ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1460 ไม่ทำให้ผิดหวัง
มือขวาของสือจวินไม่รับการควบคุมของตัวเขา กดศีรษะของเขาไว้กับพื้นสุดชีวิต
‘อิ๋งอวี่เจิน’ นั่งอยู่ตรงหน้า เอ่ยอย่างราบเรียบ “จวินเอ๋อร์เจ้าไยต้องเป็นเช่นนี้”
พอฟังเสียงของนาง สือจวินยิ่งขัดขืนมากกว่าเดิม
เขาใช้แขนซ้ายจับมือขวา คิดจะดึงขึ้นมา ทว่าพลังของมือขวากลับมีมากจนน่าประหลาดราวกับภูเขาสูง ทำอย่างไรก็ขยับไม่ได้
สตรีน้ำเสียงอ่อนโยน กล่าวอย่างเฉื่อยชา “คนเมื่อครู่ต้องการดูว่าคนในเขากว่างเฉิงจะกำจัดญาติมิตรด้วยความยุติธรรมหรือไม่ ถ้าหากว่ามีแค่ข้า พวกเขาสมควรทำ เจ้าจึงเป็นสหายในสำนักที่พวกเขาให้ความสำคัญ เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของปู่เจ้าและซงเทา ส่วนข้า…ข้าก็แค่ได้รับประโยชน์เพราะเจ้า เจ้าว่าใช่หรือไม่”
สือจวินร่างเหมือนกับสั่นไหว
“ข้ากลายเป็นมารแล้ว แม้เป็นคนในเขากว่างเฉิงก็ไม่มีทางปรานี จะต้องอยากกำจัดข้าให้เร็วที่สุดแน่นอน” นางถามอย่างสงบนิ่ง “ถ้าข้าให้จงหยวนปล่อยเจ้า เจ้าเตรียมจะทำอย่างไร เจ้าจะฆ่าข้าแล้วตกตายร่วมกับข้าหรือ”
สือจวินร่างยังคงขัดขืน แต่การเคลื่อนไหวเหมือนเบาลง
เสียงของมารดินโบ่วเหมือนกับเสียงมารกรอกหู สะท้อนไปมาไม่หยุด
“จวินเอ๋อร์ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มิสู้พวกเราสองแม่ลูกอยู่ร่วมกัน ตอนนั้นซงเทายินดีกลายเป็นมาร ก็เพื่อให้พวกเราสองคนปลอดภัย…”
เสียงยังไม่ทันขาด สือจวินพลันคลั่งขึ้น ประกายกระบี่สาดแวบในมือซ้าย ทะลวงฝ่ามือขวาของตัวเอง ขณะเดียวก็แทงเข้าหาตาขวาของตัวเอง!
ในเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลของพญามารจงหยวน แสงมารบนมือขวาและตาขวาของสือจวินดับลงพร้อมกัน ลวดลายมารเริ่มถดถอย
แสงมารสายหนึ่งกะพริบบนขาขวาเขา เสียงคำรามของพญามารจงหยวนดังมาจากด้านใน “เจ้าถึงกับ…”
“ปู่ของข้าคือสือเถี่ย!”
“อาจารย์ของข้า คือสวีเฟย!”
“อาจารย์อาของข้า คือเยี่ยนจ้าวเกอ!”
“อาจารย์อารุ่นปู่ของข้า คือเยี่ยนตี๋!”
“ข้าจะเป็นคนแบบพวกเขา!”
สือจวินมีเลือดไหลออกมาจากมือขวาและตาขวา กลับไม่สนใจ พลิกตัวขึ้นนั่ง
‘อิ๋งอวี่เจิน’ ที่อยู่ตรงข้ามขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ลืมตาขึ้น ล้วนเป็นแสงมารสีเหลืองผสมดำ ลึกล้ำดุจผืนดิน
นางยกมือขึ้นหมายปรามสือจวิน ทว่าด้านนอกพลันมีลำแสงสายหนึ่งพุ่งมา ราวกับอุกกาบาตตกจากฟ้า
ลำแสงถึงกับเป็นมุกผ่าดิน สวีเฟยถือมุกผ่าดินกลับมาอีกครั้ง
บนร่างเขาไม่มีคุณสมบัติมาร ไม่ได้รับผลกระทบจากมารร้าย ยื่นมือออกมาสะกด ‘อิ๋งอวี่เจิน’ ไว้ทันที
มารดินโบ่วที่ใช้อิ๋งอวี่เจินเป็นร่างสถิตสำหรับคืนชีพ ที่สุดแล้วระดับพลังก็ยังต่ำเกินไป
“ข้าไม่มีทางร่วงหล่นเป็นมารเหมือนบิดาข้า!”
อีกด้านหนึ่ง สือจวินตวาดขึ้น
กระบี่ติดตามเสียง เขาฟันกระบี่ด้วยมือซ้าย แทงใส่ขาขวาของตัวเอง!
ก่อนหน้านี้เขาคิดจะใช้อาคมผนึกมารตกตายไปพร้อมพญามารจงหยวน ทว่าอาคมกลับถูกเฉินเฉียนหัวปรับเปลี่ยน สุดท้ายยังถูกมารร้ายกัดกิน
แต่พญามารจงหยวนเพียงยึดร่างเขาไปได้ครึ่งซีก ผสานกับกายเนื้อและวิญญาณ
สือจวินฟันลงสองกระบี่ ทำลายพลังชีวิตในตาข้างขวา แขนขวา และขาขวา ยังทำให้วิญญาณแหลกสลาย บาดเจ็บหนักจนยากรักษา กลับสังหารพญามารจงหยวน ส่งมันสู่การดับสูญด้วยวิธีนี้!
“จวินเอ๋อร์!” สวีเฟยเศร้าใจ กลับทราบว่าเป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้
การยื้อยันของสองฝ่ายจบลงแล้ว มารดินโบ่วกับพญามารจงหยวนต่างคืนชีพขึ้นอีกครั้ง
ในสถานการณ์เช่นนี้ คิดจะอาศัยพลังจากภายนอกสะกดอีกฝ่ายกลับเป็นไปไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องหาวิธีส่งมันสู่การดับสูญเท่านั้น
หากสือจวินไม่คว้าโอกาสจัดการ ผลลัพธ์ก็คือการถูกพญามารจงหยวนกัดกินอย่างต่อเนื่อง แล้วกลายเป็นร่างแปลงสำหรับคืนชีพของมันในท้ายที่สุด
สวีเฟยคว้าตัว ‘อิ๋งอวี่เจิน’ มาถึงด้านข้างสือจวิน แล้วยื่นมือมารักษาอาการบาดเจ็บให้เขา
“อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว…” สือจวินกล่าวอย่างอ่อนแรง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
“ข้าได้เจอจักรพรรดิอุรุแห่งมรกตท่องฟ้า เขาพาข้ากลับมา” สวีเฟยตอบ “ตอนนี้เขากับจักรพรรดิศานติแห่งมรกตท่องฟ้ากำลังต่อสู้กับเฉินเฉียนหัวอยู่ด้านนอก”
สือจวินหันไปมองอีกทาง แม้ ‘อิ๋งอวี่เจิน’ ตรงนั้นจะถูกสวีเฟยจับไว้ แต่สีหน้าหนักแน่นมั่นคง ใบหน้าไร้อารมณ์
“ดังนั้น พวกเจ้าสองคนใครจะลงมือ” ‘อิ๋งอวี่เจิน’ กล่าวอย่างราบเรียบ
สวีเฟยหันไปทางสวีเฟย “เฉินเฉียนหัวนั่นกลับมอบเส้นทางให้ สามารถบิดอาคมผนึกมารในร่างของพี่สะใภ้อวี่เจิน ผนึกมารร้ายไว้บริเวณใดบริเวณหนึ่ง แล้วกำจัดทิ้งเหมือนสถานการณ์ของเจ้าได้หรือไม่”
ถึงแม้จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ยากรักษา ทว่าอาจจะช่วยชีวิตไว้ได้
“จอมมารในร่างข้าเป็นพญามาร จึงจัดการเช่นนี้ได้” สือจวินส่ายหน้าอย่างท้อใจ “มารดินโบ่วไม่ได้”
สวีเฟยเงียบงัน ก้มหน้ามองมุกผ่าดินที่อยู่ในมือ
เขาได้แต่กระตุ้นคุณสมบัติวิญญาณในพลังของมุก ไม่อาจควบคุมมาใช้รับมือกับศัตรู แต่ต่อให้ถูกเขาควบคุมได้โดยสมบูรณ์ กลับจัดการปัญหาในตอนนี้ไม่ได้
เป็นเพราะอิ๋งอวี่เจินมีระดับพลังฝึกปรือต่ำไป สำหรับสวีเฟย มารดินโบ่วในตอนนี้อ่อนแอยิ่ง เขาสามารถควบคุมคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา
กระนั้น…
หลังจากเงียบงัน สวีเฟยสีผละจากสือจวิน สีหน้าเด็ดเดี่ยว หิ้ว ‘อิ๋งอวี่เจิน’ ขึ้น แล้วเดินไปด้านข้าง
