ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1510 ไฟสงครามดับลง
เยี่ยนจ้าวเกอแสดงความเห็นด้วยต่อการแยกแยะของเสวี่ยชูฉิง
“เมื่อเป็นแบบนี้ บางทีจักรพรรดิโกวเฉินอาจเปลี่ยนท่าทีที่เป็นมาโดยตลอด” เสวี่ยชูฉิงคาดเดาต่อ
“นี่กลับยากจะบอก พูดตอนนี้ยังเร็วไป” เยี่ยนจ้าวเกอเงยมองส่วนยอดของหอเซียนม่วงด้านบน “สภาพการณ์ในตอนนี้แตกต่างจากยี่สิบกว่าปีก่อน”
เสวี่ยชูฉิงพยักหน้าอย่างเงียบงัน
ยี่สิบกว่าปีก่อน แม้ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวจะมีการทำศึกกันครั้งหนึ่ง ทว่าตอนนั้นแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจเร้นกายอยู่หลังฉาก ไม่เคยปรากฏตัว
นับจากสงครามใหญ่เมื่อยี่สิบปีก่อน ยอดฝีมือจากแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจพากันออกเขา เข้าร่วมสงคราม ยอดฝีมือชั้นมหาชาลทั้งหลายรวมถึงจักรพรรดิโกวเฉิน เผชิญหน้าคนในเส้นทางนอกรีตนอกจากเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและพระศรีอาริย์ มีความได้เปรียบสุดขีด
ดังนั้นยามเผชิญกับกับโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีบัวขาวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พวกจักรพรรดิโกวเฉินกับเจ้าแม่อู๋ตังมีการคุกคามมหาศาล
แม้ว่าถ้าหากพวกเขาสร้างการคุกคามต่อตัวโถงเซียน ก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเปิดเผยตัวเองในสายตาของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ
ทว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์สะกดกันเอง สถานการณ์จึงไม่เหมือนเดิมแล้ว
พระศรีอาริย์ย่อมยินดีกระทำเช่นนี้
ครั้งนี้ที่เยี่ยนจ้าวเกออาละวาดบนโถงเซียน แล้วถอนตัวได้อย่างปลอดภัยเป็นข้อพิสูจน์
ทว่าตอนนี้ ยอดฝีมือของศาสนาพุทธสายหลักแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกพากันปรากฏตัว ถึงแม้จะมียอดฝีมือเผ่าปีศาจต่อสู้ด้วย ทว่ายังคงทำให้พวกจักรพรรดิโกวเฉินไม่อาจผ่อนคลายเหมือนเดิม
การคุกคามที่พวกเขามีแต่โถงเซียนลดลงมาก
ที่ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอทำสำเร็จได้ นอกจากเวลาและโอกาสเป็นใจแล้ว เหตุผลที่สำคัญมากอยู่ที่การรวมกายทองมหาเทวะสามร่างเป็นหนึ่ง แสดงร่างจริงแท้ของมหาเทวะเสมอฟ้าแข็งแกร่งเกินไป บุญกุศลพุทธะ ยุทธวิชัยพุทธะ ราชาบันดาลใจรวมกันยังไม่อาจต้านทานเขาได้
นี่เหมือนกับวิทยราชข่งซวน ต่อให้เผชิญกับการกลุ้มรุมของคู่ต่อสู้ระดับมหาชาล ต่างทำทุกอย่างได้ตามต้องการ แต่ตัวตนแบบนี้ถึงอย่างไรก็มีน้อยถึงขีดสุด
แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะแสดงร่างจริงแท้ของมหาเทวะเสมอฟ้าออกมา ก็ได้แแต่คงสภาพไว้ในระยะเวลาที่สั้นยิ่ง
ดังนั้นหากกล่าวโดยมุมมองด้านภววิสัย การคุกคามที่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าส่งผลต่อโถงเซียน ได้รับการลดทอนลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน โดยเฉพาะการสร้างความวุ่นวายของวิทยราชข่งซวน โถงเซียนดึงสถานการณ์กลับมา เก็บรวบรวมดินแดนที่เสียไปได้อย่างเหลือเฟือ พลิกจากแพ้เป็นชนะไม่พอ เส้นทางนอกรีตสองเส้นทางกำลังจะกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่คู่คี่สูสีกันอีกครั้ง
ในระยะเวลาอันสั้น หากเกิดผลลัพธ์ใครก็ทำอะไรใครไม่ได้ขึ้นก็จะพักรบกันชั่วคราว ฟื้นฟูพลัง รอคอยหรือว่าค้นหาโอกาสครั้งต่อไป
หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวต่อสู้กันมาหลายปี เดี๋ยวรบเดี๋ยวสงบ เดี๋ยวตีเดี๋ยวหยุด ระดับความรุนแรงของการศึกสงครามมีสูงสุดมีต่ำสุด เป็นแบบนี้มาโดยตลอด วนเวียนไม่หยุดพัก
ในตอนที่ไฟสงครามระหว่างสองฝ่ายไม่ได้รุนแรงเหมือนเดิม ย่อมแบ่งสมาธิมาสนใจด้านอื่นๆ มากกว่าเดิม
สำหรับสามพิสุทธิ์สายหลักแล้ว กาลเวลาย่อมไม่ผ่อนคลายเท่าตอนที่ไฟสงครามของสองฝ่ายกำลังดุเดือด
ข้อนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เยี่ยนจ้าวเกอคิดเพิ่มไพ่ตายให้แก่ตัวเอง
“ดูจากภาพรวม แดนสุขาวดีบัวขาวยังคงได้เปรียบอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
“วิทยราชข่งซวนเป็นไปได้ว่าจะลงมือแค่ครั้งนี้เท่านั้น หลังจากท่านถอนตัวแล้ว คนที่เหลือต้องพึ่งพาตัวเอง” เสวี่ยชูฉิงเข้าใจความหมายของเขา “ความเสียหายที่ราชันพระอังคารกับเจ้ามอบแก่โถงเซียนเป็นของจริง ในระยะเวลาอันสั้นสุดท้ายยังยากจะชดเชยได้”
หากนับรวมกันจากอดีตจนถึงตอนนี้ โถงเซียนมีเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลห้าคน และเซียนกำเนิดสุญญตามากกว่าสามสิบคนตายไป
เดิมจำนวนทั้งหมดก็สู้แดนสุขาวดีบัวขาวไม่ได้อยู่แล้ว ปราณกำเนิดยังเสียหายอย่างหนัก ต่อจากนี้ย่อมมีสภาวะอ่อนแอ
ตอนนี้ที่กู้สถานการณ์กลับมาได้ ล้วนพึ่งพาวิทยราชข่งซวนดึงสถานการณ์เลวร้ายกลับ แต่เป็นแค่ไฟปลอมหย่อมหนึ่งเท่านั้น
รอจนไฟปลอมสายนี้ดับมอดลง สถานการณ์ต่อจากนี้ยังคงไม่เป็นผลดีต่อโถงเซียน
แดนสุขาวดีบัวขาวย่อมไม่อยากเสียสิ่งที่ได้มาก่อนหน้าไปอีกครั้ง อย่างไรเป็ดที่ต้มสุกแล้วก็ยังบินหนีได้
ต่อจากนี้พวกเขายังต้องใช้กลยุทธ์รุกจู่โจม
เพียงแต่ไม่มีใครคาดเดาออกว่าวิทยราชข่งซวนจะลงมืออีกครั้งหรือไม่ ต่อให้ก่อนหน้านี้เป็นการแลกเปลี่ยนกัน ผู้ใดทราบบ้างว่าแดนสุขาวดีตะวันตกกับโถงเซียนมีเงินทุนพอจะจ้างให้ข่งซวนลงมือเป็นคำรบสองหรือไม่
ดังนั้นต่อให้หลังจากครั้งนี้ข่งซวนจะถอนตัว แดนสุขาวดีบัวขาวก็ต้องระวังเช่นกัน
โถงเซียนต้องรักษาสภาพตั้งรับ ถึงขั้นที่อาจจะถูกแดนสุขาวดีบัวขาวกลืนกินอาณาเขตส่วนหนึ่งอย่างช้าๆ ไม่มากก็น้อย
ทว่าต่อจากนี้ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ใดๆ การลดลงของความรุนแรงในการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายจะต้องเกิดขึ้น
การหยั่งเชิงและการสะกดจะกลายเป็นท่วงทำนองหลัก โถงเซียนต้องเก็บเนื้อเก็บตัวไปสักระยะแล้ว
สำหรับสำนักเต๋าสายหลัก ข่าวดีย่อมเป็นการที่แรงกดดันซึ่งโถงเซียนกับแดนสุขาวดีตะวันตกนำมาลดลง
ข่าวร้ายก็คือว่า ต่อให้ถูกโถงเซียนกวางล้างจักรวาลสำนักเต๋า ถึงขั้นม้วนเอาคนไป ก็ยากจะไปคิดบัญชีกับโถงเซียน
ตอนนี้อีกฝ่ายป้องกันอย่างเปิดเผย รอให้ท่านไปหาถึงที่
“ต้องเร่งมือแล้ว ถือโอกาสช่วยเหลือเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีบัวขาวไปจู่โจมโถงเซียน” เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผากของตัวเอง “ผู้อาวุโสสั่ว จักรพรรดิโกวเฉิน ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ เจ้าแม่อู๋ตัง บวกกับกายทองมหาเทวะของพวกเรา สามารถทำลายสมดุลพลังของสองฝ่ายได้มากพอ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเชิญวิทยราชข่งซวนมาอีก”
เสวี่ยชูฉิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้กับคำบ่นของเยี่ยนจ้าวเกอ “ไม่พูดถึงใต้เท้าระดับมหาชาลทั้งหลาย ตอนนี้ตัวเจ้ายังมีแรงเหลือทำศึกหรือ”
“แค่คิดดูคงได้กระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่จริงจังอยู่บ้าง “วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เมื่อครั้งกระโน้น คนพวกนี้เกรงว่าล้วนไม่หมดสิ้น พูดถึงที่สุด สุดท้ายต้องเพาะบุญคุณความแค้นขึ้นกับสำนักเต๋าสายหลักของพวกเรา แตกต่างจากตอนที่โลกซ้อนโลกให้โถงเซียนยืมมือ พร้อมกับที่พวกเรายิ่งมายิ่งแกร่ง ก็ค่อยๆ มีพื้นที่ให้เชื่อมแนวขวางประสานแนวดิ่งแล้ว”
รอยยิ้มค่อยๆ หายไปจากใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาพึมพำกับตัวเอง “แต่ว่ายังไม่พอ พวกเราต้องแข็งแกร่งกว่านี้”
“ดังนั้น เจ้าไม่ใช่คิดถึงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนแห่งเหนือพิสุทธิ์มาตลอดหรอกหรือ” เยี่ยนตี๋กับเสวี่ยชูฉิงต่างเข้าใจความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ ขณะนี้เสวี่ยชูฉิงเอ่ยเสียงเบา “สมควรบอกว่าเป็นพวกเราทุกคนต่างคิดถึงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เรื่องที่เจ้าวางแผนไว้เป็นอย่างไรแล้ว”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ อดทนรอคอยการเคลื่อนไหวทางกระบี่ผนึกเซียนเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “รอทางกระบี่ผนึกเซียนมีข่าว ก็สามารถเตรียมการขั้นต่อไปได้”
ระหว่างที่รอคอย เป็นขั้นตอนการพักผ่อนฟื้นฟูพลังของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ และเกาชิงเสวียน
หลังจากมีความมั่นใจมากพอ ค่อยเป็นเวลาและโอกาสในการเคลื่อนไหวที่แท้จริง
“ความจริงข้ากำลังคิดอยู่ว่าไม่อาจให้ทางโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวสงบสุข ต้องหาวิธีกระตุ้นสถานการณ์รบระหว่างพวกเขาใหม่ กดดันให้พวกเขาเพ่งสมาธิต่อกันและกันมากกว่านี้ จึงเป็นผลดีต่อการเคลื่อนไหวของพวกเรา” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ ไม่อย่างนั้นพวกเรายิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง อิทธิพลยิ่งมายิ่งมาก ไม่แน่ว่าจะทำให้พวกเขาสองฝ่ายระวังตัว มากดดันพวกเราพร้อมกัน กดพวกเราที่โดดเด่นอย่างยากลำบากกลับไปสู่จุดต่ำสุดอีกครั้ง”
พอฟังวาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ เสวี่ยชูฉิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าคิดจะทำอย่างไร”