ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1462 นี่เพิ่งจะเริ่มขึ้น
สติของสวีเฟยเริ่มเลือนรางแล้ว สิ่งที่กลายเป็นรูปสลักหินไม่ได้มีแค่ร่างกาย วิญญาณก็เสื่อมสลายและทรุดโทรมลงด้วยเช่นกัน ตรงหน้าเขาเหมือนกับมีภาพมากมายวาดผ่านราวโคมม้าวิ่ง
ตอนที่กราบเข้าเขากว่างเฉิง กลายเป็นลูกศิษย์สายตรงของสือเถี่ย ตอนได้รับการชี้แนะดูแลจากสือซงเทาในวัยเด็ก การได้พบกับเซี่ยโยวฉาน การผงาดขึ้นของเยี่ยนจ้าวเกอผู้เป็นศิษย์น้อง การได้มายังโลกซ้อนโลก การผุดขึ้นของเขากว่างเฉิง
นอกจากนี้แล้ว ยังมีการร่วงหล่นเป็นมารไปถึงการตายของสือซงเถา การเสียชีวิตของสือเถี่ยผู้เป็นอาจารย์ ตนกลายเป็นอาจารย์รับสือจวินเป็นศิษย์ และการได้แต่งงานกับเซี่ยโยวฉาน…
ภาพนับไม่ถ้วนพากันวาดผ่านห้วงสมอง ทุกๆ ภาพ ทุกๆ เรื่องราวต่างยากจะลืมเลือน
สวีเฟยเลอะเลือนเล็กน้อย เห็นเงาคนสายหนึ่งพลันปรากฏแวบขึ้นตรงหน้าตน
“ศิษย์พี่สวี!” เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งเข้ามาใกล้ๆ ร่างของสวีเฟยกลับกลายกำลังจะกลายเป็นรูปสลักหินหมดแล้ว
สวีเฟยเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย พยายามยิ้มขึ้น
“ดื่มสุราในจอกไม่หมด ความกังวลจากการแยกจากของข้ากลับหมดสิ้น อย่าถามว่าเป็นที่ใด เมื่อพบเจอขอร่ำสุราให้เมามาย”
เสียงของเขาเบาลง สุดท้ายมองดูสือจวิน มองดูอิ๋งอวี่เจิน มองดูเยี่ยนจ้าวเกอ มองดูคนอื่นๆ ยิ้มเล็กน้อย ปิดสองตาลง
สวีเฟยคนถูกสีเทาอมเขียวครอบคลุม กลายเป็นรูปสลักหิน ลักษณะหน้าตาสมจริงดุจมีชีวิต ผิวกลับหยาบกร้าน
“หยุด!” เยี่ยนจ้าวเกอตวาดเสียงทุ้ม ในมือเพิ่มม้วนหนังสือเล่มหนึ่ง
หนังสือลายมือของเจ้าแม่แห่งแผ่นดิน
หลังจากผ่านการใช้และการรีดเค้นพลังอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า จิตพลังของลายมือถึงกับเปลี่ยนเป็นอ่อนแอยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น เปิดม้วนหนังสือลายมือออก จากนั้นก็เอาไปแนบกับร่างของสวีเฟยที่กลายเป็นรูปสลักหินแล้ว
ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากแสงสว่างอันอบอุ่น รูปสลักหินสีเขียวอมเทาเพิ่มแสงของชีวิตหลายส่วน ไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่ตายแล้วโดยสมบูรณ์ เพียงแต่แสงของชีวิตนี้ยังคงค่อยๆ เลื่อนไหล
หากเป็นแบบนี้ต่อไปจะสลายไปหมดอย่างรวดเร็ว ลายมือแห่งแผ่นดินไม่อาจคงสภาพต่อได้อีก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยมีเวลาถามสถานการณ์
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งมองดูสภาพของสือจวินกับอิ๋งอวี่เจิน ทางหนึ่งฟังทุกคนบอกเล่าเรื่องราว สีหน้าดำครึ้ม คนเหมือนกับภูเขาไฟที่พร้อมปะทุตลอดเวลา
ครั้งกระโน้นตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ สวีเฟยเป็นสหายในสำนักที่ดีที่สุดของเขา
ตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ ความตายของสือเถี่ยผู้เป็นอาจารย์ลุงใหญ่ก็เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของเยี่ยนจ้าวเกอเสมอมา
ขณะนี้สวีเฟยล้มลงตรงหน้า พร้อมกับที่เพิ่มบาดแผลขึ้นในใจของเยี่ยนจ้าวเกออีกสาย เฉือนแผลในอดีตออกมาอีกครั้ง
โศกนาฏกรรมของสือเถี่ยและสือซงเถาเหมือนกับดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
‘มุกผ่าดิน มุกผ่าดิน…’
เยี่ยนจ้าวเกอฝืนควบคุมตัวเองให้เยือกเย็น ใคร่ครวญต่อเนื่อง
‘กลืนมุกผ่าดิน…กลืนมุกผ่าดิน ใช้อาคมผนึกมาร...’ เยี่ยนจ้าวเกอพลันจิตใจสั่นไหว ‘บางที…’
เขาพุ่งไปด้านหน้า ใช้มือข้างหนึ่งอุ้มรูปสลักหินที่เป็นสวีเฟยขึ้น หันไปพูดกับเฟิงอวิ๋นเซิง “อวิ๋นเซิงไปกับข้า!”
เฟิงอวิ๋นเซิงงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามมากความ เพียงพยักหน้าเอ่ยว่า “ได้!”
“ทั้งสองท่าน รบกวนพาศิษย์หลานแม่ลูกสองคนของข้ากลับจักรวาลฟ้าฟื้นด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างรวดเร็ว “ระหว่างทางที่ข้ามาเมื่อรู่ ได้รับการติดต่อจากบิดาและอาจารย์ปู่น้อยหลงแล้ว อีกเดี๋ยวพวกเขาจะมาสบทบ ตอนนั้นพวกท่านสามารถร่วมทางได้ ถึงก่อนหน้านี้คู่ต่อสู้จะถูกฆ่าล้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงมีปลาหลุดลอดแห บางทีอาจมีกำลังหนุนจากภายนอก ทั้งสองท่านโปรดระวัง”
จักรพรรดิอุรุและจักรพรรดิศานติเห็นดังนั้น แม้นไม่เข้าใจสาเหตุ แต่ก็รับคำทันที “วางใจเถอะ”
“อาจารย์อาเยี่ยน…” สือจวินมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างร้อนรน
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “จวินเอ๋อร์เจ้ากลับสำนักก่อน อย่าถามอะไรอีก รักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง หลังข้ากลับไปจะช่วยเจ้าคิดหาวิธี หลังพี่สะใภ้อวี่เจินฟื้นขึ้นมา เจ้าจงอยู่เป็นเพื่อนนาง เมื่อผ่านภัยพิบัตินี้ไปได้ ตรามารบนร่างของพวกเจ้าแม่ลูกถูกทำลายสิ้น ขอแค่ไม่ถูกมารร้ายฉวยโอกาสทิ้งตรามารอันใหม่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล”
สือจวินตอบ “ขอรับอาจารย์อาเยี่ยน”
เขายังอาลัยอาวรณ์ แต่ว่าถูกจักรพรรดิศานติกับจักรพรรดิอุรุพาออกไปพร้อมกับอิ๋งอวี่เจิน
“พวกเราไป!” เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเริ่มเดินทาง ออกไปไกลในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอถามขึ้นระหว่างทาง “เศษสวะตัวนั้นเล่า”
เฟิงอวิ๋นเซิงแบมือ ปรากฏไฟสีดำอมน้ำเงินกลุ่มหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมเหมือนกรงขัง นางถาม “พวกเราไปยังที่นั่น?”
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบอกชื่อสถานที่ก็เข้าไปในกรงขังเพลิงสีดำ หายตัวไป
เฟิงอวิ๋นเซิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กำมือเก็บกรง ไม่ได้หยุดลง มุ่งไปด้านหน้า
ในกรงขังเพลิงสีดำ เป็นโลกที่ตั้งตัวเป็นเอกเทศน์ใบหนึ่ง แสงมารสีดำอมน้ำเงินหลายสายวนเวียนอยู่ระหว่างฟ้าดิน พาดขวางตัดสลับราวกับโซ่หลายเส้น
ตรงกลางที่โซ่จำนวนมากรวมตัวกัน อยู่บนร่างของคนผู้หนึ่ง มัดอีกฝ่ายไว้จนขยับไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูคนผู้นี้อย่างเย็นชา
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวใบหนึ่ง
เป็นเฉินเฉียนหัว
เฉินเฉียนหัวมองเยี่ยนจ้าวเกอ ลมหายใจอ่อนแรง ทว่ายังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านมาแล้ว? เมื่อครู่กลิ่นอายของมารดินโบ่วเหมือนอ่อนลงไป เกิดอะไรขึ้น ยังคงถูกฆ่าตายหรือ”
เขาส่ายหน้า “เกี่ยวกับมารดินโบ่ว ระดับข้าต่ำเกินไป ข้ามองไม่เห็นทิศทางในอนาคตของมัน อืม ตอนนี้ถูกสะกดแล้ว ยากจะใช้คัมภีร์เกิดนภาจึงยิ่งมองไม่ออกกว่าเดิม”
เป็นเพราะมารดินโบ่วมีระดับสูงเกินไป เฉินเฉียนหัวจึงมองไม่เห็นอนาคตของมัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
สมมติว่าระดับพลังฝึกปรือของเขาเฉินเฉียนหัวเพิ่มขึ้นได้ สิ่งของมากมายย่อมไม่เป็นความลับอีก
เทียบกันแล้ว เขายังคงมีความสนใจต่อตัวตนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ และเนี่ยจิงเสินมากกว่า
“น่าเสียดาย ถ้าหากว่าแม่ลูกคู่นั้นกลายเป็นมาร ไม่ทราบว่าท่านจะจัดการอย่างไร” เขาถอนใจพลางกล่าว
เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างเย็นชา พลันยิ้มขึ้น
ตรงหน้าเฉินเฉียนหัวพลันพร่ามัว เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงตรงหน้าแล้ว
ปลายนิ้วมีประกายแสงยาวๆ สายหนึ่งยื่นออกมา เหมือนกับมีดสั้น เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดนิ้ว ฟันใส่ร่างของเฉินเฉียนหัวเกิดเป็นแผลหนึ่ง
จากนั้น แผลที่สอง แผลที่สาม…
“คิดใช้พันดาบหมื่นเฉือนกับข้าหรือ” เฉินเฉียนหัวแม้เจ็บปวดจนต้องสูดลมหายใจเย็นเยือก ทว่ามีสีหน้าไม่นำพา “ข้าเองก็เคยลองแล้ว ความจริงไม่ได้น่าสนใจนัก”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ เฉือนลงมีดแล้วมีดเล่า
ไม่ทันไร ทั่วร่างของเฉินเฉียนหัวก็เต็มไปด้วยบาดแผล ลมหายใจรวยริน
“ท่านโมโหนักหรือ ฮ่าๆ…” เฉินเฉียนหัวหัวเราะอย่างอ่อนแรง
แต่ว่าวินาทีต่อมา เขาพลันหัวเราะไม่ออก เป็นเพราะเขาพบว่าบาดแผลมากกว่าพันสายที่ตนได้รับเมื่อครู่หายไป ราวความรู้สึกหลอน
จากนั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเฉือนลงอีกหนึ่งมีดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เฉินเฉียนหัวเบิกตากว้าง
มีดแรกนี้กับมีดเมื่อครู่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง มุม ความแรง ความสั้นความยาว ความตื้นความลึกล้วนเหมือนกันหมด!
“ท่านจะทำอะไร!?”
เฉินเฉียนหัวที่เหมือนไม่ว่าเรื่องใดสีหน้าล้วนไม่แปรเปลี่ยน ไม่จดจำใส่ใจ พลันร้องตะโกนออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างจืดจาง “รีบร้อนอันใด กำลังเริ่มเท่านั้น”