“…” สือจวินอ้าปาก เขาร่างสั่นระริก แต่ส่งเสียงไม่ออก
“เป็นเจ้าลงมือหรือ” นางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ต่อจากนี้จวินเอ๋อร์อาจจะแค้นเจ้า”
สวีเฟยไม่กล่าวสักคำ กลับหยิบมุกผ่าดินออกมา
บนมุกผ่าดินยังเหลือพิธีสะกดมารที่สลักไว้ก่อนหน้า
เป็นเพราะความขัดแย้งก่อนหน้านี้ พิธีกรรมเสียหายไปบ้าง สวีเฟยพยายามฟื้นฟูมัน
ในฟ้าเหนือฟ้า นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และเฉินเสวียนจงที่เชี่ยวชาญในการรับมือวิถีมารมากที่สุดแล้ว ถึงระดับพลังฝึกปรือของสวีเฟยจะต่ำกว่าพวกเขา แต่กลับถูกจัดเป็นหนึ่งในแนวหน้า
สืบเนื่องจากสือจวินสองแม่ลูก
“ไม่มีประโยชน์” สตรีกล่าวอย่างเรียบเฉย “มิสู้ตรงไปตรงมา เพียงเสียดายที่ข้าถึงกับตกตายด้วยมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนเดียว”
“มารดินโบ่ว พวกเจ้าไม่ได้ชนะ” สวีเฟยกล่าวอย่างแช่มช้า จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น กลืนมุกผ่าดินลงไป!
พอเห็นเหตุการณ์นี้ สือจวินอ้าปากตาค้าง มารดินโบ่วรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
ประกายแสงสีเหลืองเข้มส่องลอดออกมาจากทั่วทั้งร่างของสวีเฟย คนถูกแสงสีเหลืองครอบคลุมไว้
ปราณวิญญาณแห่งแผ่นดินที่เข้มข้นหากแต่บ้าคลั่ง กำลังกระเพื่อมในร่างของเขาไม่หยุด ในทุกอณูขุมขนมีเลือดซึมออกมาอย่างเลือนราง
“อาจารย์!” สือจวินร้องขึ้น
มารดินโบ่วพิจารณาสวีเฟย ความประหลาดใจบนใบหน้าเพิ่มขึ้น “ถึงกับทำเช่นนี้…เจ้ากลืนมุกนี้ไป กลายเป็นร่างสถิตที่เหมาะกับข้าชั่วขณะ แต่เจ้ารับพลังวิญญาณของมุกไม่ได้ ไม่ทันไรร่างจะแหลกสลายและสิ้นชีวิต หรือเจ้าคิดจะตายพร้อมกับข้าแทนร่างสถิตของข้าในตอนนี้”
สวีเฟยไม่ตอบ ยื่นมือเข้าไปจับตัว ‘อิ๋งอวี่เจิน’
พลังวิญญาณในมุกผ่าดินสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง อาคมผนึกมารที่สวีเฟยฝังไว้ในร่างวินาทีนี้เริ่มสำแดงผล ชักนำมารดินโบ่วให้เข้ามาในร่างของเขา!
หลังจากมารดินโบ่วก้าวข้ามการคืนชีพก้าวสุดท้าย เดิมทีไม่อาจกระทำการเคลื่อนย้ายเช่นนี้ได้อีก ทว่าสวีเฟยอาศัยมุกผ่าดินสะกดข่มมัน ทำก้าวนี้ให้สำเร็จได้!
แสงมารสีเหลืองอมดำในม่านตาสองข้างของอิ๋งอวี่เจินสลายไป สองตาปิดลง สูญเสียความรู้สึก ล้มพับลงใหม่
ตราอาคมผนึกตัวที่ทรวงอกของสวีเฟยกลายเป็นก้อนหิน ครอบคลุมหน้าอกของเขา
หินเริ่มขยายไปรอบๆ ทำให้ร่างสวีเฟยมีตำแหน่งที่กลายเป็นรูปแกะสลักหินมากกว่าเดิม
เขาก้มหน้ามองทรวงอกของตัวเอง จากนั้นมองสือจวินแม่ลูก ยิ้มอย่างเฉิดฉัน
“อาจารย์…ศิษย์พี่สือ สวีเฟยในที่สุดก็ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง”