ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1494 การตัดสินใจของเยี่ยนจ้าวเกอ
“โถงเซียนของข้าต่อสู้กับมารร้ายบนแดนสุขาวดีบัวขาว เมื่อรู่มอบโอกาสต่อลมหายใจให้แก่เส้นทางนอกรีตของพวกเจ้า ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ไหนเลยมีโอกาสให้พวกเจ้าทำตัวโอหัง ก็เพียงชนชั้นมุสิกในท่อระบายน้ำฝูงหนึ่งเท่านั้น!” จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวกระแอมอย่างรุนแรง แต่ว่ายังคงหัวเราะฮ่าๆ กล่าว “ชนชั้นมุสิกได้แต่อาศัยในสถานที่ที่ไม่เห็นแสงอย่างมิตินอกเขตแดนไร้สิ้นสุด วันนี้ที่ตกอยู่ในมือพวกเจ้าเป็นข้าโชคไม่ดี แต่ว่าแดนสวรรค์แห่งเซียนที่ลี้ลับของโถงเซียน ไหนเลยเป็นที่ที่เจ้าสามารถบุกรุกได้?”
“ไม่ใช่ว่ามีคนบุกมาก่อนหรือ?” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างเย็นชา
จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวแค่นเสียง กล่าว “สั่วหมิงจาง ถ้าหากเขาไม่ขึ้นสู่มหาชาล ให้เขาลองมาดูอีกรอบเป็นไร”
เขากวาดมองพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “พวกเราสมัครสมานเป็นปึกแผ่น ไหนเลยแตกฉานซ่านเซ็นเช่นพวกเจ้า ให้ข้าบอกพวกเจ้าสักเรื่องเถอะ ผู้เยาว์แซ่เฮ่อนั่น เป็นเขามาเข้ากับพวกเราเอง! เขาฉลาดกว่าพวกเจ้า ทราบรู้จักออกจากเส้นทางหลงผิด ไม่เหมือนกับพวกเจ้า สุดท้ายเป็นเส้นทางตายเส้นหนึ่ง! ฮ่าๆๆๆ!”
พอฟังคำพูดเมื่อครู่ของจ้าวสวรรค์อัสนีเขียว ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม โดยเฉพาะนักพรตอวิ๋นเจิ้ง ใบหน้าเบายิ่งมืดครึ้มราวกับจะมีน้ำหยดลงมา
เยี่ยนจ้าวเกอมองจ้าวสวรรค์อัสนีเขียวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พยักหน้าราบเรียบ “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ความสงบนิ่งของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวรู้สึกเย็นเยียบกว่าเดิม เดิมทีเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ใจเริ่มขลาดเขลา เสียงหัวเราะถึงขั้นเริ่มสั่น ค่อยๆ หัวเราะไม่ออก เหลือแต่หางเสียงสายหนึ่งกลางอากาศ ดูน่าขบขันถึงขีดสุด
จ้าวสวรรค์อัสนีเขียวคิดกล่าวอะไรอีก เยี่ยนจ้าวเกอพลันเพิ่มแรงมือ บดขยี้จนเขาไม่อาจส่งเสียงได้
ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆ ต่างไม่ได้ส่งเสียง มีเพียงความเงียบงันอยู่ชั่วขณะ
“ข้าไร้ความสามารถ ฝันอยากทำให้แสงสว่างแห่งค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นอีกครั้งเพื่อสำนักเต๋าและสายเหนือพิสุทธิ์ น่าเสียดายที่ตลอดมาไม่เคยสำเร็จ” เนิ่นนานให้หลัง นักพรตอวิ๋นเจิ้งก็เอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้า “โชคดีที่สหายน้อยอวี่พบมรดกของบรมครูเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ ทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นมาใหม่ ข้ามีโอกาสได้เห็นตอนยังมีชีวิต ความปรารถนากลายเป็นจริงแล้ว”
เขาเงยหน้าถอนใจ “ข้าเป็นไม่ใช่คนพิเศษมาตลอดชีวิต การบุกเบิกมรกตท่องฟ้าในวันวาน โชคดีที่มีสหายร่วมเส้นทางทุกคนรวมพลังกัน ข้าไม่กล้าอ้างความดีความชอบ หลายปีมานี้อบรมบ่มเพาะสั่งสองวิชา ช่วยรักษาการสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ต่อไปอย่างขยันขันแข่ง ยามแก่ตัวพอหันกลับไป ในที่สุดก็มีความรู้สึกปลอบประโลมหลายส่วน ทว่า…”
เกาชิงเสวียนเอ่ยขึ้น “พี่ร่วมเส้นทางอย่าได้กล่าวเช่นนี้ เราท่านมีความเห็นต่างกันในเรื่องบางเรื่องบ่อยๆ แต่ที่แล้วมาข้าทราบถึงนิสัยของท่านดี”
“เฮ่อเหมี่ยนเป็นศิษย์ของข้า กลับทรยศสำนักเต๋า ยังก่อให้เกิดผลลัพธ์เลวร้ายเช่นนี้ ข้ามีหน้าที่ชำระสำนัก มอบคำกล่าวให้แก่ทุกท่าน” นักพรตอวิ๋นเจิ้งส่ายหน้ากล่าว
คุนหนิงจื่อยามนี้พูดขึ้น “พี่ร่วมเส้นทางต้องการชำระสำนัก ผู้เยาว์เข้าใจความรู้สึกดี แต่เกรงว่าตอนนี้จะไม่เหมาะสมจริงๆ”
“บางทีการกล่าวแบบนี้อาจไม่เหมาะไปบ้าง แต่ว่าความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ” เขาเงยหน้ามองทุกคน “ถ้าหากว่าเฮ่อเหมี่ยนเข้าไปในดินแดนของโถงเซียนจริง ไม่ทันไรพวกเราก็เกรงว่ายากจะสังหารแล้ว”
เกาชิงเสวียน หลงซิงเฉวียน เยว่เจิ้นเป่ย นักพรตอวิ๋นเจิ้งต่างปั้นสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยนตี๋เองก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
คุนหนิงจื่อถอนใจ “ขณะนี้เส้นทางนอกรีตสองเส้นทางกำลังต่อสู้กัน ดูเหมือนไม่สนใจเราจริงๆ ทว่าการลงมือในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน กับการลงมือบนดินแดนของอีกฝ่ายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นถึงแม้ว่าราชันพระอังคารจะอาละวาดบนโถงเซียน แต่เป็นเพราะแบบนี้ หลังจากครั้งนั้นอีกฝ่ายจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง วางแผนไว้อย่างรอบคอบ ไม่มอบโอกาสให้พวกเราบุกเข้าไปโดยง่าย เส้นทางนอกรีตเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะตั้งใจวางหลุมพรางไว้รอบๆ ตัวเฮ่อเหมี่ยนโดยเฉพา รอให้พวกเรากระโดดลงไป”
เขาประสานมือให้แก่นักพรตอวิ๋นเจิ้ง “ขอให้ทุกท่านใคร่ครวญให้ดี”
“แค้นของศิษย์น้องเนี่ยกับสหายร่วมเส้นทางอวี่ย่อมต้องชำระ” ไป๋เทาครั้งนี้เอ่ยขึ้น “แต่ว่าถึงอย่างไรเส้นทางนอกรีตก็มีคนมาก การลงมือบนดินแดนของพวกเขามีความเสี่ยงสูงยิ่ง สุดท้ายสมควรต้องใช้แข็งชนแข็ง ทางที่ดีพวกเราติดต่อพวกผู้อาวุโสสั่วกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ก่อน แล้วค่อยไปกดดันโถงเซียน ให้พวกเขาส่งเฮ่อเหมี่ยนออกมา ถ้าหากว่าตอนสุดท้ายต้องลงมือ เมื่อมีพวกเขาอยู่ด้วยจะสะดวกขึ้นมาก”
ในการต่อสู้ระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว ปัจจุบันโถงเซียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ถ้าหากว่ายอดฝีมือชั้นมหาชาลจากสำนักเต๋าสายหลักทั้งหมดต่างเข้าหาแดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจ ช่วยเหลือพวกเขาโจมตีโถงเซียน เช่นนั้รย่อมมีแรงกดดันต่อโถงเซียนไม่น้อย
คำแนะนำของไป๋เทาก็คือ ให้พวกเกาชิงเสวียนกับเยว่เจิ้นเป่ยรับเพลิงโทสะชั่วคราว แล้วติดต่อจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับเจ้าแม่อู๋ตัง
ทว่าข่าวที่ส่งมาล่าสุดกลับทำให้ผู้คนผิดหวัง
“เผ่าปีศาจ?” เยี่ยนตี๋ขมวดคิ้ว
เกาชิงเสวียนหลับตาไม่พูดตา นักพรตอวิ๋นเจิ้งเอ่ยอย่างแช่มช้า “มิผิด เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ละทิ้งศักดิ์ศรี ติดต่อปีศาจตนอื่น ต้องการตามหาพวกเราเพื่อแก้แค้นแทนบุตรชาย ตอนนี้พวกเจ้าแม่อู๋ตังกับราชันพระอังคารกำลังคุมเชิงกับเหล่าจอมปีศาจ ถอนตัวไม่ได้”
“ซึ่งหมายควาว่า ถ้าหากต้องไปตามหาเฮ่อเหมี่ยนที่โถงเซียน ฝ่ายเราไม่มียอดฝีมือระดับมหาชาลคอยสะกดทัพ” คุนหนิงจื่อพึมพำกับตัวเอง
เขาเงยหน้ามองเกาชิงเสวียน หลงซิงเฉวียน และเยว่เจิ้นเป่ย “ไม่ใช่ข้าต้องการเสริมกำลังใจให้แก่ฝ่ายอื่น แต่หากมีแค่คนในจักรวาลฟ้าฟื้นลงมือบุกโถงเซียน กลับไม่มีความมั่นใจจริงๆ มีแต่จะโดนกับดักของอีกฝ่ายง่ายๆ บนพื้นที่ของเส้นทางนอกรีต พวกเขาจัดสรรกำลังคนได้ง่ายดายกว่ามาก ถึงเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลเส้นทางนอกรีตจะด้อยกว่าสำนักเต๋าสายหลักของพวกเรา ทว่าที่สุดแล้วก็เป็นยอดฝีมือชั้นมหาชาลอยู่ดี พวกเราเพิ่งผ่านภัยพิบัติการคืนชีพของสามสุดยอดมาร เสียหายไม่เบา คิดจะกางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอีกยังลำบาก อีกฝ่ายอาจยังมีแดนสุขาวดีตะวันตกช่วยเหลือ ผู้ที่ต้องระวังที่สุดยังเป็นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณนั่น”
คุนหนิงจื่อกล่าวอย่างจริงใจ “ไม่ใช่ข้าขลาดเขลากลัวเกิดเรื่อง ทว่าวันนี้แค่ปกปิดตำแหน่งของจักรวาลฟ้าฟื้นไม่ให้หลุดออกไปก็พอ สักวันหนึ่งจะต้องมีวันได้ตัดหัวเฮ่อเหมี่ยน ขอให้ทุกท่านพิจารณาด้วย”
“พวกเราล้วนเป็นผู้ฝึกกระบี่” หลงซิงเฉวียนเอ่ยราบเรียบ
คุนหนิงจื่อพอฟังก็ถอนใจ
“อาจารย์ปู่น้อยหลง ผู้อาวุโสเกา อาจารย์ลุงเยว่ นักพรตอวิ๋นเจิ้ง” เยี่ยนจ้าวเกอพลันพูดขึ้น “เป็นเพราะการพังทลายของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ทุกท่านต่างได้รับบาดเจ็บ ทัพเหนื่อยล้าไม่เหมาะกับการเดินทางไกลจริงๆ”
พวกเยว่เจิ้นเป่ยพอฟัง ต่างหันไปทางเขา
“ข้าจะไปเอง” เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือออกมาชี้ที่ตัวเองอย่างสงบนิ่ง “เฮ่อเหมี่ยน ตายอย่างแน่นอน”
“ปัจจุบันศิษย์น้องเฟิงเกรงว่าจะไม่เหมาะกับการลงมือ” ไป๋เทากล่าวอย่างแช่มช้า
เยี่ยนจ้าวเกอสายหน้า “ข้าไม่คิดให้อวิ๋นเซิงลงมืออยู่แล้ว”
“เจ้าคนเดียว?” ไป๋เทางงงัน “ตอนนี้เทียบกับสถานการณ์ตอนเจ้าแอบเข้าไปในโถงเซียนไม่ได้อีกแล้ว ตอนนั้นเส้นทางนอกรีตสองเส้นทางไม่ได้เปิดสงครามกัน สถานการณ์ไม่ได้ตึงเครียด อีกฝ่ายไม่ได้มีการระวังตัวสูงมากนัก เจ้าเองมีพลังฝึกปรือต่ำจึงปะปนเข้าไปได้ สถานการณ์ในตอนนี้ ด้วยพลังฝึกปรือของเจ้า หากก้าวสู่ดินแดนของโถงเซียน อีกฝ่ายสมควรสัมผัสได้ทันที”
คุนหนิงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มหนักใจ “เส้นทางนอกรีตจะต้องซ่อนตัวเฮ่อเหมี่ยนแน่ หากไม่เจอในระยะเวลาอันสั้น ไม่ทันไรจะต้องตกสู่วงล้อม”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ข้าจะเข้าไปตรงๆ แล้วค้นหาอย่างละเอียด”
เวลาเดียวกัน ในจักรวาลฟ้าฟื้น ฟ้าเหนือฟ้า บนเขากว่างเฉิง
ด้านหลังเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่ง ติดตามไว้ด้วยหมีตัวใหญ่ยักษ์ที่มีขนสีดำสลับขาว มาถึงด้านนอกเรือนน้อยหลังหนึ่ง “ศิษย์พี่สวี ข้าทราบว่าสถานการณ์เร่งรัด ท่านอาจยังไม่มั่นคงดี แต่ครั้งนี้พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องต้องลุยด้วยกันแล้ว”