเข้าใจที่ท่านมีต่อพวกเขา พวกเขาจะทำอย่างไร”
ถึงอีกฝ่ายจะมีพลังเหนือกว่าตนเอง สือจวินก็หาเกรงกลัวไม่
เขาปรารถนาจะด่าทออีกฝ่ายสักยก กระนั้นพอสัมผัสได้ว่ามารดินโบ่วกับพญามารจงหยวนเริ่มโต้ตอบ ก็ได้แต่รวบรวมสมาธิ ต่อต้านสำนึกมาร
เฉินเฉียนหัวเดินมาถึงตรงหน้าแม่ลูก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าส่งพวกท่านให้เส้นทางนอกรีตชำระล้าง ตัวเลือกของพวกเขามีอยู่เพียงหนึ่ง คือการจับกุมสะกดแล้วคอยดูแล แต่ถ้าพวกท่านกลายเป็นมาร เช่นนั้นก็ยากจะบอกแล้ว ถึงอย่างไรก็มีคนหนึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองเทพมารสวรรค์”
เขาเงยหน้าถอนใจ “อยากรู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะเลือกอย่างไร”
“ข้าไม่มีทางร่วงหล่นเป็นมาร!” สือจวินกัดฟันกรอด พยายามสะกดจอมมารที่เริ่มตอบโต้
อาคมผนึกมาร แม้นพลังของคนคนเดียวใช่ว่าจะจัดการจอมมารสองตนได้ กระนั้นสือจวินก็เริ่มเตรียมใช้ความสามารถสุดท้ายนี้แล้ว
เขายอมตายไม่ยอมร่วงหล่นเป็นมาร!
ทว่าทันใดนั้น เฉินเฉียนหัวเคลื่อนไหวแล้ว เขาชี้นิ้วไปที่อิ๋งอวี่เจินก่อน
อิ๋งอวี่เจินร่างสั่นไหวคราหนึ่ง ร่องแยกบนหน้าผากขยาย แสงมารทะลัก เห็นมารดินโบ่วที่เกือบล้มเหลวส่งเสียงร้องคำราม กำลังฟื้นคืนชีพ
สือจวินถลึงตา เบ้าตาเต็มไปด้วยเลือด
เขาพลันหลับตา!
อาคมผนึกมารเริ่มแสดงผลแล้ว!
ปราณมารที่เกาะเกี่ยวระหว่างสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินเริ่มบิดเบี้ยว
ทว่าเฉินเฉียนหัวหัวเราะเหอะๆ จี้นิ้วใส่อากาศอีกรอบ
อาคมผนึกมารที่สือจวินใช้หยุดลงโดยพลัน
“ตราอาคมนี้น่าสนใจ ข้าชอบ” เฉินเฉียนหัวจุ๊ปากถอนใจชมเชย “พอดีเลย ข้าเกลียดของเลียนแบบนัก ทำให้ท่านต่างออกไปหน่อยแล้วกัน”
………………..