ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1472 อุดมคติเต็มเปี่ยม ความจริงโหดร้าย
เกาชิงเสวียนมองกระบี่ผนึกเซียนแล้วมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ผู้อาวุโสชื่อจิงจื่อสายหยกพิสุทธิ์ก็สิ้นชีวิตแล้วเช่นกัน”
“สิ้นชีวิตด้วยมือเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ?” เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็แสดงสีหน้าเหมือนปวดฟัน
ในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนแห่งเหนือพิสุทธิ์ถูกทำลาย สุดท้ายสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนแยกกันตกไปอยู่ในมือของยอดฝีมือสายหยกพิสุทธิ์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับกระบี่ผนึกเซียนไปในตอนนั้นก็คือชื่อจิงจื่อ
ชื่อจิงจื่อเป็นศิษย์ที่บรมครูเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง เป็นผู้สืบทอดแห่งหยกพิสุทธิ์ขนานแท้ เขาเชี่ยวชาญคัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต คัมภีร์นภาทันใจ บุกร้างถางพงบนพื้นฐานการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ สร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาแล้วหลอมรวมเข้าไปในวิถีความเปลี่ยนแปลงของความเป็นความตาย มีความเข้าใจต่อหลักการความเป็นความตายในนรกเป็นของตัวเอง เปิดเส้นทางใหม่ขึ้น
หากสืบสาวทะเลสีชาดแห่งเขตฟ้าสงัดพายัพบนโลกซ้อนโลกขึ้นไปถึงต้นกำเนิด ก็มาจากผู้สืบทอดที่แท้จริงของชื่อจิงจื่อ แต่ว่ากาลเวลาไหลผ่าน เทวกษัตริย์สำนักเต๋าผู้นี้ไม่ปรากฏตัวมานาน หายไปในตำนานประวัติศาสตร์
ทว่าดูจากตอนนี้ ถึงกับเสียชีวิตมานานแล้ว
เกาชิงเสวียนถอนใจ ยืนยันการคาดเดาของเยี่ยนจ้าวเกอ “บรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับต้องการชิงสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับไป จึงตามหาผู้อาวุโสชื่อจิงจื่อเป็นคนแรก”
“ศิษย์พี่เนี่ยกับศิษย์พี่อวี่ได้รับการสืบทอดคัมภีร์โกลาหลสูญ และได้รับกระบี่ผนึกเซียนผ่านเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ เช่นนั้นถ้าบรมครูชื่อจิงจื่อเสียชีวิตไปแล้วจิงๆ สมควรเป็นฝีมือของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มหนักใจ
นักพรตอวิ๋นเจิ้งอยู่ด้านข้าง ในฐานะผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ครึ่งหนึ่งมีความกระอักกระอ่วน ครึ่งหนึ่งมีความสะท้อนใจต่อผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์อย่างเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง
“พวกเราไม่พูดถึงเรื่องของพวกผู้อาวุโสในยุคโบราณตอนต้นแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอแยกเขี้ยว “กลับไม่ทราบว่าเทวกษัตริย์วิเศษคณานับชิงสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนได้กี่เล่มกันแน่”
เกาชิงเสวียนตอบ “ได้แค่กระบี่ผนึกเซียนเล่มเดียว” นางกล่าวเสียงเบา “ภายหลังไม่นาน บรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับก็สิ้นชีวิตแล้ว”
“บรรพบุรุษมรรคาคนไหนลงมือ” เยี่ยนจ้าวเกอถามตรงๆ
เทวกษัตริย์วิเศษคณานับเป็นศิษย์เอกที่เทวกษัตริย์รัตนวิเศษ บรรพบุรุษมรรคาแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง พลังฝึกปรือของเขาสั่นสะเทือนยุคโบราณ ส่องประกายในยุคปัจจุบัน ที่แล้วมาถูกเรียกเป็นสามสุดยอดมือกระบี่แห่งสำนักเต๋าร่วมกับอวี้ติ่งจินหยินและจักรพรรดิจื่อเวยผู้นำแห่งสี่เทวราช
หากกล่าวอยางยุติธรรม พูดถึงพลังฝึกปรือส่วนตัว เขาไม่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ผู้สืบทอดจำนวนมากของสายเหนือพิสุทธิ์
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มลูกศิษย์ที่เทวกษัตริย์รัตนวิเศษถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง คือเจ้าแม่จินหลิง
เจ้าแม่จินหลิงได้ประสบภัยพิบัติขึ้นสู่ทำเนียบเซียน เข้าสู่วังเทพในยุคสถาปนาเทพ กลายเป็นผู้ปกครองกลุ่มดาวกระบวย มีตำแหน่งเป็นเทพสายหลักมารดาดวงดาราแห่งตำหนักข่านกง นางชื่อเต็มว่า ‘เทวกษัตริย์อริยเจ้าสัจธรรมหลังปฐมสสารกำเนิด ผู้มีเมตตาและปัญญาเรืองรองด้วยประกายม่วง เจ้าแม่แห่งดวงดาวกอปรด้วยพลังงานสงบนิ่งกลางเวหา’ เป็นผู้ปกครองหมู่ดาวก่อนหน้าจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
กระนั้น เจ้าแม่จินหลิงก็ไม่ใช่มือกระบี่
พูดถึงมรรคากระบี่เพียงอย่างเดียว อันดับหนึ่งในสำนักเหนือพิสุทธิ์ยังต้องนับเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ถ้าหากนับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนด้วย เช่นนั้นเขาก็นับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มศิษย์ของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษอย่างไม่มีใดต้องละอาย อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่ไร้ผู้ใดต่อต้านในหมู่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
เพียงได้สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมาเล่มเดียว พลังของค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไม่อาจผลักดันถึงระดับสูงสุดได้ ทว่าหลังยุคโบราณตอนต้น เทวกษัตริย์รัตนวิเศษหลุดพ้น เทวกษัตริย์วิเศษคณานับก็รับสืบทอดวิชาขั้นสูงอย่างคัมภีร์โกลาหลสูญสำเร็จ เทียบกับในสงครามสถาปนาเทพเมื่อตอนนั้นแล้ว พลังส่วนใหญ่ของเขาจะต้องเพิ่มอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
ต่อให้ไม่นับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เขาที่หลังจากฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญยังเหนือกว่าเจ้าแม่จินหลิงเสียอีก
เทวกษัตริย์วิเศษคณานับครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญ และมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนฉบับสมบูรณ์ พลังเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลอย่างไม่ต้องสงสัย
สามารถทำให้เทวกษัตริย์วิเศษคณานับเสียชีวิตได้ ถ้าหากว่าไม่ถูกกลุ้มรุม นั่นก็มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่เป็นบรรพบุรุษมรรคาลงมือ
เป็นอย่างที่คาด เกาชิงเสวียนมองเยี่ยนจ้าวเกอกับนักพรตอวิ๋นเจิ้ง กล่าวอย่างแช่มช้า “มารสวรรค์ไร้พันธนา”
นักพรตอวิ๋นเจิ้งถาม “มารสวรรค์ไร้พันธนาไฉนจึงลงมือสร้างความลำบากแก่บรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ อืม…รอเดี๋ยว!” ใบหน้าเขาฉายแววใคร่ครวญ “หรือว่า…”
“หรือว่า…เทวกษัตริย์วิเศษคณานับคิดจะแทนที่มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม” เยี่ยนจ้าวเกอต่อประโยคของเขาให้จบ
เกาชิงเสวียนพยักหน้าเบาๆ
เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผาก ส่วนนักพรตอวิ๋นเจิ้งถอนใจ
ในฐานะยอดฝีมือไม่กี่คนบนระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล เทวกษัตริย์วิเศษคณานับจะต้องมีจิตปณิธาน ขึ้นไปอยู่เหนือชั้นมหาชาล สำเร็จระดับบรรพบุรุษมรรคาแน่นอน
“บรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับมีรากฐานแน่น พลังแข็งแกร่ง ทั้งมีวรยุทธ์สูงส่งสำหรับการหลุดพ้นอย่างคัมภีร์โกลาหลสูญ มีความหวังที่จะขึ้นไปบนมหาชาลสูงมาก ไฉนจึงต้องไปเสี่ยงแย่งชิงตำแหน่งของบรรพมารตนที่หกด้วย” นักพรตอวิ๋นเจิ้งใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกอะไรออก “ถูกคนอื่นๆ ขวางทางกระมัง”
คัมภีร์โกลาหลสูญคัมภีร์สุดท้ายในสิบคัมภีร์เหนือพิสุทธิ์ เหมือนกับคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตคัมภีร์ม้วนแรกแห่งคัมภีร์นภาแรกเริ่มของเยี่ยนจ้าวเกอ ต่างเป็นรากฐานการสำเร็จมรรคาของบรมครูสามพิสุทธิ์ เป็นวรยุทธ์สูงสุดสำหรับการหลุดพ้น
ในด้านทฤษฎีแล้ว ขอแค่ศึกษาหลักการคัมภีร์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วปฏิบัติตามขั้นตอน ก็จะสามารถมุ่งสู่ระดับมรรคา เดินสู่การหลุดพ้นได้ทีละก้าวๆ ตามเส้นทางของเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดและเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ
แน่นอนว่าหากคิดจะศึกษาวรยุทธ์ที่ล้ำลึกเช่นนี้จนเข้าใจ ไม่เพียงแต่ต้องมีความสามารถในการทำความเข้าใจ ยังต้องการวาสนา
ในอดีตที่บรมครูสามพิสุทธิ์หลุดพ้นได้ ก็ไม่ใช่ว่าง่ายดายเหมือนที่พูดกัน ในนี้มีความล้ำลึกอยู่ ยามที่ฝึกฝนจริงๆ จึงปรากฏปัญหาข้อหนึ่ง
บรมครูสามพิสุทธิ์หลุดพ้นสำเร็จ ชี้เส้นทางให้แก่ผู้ที่ตามมาภายหลัง ทว่าเส้นทางนี้ก็ปรากฏแก่สายตาของยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ เช่นกัน
คนที่มีความสามารถและมีความต้องการ อาจจะหาวิธีขัดขวาง
บางทีไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีเพิ่มด้วยการสร้างอุปสรรค อาจจะใช้วิธีลดด้วยการทำลายวาสนาที่อีกฝ่ายจะสำเร็จมรรควิถีก็ได้
เรื่องที่คล้ายๆ ก็อย่างเช่น การขัดขวางฝีเท้าลากถ่วงเวลา นี่ยังมีวิธีการให้คิดถึง
แต่บางอย่างกลับอาจจะปิดตายเส้นทางนี้ได้ ไม่เพียงแต่เส้นทางการหลุดพ้นอาจถูกปิดตาย ถึงขั้นที่อาจจะไปตัดเส้นทางที่เชื่อมจากชั้นมหาชาลไปยังระดับมรรคาไว้ก่อน
“นี่เรียกว่ามีอุดมคติเต็มเปี่ยม แต่ความจริงกลับโหดร้ายกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างจนปัญญา
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น เขารู้จักตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักดีอยู่คนหนึ่ง
พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า หรือก็คือพระศรีอาริย์ ผู้ปกครองแดนสุขาวดีบัวขาวในปัจจุบัน
ตามปกติแล้ว ขอแค่พระพุทธเจ้าภาคปัจจุบันหลุดพ้น ท่านก็สามารถรับช่วงต่อ ก้าวข้ามพันธนาการของยอดฝีมือระดับมหาชาลจำนวนมาก ขึ้นสู่ระดับหมรรคาในก้าวเดียว กลายเป็นผู้ปกครองดินแดนอภิรดีศูนย์กลาย กลายเป็นพระพุทธเจ้าแห่งเขาหลิงซานองค์ใหม่
พอสำเร็จ จากนั้นก็มุ่งจากระดับมรรคาสู่การหลุดพ้น ตามเส้นทางที่พระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าเคยย่างผ่าน
ในการก้าวเดินจากชั้นมหาชาลสู่ระดับมรรคา ท่านไม่เหมือนกับยอดฝีมือในศาสนาพุทธคนอื่นๆ รวมถึงยอดฝีมือศาสนาพุทธบนแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลางคนอื่นๆ เส้นทางมีความพิเศษและรวบรัดยิ่ง มากพอจะทำให้ยอดฝีมือชั้นมหาชาลคนอื่นๆ อิจฉาริษยา
ทว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ตอนนี้ทุกคนต่างทราบแล้ว
ในก้าวสำคัญจากชั้นมหาชาลสู่ระดับมรรคา พระศรีอริยเมตไตรยถูกคนเล่นงานแล้ว
จนแม้แต่ท่านคิดจะเปลี่ยนไปพยายามบนเส้นทางหลักเหมือนพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ในแดนสุขาวดีก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
สุดท้ายเพื่อเปลี่ยนจากพระศรีอริยเมตไตรยพุทธะเป็นพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า ท่านถึงกับถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงหลักมรรคาของแดนอภิรดีศูนย์กลาง เป็นเหตุให้ยอดฝีมือบนแดนสุขาวดีศูนย์กลางจำนวนมากหันเข้าหาแดนสุขาวดีตะวันตก
นี่เป็นการถูกคนถ่วงเวลาในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเร้นลับแล้ว
ยิ่งเป็นเส้นทางที่ชัดเจนราบรื่นเท่าไร ก็ยิ่งถูกคนขัดขวางได้ง่ายเท่านั้น
ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา อัจฉริยบุคคลปรากฏตัว ผลักสิ่งเก่าสร้างสิ่งใหญ่ บุกเบิกเส้นทางของตัวเองขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านพื้นฐานที่คนรุ่นก่อนได้เรียนรู้ ก็เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน
บางครั้งบางคราวการค้นพบใหม่อาจจะทำลายอุปสรรคที่อยู่บนเส้นทางเดิม ทำให้ราบรื่นเหมือนเก่า และแสดงผลลัพธ์ได้อีกครั้ง
แน่นอนว่าเวลาไม่คอยใคร ทุกอย่างต้องเริ่มจากความเป็นจริง
ความลำบากบางอย่างก็ไม่อาจไม่รับไว้ ตัวเลือกบางอย่างก็ได้แต่ตัดสินระหว่างความเลวร้ายกับความเลวร้ายยิ่งกว่า
“ผู้ที่ขวางเส้นทางของเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ หรือควรบอกว่าผู้ที่ขวางเส้นทางที่เชื่อมคัมภีร์โกลาหลสูญกับเส้นทางระดับมรรคา เกรงว่าจะเป็นนพยมโลกกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วนวดขมับตัวเองเบาๆ “เพื่อปูทางให้แก่มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม”