ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1514 เบาะแสขั้นต้น
กระบี่พระศุกร์เข้าไปในค่ายกล กระบี่ผนึกเซียนด้านล่างสั่นไหวเล็กน้อย กระบี่พระศุกร์สั่นไหวตาม
แต่ว่าแสงสว่างของค่ายกลครอบคลุมบนกระบี่พระศุกร์ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงพิเศษ
“ดูเหมือนจะไม่ได้” หลงซิงเฉวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือต้องเป็นของวิเศษติดตัวหลังจากที่ศิษย์พี่กับสหายร่วมเส้นทางตี๋ผลักเปิดประตูเซียน”
เยี่ยนจ้าวเกอเดินวนรอบกระบี่ผนึกเซียน พิจารณาความลึกล้ำดื่มด่ำที่ไหลออกมาจากในค่ายกล
“ตอนนี้ยังไม่อาจตัดสินได้” เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญสักพัก สรุปอนุมานวิธีการทดลองของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น “ยังมีอีกวิธี อาจจะนำมาใช้ทดลองได้”
เกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนต่างสีหน้าเปลี่ยนแปลง ร้องเป็นเสียงเดียวกัน “เมฆแปลงกำเนิด?”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ถูกต้อง เมฆแปลงกำเนิด”
เขามองเกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียน “ตอนนี้บิดาพักผ่อนอยู่ในฟ้าเหนือฟ้า ยังไม่เข้าฌาน สามารถเชิญท่านมายังมรกตท่องฟ้า”
“เช่นนี้ก็ประเสริฐ” เกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนต่างพยักหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอหาวิธีติดต่อเยี่ยนตี๋ทันที จากนั้นคนทั้งสามก็สงบใจรอคอย
“นอกจากกระบี่ลวงเซียนแล้ว กระบี่วิเศษอีกเล่มก็พอจะมีเค้าลางบ้างแล้ว สามารถลองดูได้” เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้นขณะรอคอย
“อ้อ?” เกาชิงเสวียนคล้ายนึกอันใดได้ “กระบี่ลงทัณฑ์เซียนหรือ เขากว่างเฉิงเกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์กว่างเฉิงจริงๆ หรือนี่”
ในสงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ใช้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน หลังจากจบสงครามก็แยกกันตกไปอยู่ในมือของผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายหยกพิสุทธิ์สี่คน
ในนี้ชื่อจิงจื่อได้กระบี่ผนึกเซียน นักพรตอวี้ติ่งได้กระบี่ลวงเซียน
เทวกษัตริย์กว่างเฉิงซึ่งที่แล้วมาได้รับการยกย่องเป็นศิษย์เอกแห่งหยกมายา ได้กระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป
เทวกษัตริย์กว่างเฉิงหายสาบสูญมาหลายปีเหมือนกับนักพรตอวี้ติ่ง ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็มีข่าวคราวส่งออกมาน้อยมากอยู่แล้ว หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ยิ่งไร้วี่แววโดยสมบูรณ์ ไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย
ที่เกาชิงเสวียนคิดเชื่อมโยงถึงจุดนี้ เป็นเพราะว่าเขากว่างเฉิงที่เยี่ยนจ้าวเกอถือกำเนิดขึ้นมานั้น อาศัยการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์กับรอยตราพลิกนภาแห่งหยกพิสุทธิ์ที่ไม่สมบูรณ์ส่วนหนึ่งสร้างสำนักขึ้นมาบนโลกแปดพิภพเป็นครั้งแรกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
