ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1503 พระพุทธแห่งตะวันตก ภาค 15 ปล่อยโซ่ทองมังกรหลุดไป
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 1503 พระพุทธแห่งตะวันตก ภาค 15 ปล่อยโซ่ทองมังกรหลุดไป
บทที่ 1503 พระพุทธแห่งตะวันตก
ภาค 15 ปล่อยโซ่ทองมังกรหลุดไป
“สายสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุด?” เกาหานทวนเงียบๆ รอบหนึ่ง ยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว สั่วมังกรอัคคีจะต้องยืนอยู่ด้านพวกเขาแน่นอน มรกตท่องฟ้ากับฟ้าเหนือฟ้าในเวลาส่วนใหญ่ร่วมรุกร่วมถอย เจ้าแม่อู๋ตังก็อาจช่วยพวกเขาด้วย”
“ต่อให้ไม่มีสหายร่วมเส้นทางสั่วกับเจ้าแม่อู๋ตัง พวกเขาก็สามารถทำให้อานุภาพของมหาเทวะเสมอฟ้าในอดีตปรากฏขึ้นมาได้อีกครั้ง แม้จะโผล่มาได้แค่ช่วงสั้นๆ ก็ทำให้คนต้องร้องอุทานแล้ว” น้ำเสียงของเขาคล้ายถอนใจคล้ายชมเชย
หลิงชิงที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสหายร่วมเส้นทางเฟิงผู้นั้นอยู่ สหายร่วมเส้นทางเกาแห่งมรกตท่องฟ้าก็ได้รับกระบี่ผนึกเซียนและค่ายกลลงทัณฑ์เซียนด้วย”
เกาหานใช้มือรองหน้าผาก “ถึงจะคาดไว้แต่แรก แต่ว่าความเร็วขนาดนี้ออกจะเร็วเกินไปแล้ว”
“ต้องรีบแจ้งให้ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ทราบ” หลิงชิงไม่ได้กล่าวต่อคำพูดของเขา เอ่ยขึ้น
เกาหานพยักหน้า “นี่ย่อมแน่นอน พวกเจ้ามรรคาต่างรู้สึกได้แล้ว”
ตอนนั้นเขาอยู่ใกล้กับพื้นที่ของโถงเซียนมาก
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบุกโถงเซียน เกาหานไม่ได้ช่วยเหลือ และไม่ได้จากไป รั้งอยู่ด้านนอกคอยมองอยู่ห่างๆ
ในตอนที่กายทองมหาเทวะทั้งสามร่างกำลังจะรวมเป็นหนึ่ง มีตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าลงมือแล้ว
ประตูเซียนกับบัวขาว บัวเขียวกับระฆังสำริดที่ตรึงกำลังกันและกัน เกาหานล้วนเป็นในสายตา
เพียงแต่แม้จะเห็น กลับไม่อาจเข้าใกล้ เหมือนกับคนในโลกธรรมดา ยืนอยู่บนพื้นมองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ทั้งๆ ที่เห็นได้กลับยากจะสัมผัสอย่างแท้จริง
หลิงชิงใคร่ครวญพลางกล่าว “ถ้าหากว่าทำให้อานุภาพของมหาเทวะเสมอฟ้าปรากฏขึ้นได้อีกครั้ง การสะกิดความสนใจของพวกเจ้ามรรคาย่อมไม่น่าประหลาด”
กายทองมหาเทวะสามร่างอาละวาดบนวังสวรรค์โถงเซียน เทวกษัตริย์ไร้ประมาณอาจไม่สนใจ
แต่พอกายทองสามร่างรวมเป็นหนึ่ง ค่อยๆ มีสภาวะมหาเทวะเสมอฟ้ามาเยือนโลกมนุษย์ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณต้องลงมือแล้ว
ประตูเซียนที่มีแสงหยกลอดออกมาบานนั้น เป็นการสะท้อนของกำลังหลักแห่งโถงเซียนเซียนผู้นี้
“บัวขาวที่ปรากฏภายหลัง เป็นพระศรีอาริย์ลงมือ” เกาหานกล่าว “ท่านย่อมหวังให้เทวกษัตริย์น้อยอาละวาดบนโถงเซียน จึงขัดขวางเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ พระอมิตาภพุทธเจ้าที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาหลายปี ครั้งนี้ถึงกับเคลื่อนไหวแล้ว”
บัวเขียวที่มาจากตะวันตก เป็นพระอามิตาภพุทธเจ้าผู้ปกครองแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกลงมือแล้ว
น่าเสียดายที่มีคู่ต่อสู้รอท่านอยู่แต่แรกเช่นกัน
“กษัตริย์บูรพา?” หลิงชิงถาม
เกาหานพยักหน้า “ไม่ผิด ระฆังสำริดขวางบัวเขียว ทำให้พระอามิตาภพุทธเจ้าไม่อาจมาได้ตามที่ต้องการ ถึงแดนสุขาวดีตะวันตกจะยังมียอดฝีมือคนอื่นๆ แต่ว่าเรื่องราวเกิดกระทันหัน กลับมาไม่ทันแล้ว”
“แม้จะทราบว่าเทวกษัตริย์น้อยได้ปลดปล่อยมหาเทวะสมอฟ้าจากใต้เขาเบญจคีรีที่แดนขวางกั้นในแดนสุขาวดีบัวขาว ทั้งได้รับประโยชน์มา แต่น่ากลัวจะคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาถึงกับยิ่งใหญ่ปานนี้” หลิงชิงขมวดคิ้ว “หรือมหาเทวะเสมอฟ้าจะสละการฝึกปรือทั้งหมดของตัวเองแล้ว”
เกาหานคล้ายนึกอันใดออก “ต่อให้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ครั้งกระโน้นมหาเทวะสเมอฟ้าเป็นพระยูไลแห่งเขาหลิงซานสะกด จะหลุดออกมาได้อย่างไร มหาเทวะเสมอฟ้าใช้วิธีอันใดหลุดจากการจองจำล้วนไม่มีใครทราบ แต่ดูจากตอนนี้ สิ่งที่เทวกษัตริย์น้อยได้มาจากใต้เขาเบญจคีรีคงยิ่งใหญ่กว่าที่คาดไว้มาก”
“มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่ได้ลงมือ เหล่าจวินเองก็ไม่ได้ลงมือ” หลิงชิงมองเกาหาน
เกาหานว่า “ความคิดของผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคา เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
หลิงชิงมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
“ข้ากล่าววาจาจากใจแล้ว” เกาหานกล่าวอย่างแช่มช้า “ถึงข้าจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ก็ตาม”
หลิงชิงเอ่ยถาม “โถงเซียนผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ บารมีได้รับความเสียหาย ยังมีแดนสุขาวดีบัวขาวต้องพัดกระพือสภาวะโจมตีรุนแรงขึ้นอีกขั้น รากฐานของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณจะต้องเจอการโยกคลอน”
นางเรียบเรียงคำพูด “เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะร่วงหล่นจากระดับมรรคา”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่กล้าฟันธงส่งเดช” เกาหานกล่าว “ต้องดูว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋มีการจัดการอย่างไร”
หลิงชิงพยักหน้าเงียบๆ มองดูความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดอันดำสนิทไกลออกไป เหม่อลอยเล็กน้อย
…
ในแดนสุขาวดีตะวันตก บัวเขียวสองดอกหล่นลง
ยุทธวิชัยพุทธะกับบุญกุศลพุทธะสองศิษย์อาจารย์กลับพุทธเกษตรตะวันตกอีกครั้ง พระพุทธเจ้าสององค์ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความท้อแท้ แต่ว่าเงียบขรึม ไม่ได้พูดอะไรกัน
แดนสุขาวดีของบุญกุศลพุทธะปรากฏความเสียหาย ท่านเข้าไปในพุทธเกษตรอีกครั้ง ค่อยๆ ซ่อมแซม
เวลานี้ ในพุทธเกษตรปรากฏบัวเขียวอีกดอกหนึ่ง บนแท่นบัวนั่งไว้ด้วยพระพุทธเจ้ากายทองที่มีความเก่าแก่ยิ่งยวดองค์หนึ่ง ราวกับว่าได้ผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วนมาถึงวันนี้
ด้านหลังศีรษะของพระพุทธเจ้าองค์นี้มีแสงพุทธที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน ราวกับดวงอาทิตย์กลมๆ กลุ่มหนึ่ง
ในแสงพุทธอันบริสุทธิ์มีตะเกียงเครื่องเคลือบใบหนึ่งตั้งอยู่ พอเห็นพระพุทธเจ้าองค์นี้ ยุทธวิชัยพุทธะกับบุญกุศลพุทธะต่างกราบกราน “นะโมะทีปังกรพุทธะ”
ผู้มาถึงกับเป็นทีปังกรพุทธะ พระพุทธเจ้ากัลป์อดีต เคยเปลี่ยนจากศาสนาพุทธเข้าสู่เต๋า กลายเป็นนักพรตหนานเติง ภายหลังกลับมายังศาสนาพุทธแดนตะวันตกอีกครั้ง
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่เกิดมาก่อนฟากฟ้า หนึ่งในพระพุทธเจ้าไม่กี่องค์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
นักพรตจุ่นถีกลายเป็นพระศากยมุณีพุทธเจ้า จากนั้นทีปังกรพุทธะก็รับช่วงต่อ เข้าสู่แดนสุขาวดีอภิรดี
ทว่าภายหลัง แดนสุขาวดีอภิรดีกลายเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีไม่กี่คนในศาสนาพุทธท่านนี้ก็เปลี่ยนไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
หลายปีมานี้ทีปังกรพุทธะไม่เคยปรากฏตัวบนแดนสุขาวดีตะวันตก น้อยครั้งจะมีข่าวหลุดออกมา พอเห็นท่านมา ยุทธวิชัยพุทธะกับบุญกุศลพุทธะก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “ท่านมาเพราะเรื่องของมหาเทวะเสมอฟ้านั่น”
“อาตมามาเพราะโถงเซียนนั่น” ทีปังกรพุทธะแย้มยิ้มพลางพูด “ถึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ แต่ว่าตอนนี้โถงเซียนยังไม่อาจล้ม”
ยุทธวิชัยพุทธะถาม “ไม่ทราบพระอาจารย์มีคำสั่งใด”
ทีปังกรพุทธะกวาดมองบุญกุศลพุทธะและยุทธวิชัยพุทธะ กล่าวอย่างอ่อนโยน “ท่านทั้งสองต้องลำบากอีกรอบ ไปยังสถานที่หนึ่ง”
พอฟังสถานที่ที่ทีปังกรพุทธะพูด บุญกุศลพุทธะก็เปล่งเสียงสรรเสริญคุณคำหนึ่ง “แต่เกรงว่าจะมีคนขวางทาง อาตมาไม่กลัว เพียงแต่กลัวทำให้เรื่องที่พระอาจารย์สั่งผิดพลาด”
“ไม่เป็นไร อาตมามีการจัดการอื่น พวกท่านเพียงสนใจเรื่องของตัวเองก็พอ” ทีปังกรพุทธะยิ้ม
ยุทธวิชัยพุทธะถาม “จะสะกิดโทสะของเหล่าจวินหรือไม่”
ทีปังกรพุทธะตอบ “หากเป็นก่อนหน้านี้ยังมีความเป็นไปได้ ตอนนี้ความเป็นไปได้น้อยมากแล้ว”
ยุทธวิชัยพุทธะใคร่ครวญครู่หนึ่ง พยักหน้าตอบ “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะไปแล้ว”
พระพุทธเจ้าสององค์ออกเดินทางทันที ผละจากแดนสุขาวดีตะวันตกอีกครั้ง
ทีปังกรพุทธะผุดกายขึ้น ออกจากพุทธเกษตรของบุญกุศลพุทธะ เคลื่อนไหวระหว่างแดนสุขาวดีตะวันตก มาถึงที่พุทธเกษตรอีกแห่งหนึ่ง
ที่นี่ไม่ได้เปี่ยมด้วยความมีปัญญา หรือมีบุญกุศลมากล้นอย่างพุทธเกษตรของบุญกุศลพุทธะ
แต่ความรู้สึกของพลังรุนแรงกว่า
นอกจากแสงพระธรรม กับความบริสุทธิ์เหมือนเครื่องเคลือบแล้ว ด้านในมีแสงสว่างห้าสีลอดออกมา!
รวงข้าวสีชาดเหมือนเปลวเพลิง แสงสีเขียวโชติช่วง ดินเหลืองหนักอึ้ง ทองขาวคมกริบ น้ำสีดำทอดยาว แสงห้าสายไม่แบ่งแยกกันและกัน ไหลเวียนไม่หยุด
ในพุทธเกษตร ส่วนในของแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี นั่งด้วยพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เห็นท่านมีศีรษะยี่สิบสี่ข้าง แขนสิบแปดข้าง แยกเป็นถือพาหุรัด กรด แจกันดอกไม้ ไส้ปลา วัชระปลุกเสก ตะไบวิเศษ กระดิ่งทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ฉัตรวิเศษ ดอกบัว ป้ายอาญา ขันบาตร หอกแหลม กระบี่หน้ากว้าง สารีริกธาตุ พระสูตร
พระพุทธเจ้าองค์นี้พอเห็นทีปังกรพุทธะมาถึงก็เพียงเลิกเปลือกตาเล็กน้อย มองดูอีกฝ่ายเข้ามาในแดนสุขาวดีของตัวเองอย่างสงบ
“สหายร่วมเส้นทาง ครั้งนี้รบกวนท่านลงมือแล้ว” ทีปังกรพุทธะยิ้ม