ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1465 มาถึงเขาสองเขตแดนเป็นครั้งที่สาม
เฟิงอวิ๋นเซิงที่ช่วยดึงดูดความสนใจ เคลื่อนไหวในทันที ก้าวข้ามการดำรงอยู่ของ ‘กำแพง’ เข้าสู่แดนสุขาวดีบัวขาว
แทบจะเป็นในพริบตาเดียว บนพุทธเกษตรที่มีขนาดไม่ชัดเจนในแดนสุขาวดีบัวขาวมีแสงส่องระยิบระยับ
ในความว่างเปล่าอันมืดมิด บัวขาวหลายดอกเบ่งบานอย่างไร้เค้าลาง พุ่งเข้ามาหาเฟิงอวิ๋นเซิง
ตอนนี้แดนสุขาวดีบัวขาวกำลังทำสงครามใหญ่กับโถงเซียน
เป็นเพราะว่าความได้เปรียบก่อนหน้า ยึดครองโลกนับพันหนับหมื่นบนแดนเซียนแปดร้อยแดนเซียนของโถงเซียนไว้ได้ ปัจจุบันสนามรบหลักที่อีกฝ่ายยื้อยันกันจึงอยู่บนพื้นที่ของโถงเซียนในอดีต
ยอดฝีมือจำนวนมากของแดนสุขาวดีบัวขาวเคลื่อนทัพไปโถงเซียน ในท้องที่จึงดูว่างเปล่าอยู่บ้าง
กระนั้น ก่อนหน้านี้ถูกยุทธวิชัยพุทธะกับยอดฝีมือแดนสุขาวดีตะวันตกคนอื่นๆ เจาะทะลวงมาแล้วรอบหนึ่ง จนต้องพึ่งพาราชาปีศาจกระทิงมหาเทวะสยบฟ้าจากเผ่าปีศาจ ค่อยเอาชนะมาได้ ทำให้แดนสุขาวดีเสียหน้าอยู่บ้าง
ดังนั้นครั้งนี้พอมีศัตรูภายนอกบุกรุก ก็พลันมีคนมาจัดการทันที
เป็นเพราะว่าสงครามก่อนหน้า ในสถานการณ์ที่ยากจะใช้พลังทั้งหมด เฟิงอวิ๋นเซิงจำเป็นต้องสู้อย่างระมัดระวัง
ประกายดาบสีดำฟันทำลายนภา ทะลวงบัวขาวดอกหนึ่ง จากนั้นก็ออกห่างไปไกล
แสงพุทธหลายสายไล่ตามติด ขณะเดียวกันบัวขาวหลายดอกก็ปรากฏในความว่างเปล่า หมายจะสกัดเส้นทางของเฟิงอวิ๋นเซิง
เยี่ยนจ้าวเกอฉวยโอกาสนี้ พุ่งเข้าไปในจักรวาลของแดนสุขาวดีบัวขาวแห่งนี้ เขาซ่อนร่าง ข้ามมิติหลายชั้น มุ่งหน้าสู่แดนขวางกั้น
ตอนมาถึงแดนขวางกั้น ตรงหน้าพลันมีแสงพุทธสาดส่อง
บรรพชิตศาสนาพุทธระดับคะเตสองท่านปรากฏกาย พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มาถึงตรงหน้าชัด สีหน้าฉายแววตกใจ “เป็นโยม?”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ บนร่างมีประกายกระบี่สีดำสาดแวบขึ้น ทะลวงมิติเวลา มาถึงตรงหน้าคนทั้งสองในพริบตา
แทบไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายโต้ตอบ เยี่ยนจ้าวเกอกางสองแขน ฟันฝ่ามือและต่อยหมัดออก ทางหนึ่งใช้ธงเบิกฟ้าตัดคอ ทางหนึ่งใช้รอยตราพลิกนภาขยี้กะโหลก
ขณะที่พุ่งผ่านอีกฝ่าย บรรพชิตศาสนาพุทธสองท่านก็มรณภาพ ในร่างของพวกท่านมีแสงพุทธดีดออก เหมือนกับกำลังจะบินไปบนฟ้า ทว่าถูกเยี่ยนจ้าวเกอครอบฝ่ามือ ดับลงในความโกลาหล ร่องรอยหายไป
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปในแดนขวางกั้น ตรงไปยังเขาสองเขตแดน
ตราผนึกยังคงอยู่บนเขาสองเขตแดน เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกตึงมือ โดยเฉพาะครั้งนี้ไม่มีเฟิงอวิ๋นเซิงช่วยเหลือ กระนั้นหลังจากมีประสบการณ์ในครั้งก่อนก็คุ้นเคยกับทุกอย่างดี ใช้เวลาไปสักพักในที่สุดก็มาถึงใต้ยอดเขาในตำนานลูกนั้น
ตราผนึกยังคงมีสองชั้น ตราผนึกชั้นที่อยู่ด้านนอกยังคงเงียบสงัด ไม่ส่งผลใดๆ ต่อผู้มาจากภายนอกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในเงื่อนไขที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่แตะต้องตราผนึก และไม่วางแผนช่วยเหลือมหาเทวะเสมอฟ้าออกมา ไม่อย่างนั้นตราผนึกที่มาจากพระยูไลชั้นนี้ก็จะเป็นร่องน้ำใหญ่ที่ยากจะข้ามผ่าน
มาถึงส่วนลึกของภูเขา เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองเขาอยู่
มีเงาพุ่งลงมาจากฟ้า ใบหน้าเป็นขน ปากงุ้ม มือถือกระบองสารพัดนึก เป็นภาพฉายของซุนหงอคงมหาเทวะเสมอฟ้าบนที่แห่งนี้
“เด็กน้อยผู้นี้ ทำข้าเหล่าซุนรอนานนัก” วานรร้องขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกอดรูปสลักหิน กล่าวว่า “นับว่าไม่ทำท่านผิดหวัง”
“เจ้ารับบาดเจ็บแล้ว?” มหาเทวะเสมอฟ้ากวาดมองร่างเยี่ยนจ้าวเกอ
ก่อนหน้าตอนสู้กับยุทธวิชัยพุทธะ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนพังทลาย ยุทธวิชัยพุทธะได้รับบาดเจ็บ แต่คนที่กางค่ายกลก็ไม่ได้มีสภาพดีกว่า แทบทุกคนล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล
ไม่เพียงแต่หลิงชิงที่ถูกสารีริกธาตุของยุทธวิชัยพุทธะจู่โจม และเกาชิงเสวียนที่ร่างกลายเป็นกระบี่จะลำบากเท่านั้น เยี่ยนจ้าวเกอ อวี่เยี่ย หลงเสวี่ยจี้ นักพรตอวิ๋นเจิ้งที่ควบคุมค่ายกลก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนถูกทำลาย พลังกัดกินกลับ พวกเขาแทบโดนเป็นพวกแรก
เยี่ยนตี๋ เนี่ยจิงเสิน เยว่เจิ้นเป่ย หลงเสวี่ยจี้ที่ช่วยสะกดค่ายกลบนตาค่ายกลก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกออาศัยการคุ้มครองที่ได้จากการควบคุมค่ายกล แม้ว่าสามารถหลุดออกจากกระแสปั่นป่วนของมิติเวลาได้เร็วที่สุด กระนั้นอาการบาดเจ็บยังคงเป็นของจริง
เขาไม่มีเวลาดูแลตัวเอง รีบมาตามหาพวกสวีเฟยกับสือจวินโดยไม่หยุดพัก ภายหลังยังมาแดนสุขาวดีบัวขาว
ระหว่างทางมีเฟิงอวิ๋นเซิงพามา เยี่ยนจ้าวเกอฉวยโอกาสรักษาอาการบาดเจ็บ หยุดไว้ไม่ให้เลวร้ายขึ้น แต่คิดจะรักษาโดยสมบูรณ์ยังคงไม่อาจทำได้สำเร็จในคราเดียว
ตอนนี้ถึงแม้ภายนอกเขาไม่เป็นไร แต่ว่ามหาเทวะเสมอฟ้ามีสายตาระดับไหน มองแวบเดียวก็สัมผัสได้ทันทีว่าเยี่ยนจ้าวเกอบาดเจ็บสาหัส
“ไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า
ว่าแล้วเขาก็วางรูปสลักหินลงก่อน จากนั้นก็เรียกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับพ่านพ่านออกมา
“มหาเทวะลองดูก่อนว่าเหมาะกับเงื่อนไขของท่านหรือไม่ พวกเราทำสำเร็จหรือไม่”
มหาเทวะเสมอฟ้ามองรูปสลักหินก่อน “เอ๋? คนผู้นี้กลับบอกไม่ได้ว่าตายหรือเป็น”
“นี่เป็นศิษย์พี่ในสำนักของเข้า ประสบภัยพิบัติมา” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าหากทำได้ ขอมหาเทวะช่วยเขาสักครั้ง”
“แม้ข้าเหล่าซุนจะเข้าใจมรรคาแพทย์อยู่หลายส่วน แต่พลังชีวิตของศิษย์พี่ของเจ้าผู้นี้แทบดับสลายแล้ว แม้แต่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลยังยากช่วยเหลือ” มหาเทวะเสมอฟ้ากล่าว “ยิ่งอย่าว่าแต่ข้าถูกสะกดอยู่ที่นี่ ต่อให้อยากก็ช่วยไม่ได้ แต่ว่าเด็กน้อยเจ้าเจ้าเล่ห์นัก ถึงกับทำให้เขาเก็บแฝงวิญญาณดินโบ่วกี้ที่เต็มเปี่ยม กลับสามารถรองรับกายทองของข้าได้ ทั้งช่วยให้ข้าหลุดจากการคุมขัง เช่นนี้กลับมีความหวังแล้ว”
วานรจุ๊ปากชมเชย “เจ้าใช้ของวิเศษและวิชาลับมากน้อยเท่าไร จึงทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ได้ ดูเหมือนพลังฝึกปรือในตอนแรกสมควรเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงในหมู่พวกมนุษย์”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ของวิเศษล้วนเป็นระดับเซียนทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ยังมีมารดินโบ่วแห่งนพยมโลกสอดมือเข้ามา”
“อ้อ? เกี่ยวกับนพยมโลกอีก?” มหาเทวะเสมอฟ้ามองรูปสลักหินด้วยความฉงนอยู่บ้าง “แต่ไม่มีสำนึกมารนี่”
เยี่ยนจ้าวเกอธิบายเรื่องราวคร่าวๆ รอบหนึ่ง วานรกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มิน่าเขาจึงมีโชคชะตาเช่นนี้”
“เป็นเพราะตอนนี้ศิษย์พี่สวีกลายเป็นรูปสลักหิน ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา โชคดีมีรากฐานระดับเซียน ดังนั้นข้าจึงมีความมั่นใจ เพียงพาร่างสถิตสามร่างมาหามหาเทวะ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงทุ้ม “ขอให้มหาเทวะท่านพิจารณาดู จำนวนคนในตอนนี้พอแล้วหรือไม่”
“พอแล้ว” มหาเทวะเสมอฟ้าเงยหน้ามองท้องฟ้า พึมพำกับตัวเอง “ข้าเหล่าซุนรอวันนี้ รอมานานเกินไปแล้ว…รอมานานเกินไป!”
เขาพลันตะโกนขึ้น ฟ้าดินเหมือนกับเปลี่ยนสี
วานรสีทองตีลังการอบหนึ่ง เลี้ยวกลางอากาศ ก่อนจะหายไป
แสงสว่างขึ้นมาบนศิลาดินกำเนิดที่ถูกฝังอยู่ในเขาครึ่งหนึ่ง แล้วสาดใส่ตัวสวีเฟย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และพ่านพ่าน
รูปสลักหิน คน และหมีสยงเมาร่างกายสั่นเทิ้มพร้อมกัน
บนผิวรูปสลักหินพลันมีผิวหินหลายชั้นหลุดร่วงลงด้านล่าง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยังมีพ่านพ่านต่างส่งเสียงคำราม อาศัยสายเลือดปีศาจวานรที่หลอมเปลี่ยน เริ่มเปลี่ยนร่างของตัวเอง ค่อยๆ กลายเป็นลักษณะของวานร
บนศีรษะของทั้งสาม มีเงาแสงขนาดมหึมาสายหนึ่งผนึกตัว
วานรกยักษ์ที่เงยหน้ากู่ร้องตัวหนึ่ง!
วานรยักษ์ที่เกิดจากแสงทองร้องตะโกน ร่างค่อยๆ พังทลาย สุดท้ายกลายเป็นแสงสีทองผืนหนึ่ง ก่อนจะครอบคลุมบนร่างของพวกสวีเฟย
เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจเชื่อมต่อกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ชั่วขณะที่รางเลือน ตรงหน้าปรากฏภาพมากมาย