ฝ่ามือกว่างเฉิงวรยุทธ์คุ้มครองสำนักอันดับแรกสุดของเขากว่างเฉิง เป็นการกลายพันธุ์ของรอยตราพลิกนภาที่ไม่สมบูรณ์ หนำซ้ำยังถือกำเนิดจากความเข้าใจที่มีต่อคัมภีร์พลิกฟ้าของเทวกษัตริย์กว่างเฉิงด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ข้ากำลังคิดถึงกระบี่ลงทัณฑ์เซียนจิรงๆ แต่สำนักข้าไม่นับเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของบูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิง เพียงแต่บูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักได้รับวาสนามาเท่านั้น”
ว่าแล้วเยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบเศษหินก้อนหนึ่งออกมารองไว้ในมือ
เกาชิงเสวียนกับหลงซิงเฉวียนมองดูเศษหินที่รูปร่างไม่มีกฎเกณฑ์ มีเหลี่ยมมุมมากมายก้อนนั้น มองอย่างไรก็ไม่สะดุดตา แต่ด้วยความรู้และพลังฝึกปรือของพวกเขา มองปราดเดียวก็เห็นถึงความพิเศษที่อยู่ด้านใน
“ชิ้นส่วนตราพลิกนภา ของวิเศษที่เทวกษัตริย์กว่างเฉิงพกติดตัว?” หลงซิงเฉวียนกระจ่างแจ้ง
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า อธิบายว่า “ถูกต้อง ครั้งกระโน้นบูรพาจารย์ผู้ตั้งสำนักของเขากว่างเฉิงได้ชิ้นส่วนชิ้นนี้มา ศึกษาจิตในตราพลิกนภาซึ่งไม่สมบูรณ์ได้หลายส่วน กลายเป็นวิชาฝ่ามือ เปลี่ยนเป็นหนึ่งในศิลาหลักในการก่อตั้งสำนัก ตอนนั้นราชันพระอาทิตย์ลงไปอยู่บนโลกแปดพิภพชั่วคราว ตอนออกไปได้ฉวยโอกาสนำของวิเศษชิ้นนี้ไปด้วย ก่อนหน้านี้ไม่นานค่อยเป็นวัตถุคืนสู่เจ้าของเดิม”
เป็นเพราะในมือมีเบาะแสไม่ต่ำกว่าหนึ่งอย่าง เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล้าฝากความหวังไว้ที่การค้นหารวบรวมสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน เพื่อยกระดับขีดความสามารถและอิทธิพลของตัวเองผ่านการทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะมีความมั่นใจหลายส่วน ทุกอย่างก็เป็นเพียงวิมานในอากาศ
เกาชิงเสวียนเอ่ยว่า “เมื่อมีวัตถุชิ้นนี้ ก็มีความหวังที่จะตามหาเทวกษัตริย์กว่างเฉิงเจออยู่หลายส่วน”
ชิ้นส่วนตราพลิกนภามีความเกี่ยงข้องโดยตรงกับเทวกษัตริย์กว่างเฉิง ส่วนกระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็มีความเกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์กว่างเฉิงเช่นกัน มีความหวังที่จะตามหาเจอผ่านกระบี่ผนึกเซียน
เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนอยู่ด้วยกันกับกระบี่ลวงเซียนหรือไม่ยังไม่ทราบแน่ชัด ถ้าหากว่าสองฝ่ายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เช่นนั้นก็ยากจะใช้กระบี่ผนึกเซียนตามหาแล้ว
“วิชานี้หลังจากสำแดงผลสำเร็จครั้งหนึ่งแล้ว ต้องเซ่นเป็นเวลาสี่สิบเก้าปีจึงจะใช้ได้อีกครั้ง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มหนักใจ “เกือบห้าสิบปี ดังนั้นทางกระบี่ลงทัณฑ์เซียนยังไม่ต้องทดลอง ไม่อย่างนั้นเกิดสำเร็จขึ้นมา ครั้งหน้าต้องรอถึงห้าสิบปีแล้ว”
เขาหันไปมองกระบี่ผนึกเซียนในค่ายกล “ถ้าใส่ความพยายามทางกระบี่ลวงเซียนสุดๆ แล้วยังไม่มีผลลัพธ์ พวกเราค่อยพิจารณาอย่างอื่น”
หลงซิงเฉวียนพูดอย่างแช่มช้า “ไม่ผิด สองพันกว่าปีแล้วที่หาศิษย์พี่ใหญ่กับสหายร่วมเส้นทางตี๋ไม่เจอ ตอนนี้ในที่สุดก็มีความหวังหลายส่วน ต้องทดลองหลายๆ ครั้ง”
“คำกล่าวของอาจารย์ปู่น้อยถูกต้องที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เยี่ยนตี๋รุดมาถึงอย่างรวดเร็ว
อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี เดิมควรผักผ่อนต่อ ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้รบกวนเขา
ทว่าตอนนี้พอได้ยินข่าว เยี่ยนตี๋ก็มาถึงทันที
มองด้านความรักใคร่ เยี่ยนตี๋ที่ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยสัมผัสกับบิดามารดาบังเกิดเกล้า ไม่นับว่ามีความใกล้ชิดเยี่ยนซิงถางสามีภรรยาอันใด แต่ว่าก็สุดท้ายยังคงมีความรู้สึกตื้นตันและบูชา
ดังนั้นพอทราบว่ามีความหวังในการตามหาหลุมศพของเยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียน เยี่ยนตี๋ก็ละวางเรื่องรักษาอาการบาดเจ็บชั่วคราว มายังมรกตท่องฟ้าทันที
ทุกฝ่ายทักทายกันเสร็จ ก็ไม่มีพิธีรีตองมากนัก
เยี่ยนตี๋ทำตามคำชี้แนะของเยี่ยนจ้าวเกอ บนศีรษะมีกลุ่มเมฆที่ขอบพร่ามัวลอยขึ้นมา จากนั้นเมฆมงคลกลุ่มนี้ก็ค่อยๆ ลอยเข้าไปกลางค่ายกลที่กระบี่ผนึกเซียนอยู่
หลังจากเข้าไปในค่ายกลนี้แล้ว กระบี่ผนึกเซียนก็สั่นไหวเบาๆ
เมฆมงคลที่เหมือนดอกไม้เหมือนกับกลุ่มเมฆกลับคล้ายไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทว่าในตอนที่แสงของค่ายกลส่องต้องบนเมฆมงคล เมฆแปลงกำเนิดกลับพลิกม้วนขึ้น ราวกับดอกบัวดอกหนึ่งเบ่งบานไม่หยุด
ขณะเดียวกัน ยันต์กระดาษที่ติดอยู่บนด้ามกระบี่ผนึกเซียนถึงกับทำงานแล้ว!
ขณะมองดูภาพเหตุการณ์นี้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างฮึกเหิม สีหน้าฉายแววยินดี
“สั่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก เดินไปเบื้องหน้า ปล่อยให้ยันต์กระดาษลุกไหม้ ตวัดนิ้วกลางอากาศ
ครู่ต่อมา ลวดลายค่ายกลหลายสายก็เริ่มหุบเข้าหากันตรงกลาง แสงสว่างนับไม่ถ้วนทะลักเข้าไปในเปลวเไฟที่เกิดจากการลุกไหม้ของยันต์กระดาษ
เยี่ยนจ้าวเกอหยิบยันต์กระดาษว่างเปล่าใบหนึ่ง จากนั้นโยนเข้าไปในกองเพลิง
แต่ว่ายันต์กระดาษว่างเปล่าใบนี้ก็ถูกเผาไปด้วย
รอจนแสงสว่างค่อยๆ ดับลง ก็เห็นยันต์กระดาษแผ่นนั้นลอยออกมาจากในเปลวเพลิง
เยี่ยนจ้าวเกอชักมือกลับ ยันต์กระดาษใบนั้นตกลงยังกลางฝ่ามือ เขาเพ่งตามองไป เห็นบนยันต์กระดาษที่เดิมทีว่างเปล่า ยามนี้เกิดอักขระที่ลี้ลับมากมาย
ตอนนี้เมฆแปลงกำเนิดสงบนิ่งลงอีกครั้ง
กระบี่ผนึกเซียนหยุดการสั่นสะเทือน ลอยนิ่งกลางอากาศ
เยี่ยนตี๋กับเกาชิงเสวียนต่างก้าวเดินขึ้นหน้า แยกกันเก็บเมฆแปลงกำเนิดและกระบี่ผนึกเซียน จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปที่ตัวเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกับหลงซิงเฉวียน
“อย่างน้อยก็เป็นเบาะแสขั้นต้น พวกเราสามารถไปทดลองตามหาตามที่นี่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาชั่วครู่ก่อน ถึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเยี่ยนตี๋พลันรู้สึกปลาบปลื้ม
“เมื่อมีความมั่นใจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอีก” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “หลังจากพวกเราฟื้นฟูจิตใจสั่งสมความคมกล้า เตรียมการเสร็จเรียบร้อย ค่อยออกเดินทาง”
“รอมาตั้งหลายปี ไม่ต้องรีบในระยะเวลาสั้นๆ” เกาชิงเสวียนเอ่ยอย่างแช่มช้า “ด้านนอกยังมีศัตรูร้ายกาจวนเวียน พวกเราเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม มีแต่จะเกิดปัญหา”
“ต้องสร้างความวุ่นวายให้คู่ต่อสู้เหล่านั้น ให้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจพวกเรา ทางด้านนี้ข้ามีวิธีส่วนหนึ่งแล้ว บางทีอาจทดลองได้” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย