ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1489 มารกระบี่ยุคใหม่
เนี่ยจิงเสินกอดอวี่เยี่ยเหาะเหิน จิตใจเหมือนกับถูกมีดเฉือน
ชั่วขณะที่รางเลือนสามารถรู้สึกได้ว่าศัตรูกำลังไล่ตามอยู่ด้านหลัง ทว่าตอนนี้เนี่ยจิงเสินไม่สนใจ เป็นห่วงอีกเรื่องหนึ่ง
บนใบหน้าอันหมดจดของอวี่เยี่ยที่อยู่ในอ้อมอกของเขา ตอนนี้ล้วนเป็นร่องรอยที่มีประกายแสงลอดออกมาหลายสาย กระจายอยู่ถี่ยิบ ทั่วร่างล้วนเป็นเช่นนี้
คนเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องที่ถูกทำลาย แตกกระจัดกระจาย อยู่ในห้วงสุดท้ายของชีวิต แขนขวาของนางยามนี้หักไปหมดแล้ว
ร่างเซียนจริงแท้สังหารเซียนลี้ลับ ต่อให้นั่นเป็นเซียนลี้ลับจากเส้นทางนอกรีต อวี่เยี่ยก็สร้างตำนานได้เหมือนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ว่าเพราะบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งฝืนใช้คัมภีร์โกลาหลสูญหลายครั้ง ทำให้ตัวนางมุ่งสู่การพังทลาย
มือขวาที่ออกกระบี่ก่อนหน้าเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
จากการเริ่มต้นนี้ ร่างของนางเหมือนเครื่องเคลือบที่ถูกทำลาย แหลกสลายอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายหลอมรวมกับวิญญาณ ค่อยๆ มุ่งสู่ผลลัพธ์รูปและจิตดับสลาย
“ทนอีกหน่อย ทนอีกหน่อยเถอะ…ไม่เป็นไรหรอก! ไม่เป็นไรแน่!” เนี่ยจิงเสินซึ่งที่แล้วมาเย็นชาแน่วแน่ ต่อหน้าศัตรูร้ายกาจใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง วินาทีนี้กลับเหมือนเด็กที่ลนลาน
“จิงเสิน…ไปคนเดียวเถอะ…” เวลานี้อวี่เยี่ยตาเป็นประกายขึ้นหลายส่วน ไม่ได้อ่อนล้าอย่างเดิมอีก
แต่ว่าลักษณะแจ่มใสก่อนตายนี้ พอเนี่ยจิงเสินเห็นแล้วยิ่งปวดร้าวกว่าเดิม
“อย่าได้พูดวาจาท้อแท้” เนี่ยจิงเสินกล่าวอย่างแน่วแน่ สูดหายใจลึกคำหนึ่ง ฝืนทำให้ตัวเองเยือกเย็น
ปราณกระบี่หลายสายพุ่งออกมาจากในร่างของเขา คุ้มครองอวี่เยี่ยในอ้อมอก
ความพิสดารของบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดปรากฏอีกครั้ง ภายใต้การครอบคลุมของเนี่ยจิงเสิน การพังทลายเปลี่ยนแปลงของอวี่เยี่ยเริ่มหยุดชะงัก
ถึงจะยังคงอยู่ในขอบความเป็นความตาย แต่ก็ไม่ได้กลิ้งลงสู่เหวลึกต่ออีก การแหลกสลายของร่างกายหยุดที่แขนขวา
แต่ว่าข้อแลกเปลี่ยนทั้งหมดนี้คือการสิ้นเปลืองอย่างมหาศาลของเนี่ยจิงเสิน
ขณะนี้เขาเผชิญการต่อสู้ดุเดือดหลายครั้ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน
การฝืนผลักดันในสถานการณ์เช่นนี้ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะทนได้ไม่นาน โดยเฉพาะด้านหลังยังมีศัตรูแกร่งไล่ตามไม่ลดละ!
ถ้าสู้กับคนอื่น ยากจะคุ้มครองอวี่เยี่ยที่อยู่ในอ้อมอกได้ต่อแล้ว
‘ทำอย่างไรดี’
คำถามวนเวียนอยู่ในจิตใจของเนี่ยจิงเสิน สร้างความร้อนใจให้เขา
สายฟ้าฟาดสีแดงฉานกับหมอกสีดำกว้างใหญ่ที่พลิกตัวอยู่ตรงหน้าไม่หยุด เหมือนกับเหวลึกที่กลืนกินจิตใจของคน ทำให้คนสิ้นหวังกว่าเดิม
ทันใดนั้นเนี่ยจิงเสินฝ่าหมอกแสง ตรงหน้าพลันปรากฏแสงสีทองหลายสาย
แสงสีทองไม่ได้ละลานตา กลับขมุกขมัว ชั่วร้ายอัปมงคล
ไอความเย็นที่เย็นเยือกทำให้เนี่ยจิงเสินแตกตื่น เขาเพ่งตามองไป แสงสีทองตรงหน้าเป็นแสงสะท้อนจากกระดูกขาวผืนหนึ่ง
กระดูกขาวมโหฬารราวภูเขา กองอยู่รวมกัน กระดูกทุกท่อนเหมือนกับเศษโลหะขนาดใหญ่โตหรือเสาโลหะหลายต้น ตอนนี้สะท้อนแสงสีทองเข้ม
ความคมกล้าปรากฏหมดสิ้น ปราณพิฆาตธาตุทองแกที่ทำลายฟ้าดินทะลักออกมาจากด้านใน ทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจ ราวกับอยู่บนสมรภูมิโหดร้ายที่เป็นทะเลเลือดเขากระดูก มีเทพและพระพุทธนับไม่ถ้วนสิ้นชีวิตที่นี่
กระดูกขาวดุจบรรพต กองอยู่รวมกัน ราวกับหุบเขาหุบหนึ่ง
กลางหุบเขา ระหว่างกระดูกขาว ปรากฏบึงเลือดบึงหนึ่ง
ฟองอากาศหลายฟองลอยขึ้นมาจากในน้ำเลือด จากนั้นก็ระเบิดเหมือนกับหินหนืดที่เดือดพล่าน
ปราณมารยิ่งใหญ่พวยพุ่งมาจากด้านใน สั่นสะท้านขวัญวิญญาณ
“…มารทองแก!” เนี่ยจิงเสินตกใจ เกิดความคิดขึ้น โพล่งออกมา
หลังจากความงงงันชั่วสั้นๆ เขาก็เดือดดาลขึ้น มองเขตมารรอบๆ ตะโกนอย่างคุ้มคลั่ง “เป็นพวกเจ้าวางแผนชั่ว!”
“ไม่ พวกเราเพียงต้องการเห็นความสำเร็จเท่านั้น” เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
เนี่ยจิงเสินมองไปยังเหนือบึงเลือด เห็นแสงสว่างสีทองเข้มหลายสายตัดกัน กอปรเป็นเงาลวงของคนผู้หนึ่ง
ใบหน้านั้น เนี่ยจิงเสินคุ้นเคยดี
มารกระบี่อินสือหยาง ร่างแปลงของมารทองแกรุ่นก่อน ในอดีตตายด้วยกระบี่ของเยี่ยนซิงถาง อาจารย์ปู่ของเนี่ยจิงเสิน
ตอนนี้ก็ยังคงเป็นคนตาย เพียงอาศัยสภาพแวดล้อมพิเศษของนพยมโลก กับพิธีกรรมพิเศษที่อยู่ที่นี่ เกิดเป็นเงาลวงสายหนึ่ง
“ข้าเพียงแค่รอพวกเจ้าอยู่ที่นี่เท่านั้น” มารทองแกกล่าวอย่างราบเรียบ
เนี่ยจิงเสินมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา เห็นเมฆหมอกห้าสีรวมตัวกันด้านข้างมารทองแก กลายเป็นเงาฉายสายหนึ่ง กลับเป็นชายแก่ที่มีใบหน้าแก่ชราคนหนึ่ง
“มารจิตแรกเริ่ม…” เนี่ยจิงเสินม่านตาค่อยๆ หดตัว
ชายชรายิ้มกล่าว “ตัวเจ้าเองก็สัมผัสได้แล้วว่าสิ่งที่พวกเจ้าเจอในตอนนี้ เป็นพวกตัวเองขายทิ้ง”
เนี่ยจิงเสินอ้าปากคิดพูดจา ทว่าหุบปากลงอีกรอบ
“ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ข้าใช้คำพูดล่อลวงเจ้า แต่เป็นความคิดใต้ก้นบึ้งจิตใจของเจ้าเอง” มารจิตแรกเริ่มยิ้มเรียบเฉย “ตอนนี้ข้ายุ่งกับการสู้กับมหาชาลคนอื่นจึงแบ่งจิตมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เจ้าได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ข้าคงแอบดูความคิดในร่างบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดไม่ได้ ถึงเจ้าจะไม่ทราบว่าคนผู้นี้เป็นใคร แต่มีแค่พวกเจ้าฝ่ายเดียวกันเท่านั้นที่ทราบว่าจะเปิดผนึกตราอาคมสัญลักษณ์ที่เจ้าทิ้งไว้ได้อย่างไร” มารจิตแรกเริ่มกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ “นี่ไม่ใช่เป็นฝีมือของข้า สมควรพูดว่าเป็นเพราะว่าความคิดอย่างนี้ของสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเจ้าไม่ดับสูญจึงสร้างข้าขึ้น”
เนี่ยจิงเสินกวาดมองสองมาร สุดท้ายสายตาตกอยู่บนร่างมารทองแก เข้าใจขึ้นมาแล้ว “เป้าหมายของเจ้าคือข้า?”
“มิผิด” มารทองแกเอ่ยอย่างผ่อนคลาย “ร่างสถิตที่เหมาะกับข้าในยุคสมัยนี้กลับเป็นศิษย์หลานของเยี่ยนซิงถางที่ส่งข้าสู่การดับสูญ วาสนาที่เกาะเกี่ยวกันนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินบรรยายจริงๆ”
เนี่ยจิงเสินมองมัน พลันออกกระบี่!
หนึ่งกระบี่พุ่งผ่าน เงาลวงที่เกิดจากมารทองแกพลันถูกประกายกระบี่ฟันทำลาย
มารจิตแรกเริ่มไม่ตกใจ “ถ้าหากไม่มีสตรีในอ้อมอกของเจ้า เจ้าคงยอมสู้ตาย ไม่ยอมเข้ากับนพยมโลกของพวกเรา ความแน่วแน่ในเจตจำนงของเจ้า ข้าเลื่อมใสนัก แต่ว่าความรุนแรงในความแค้น ณ ตอนนี้ของเจ้ายิ่งทำให้ข้านับถือกว่า ความแค้นที่เจ้ามีต่อพวกเรา รุนแรงเหมือนกับความแค้นที่เจ้ามีต่อคนที่ไล่ล่าเจ้า แต่เจ้าในตอนนี้ทำให้พวกเราจ่ายค่าตอบแทนไม่ได้ มาเถอะ จงแข็งแกร่งขึ้นก่อน จงรอดจากที่นี่ไปให้ได้ก่อน ให้ข้าได้เห็นว่า ตัวเองจะดับสูญด้วยกระบี่ของสหายร่วมเส้นทางแห่งนพยมโลกหรือไม่ ส่วนสหายน้อยผู้นี้ในอ้อมอกของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ถึงนางจะครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญ อาจส่งผลเสียต่อบรรพมารลำดับสุดท้าย แต่ว่าวางนางที่ได้รับบาดเจ็บหนักเหนือกว่านางที่ตายไปแล้วสำหรับพวกข้า”
ความตายของอวี่เยี่ยหมายถึงคนที่ครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญคนอื่นๆ สามารถเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์สะท้านโลกวรยุทธ์นี้ได้
ร่างของชายชราค่อยๆ เลือนหาย “คนที่อยู่ด้านหลังเจ้าใกล้จะมาถึงแล้ว”
บนบึงเลือดกลางเขากระดูกยังคงมีปราณมารพวยพุ่งสู่ฟ้า
เนี่ยจิงเสินโอบกอดอวี่เยี่ย เขาก้มหน้ามองไป พบว่าตอนนี้นางไร้สติแล้ว
หลังจากความแจ่มใสก่อนตาย ถึงจะมีปราณกระบี่ของเนี่ยจิงเสินคุ้มครอง แต่เป็นเพราะบาเจ็บสาหัส ปราณกระบี่ค่อยๆ อ่อนโทรม อวี่เยี่ยจึงกำลังค่อยๆ เดินสู่ความตาย
บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยแตกที่ราวกับใยแมงมุม ไม่มีความสวยงามให้พูดถึงอีกต่อไป
ทว่าในดวงตาซึ่งที่แล้วมาเย็นชาของเนี่ยจิงเสิน ยามนี้อบอุ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เขาจูบหน้าผากของนางเบาๆ จากนั้นก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว
ปราณพิฆาตเทียมฟ้าพวยพุ่งขึ้นมา เขากระดูกถูกครอบคลุมอยู่ใต้แสงสีทองเข้ม
ไกลออกไปมีเสียงพิณดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนเกี่ยวชีวิตกระชากวิญญาณ
บุรุษคนหนึ่งโอบอุ้มสตรีนางหนึ่ง ค่อยๆ หายไปในบึงเลือด
วินาทีต่อมา น้ำเลือดนับไม่ถ้วนในบึงเลือดพุ่งสู่ฟากฟ้า เหมือนกับกระบี่เลือดนับพันล้านเล่ม!
น้ำเลือดร่วงตกจากฟ้า กลายเป็นฝนโลหิต ราวกับเขตมารคร่ำครวญ