ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1516 เทวกษัตริย์มหานิมิต
ต่อหน้าอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ นักพรตไม่ได้ปิดบัง “ศิลามนุษย์กำเนิดในมือปฐมเทวะนพวิญญาณในตอนนั้นไม่ได้ตกอยู่ในมือของจักรพรรดิตงตี๋ชิงหัว แต่ว่าเป็นปฐมเทวะนพวิญญาณดูแลเองโดยตลอด กลับไม่ได้คืนให้แก่กษัตริย์บูรพา”
“เช่นนั้นเทวกษัตริย์เภรีมีข่าวของปฐมเทวะนพวิญญาณหรือไม่” อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะถาม
เทวกษัตริย์เภรีที่ลักษณะเหมือนกับนักพรตผู้นั้นตอบ “ไม่เคยมีข่าว แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเข้าเขาดาราทะเลดวงดาวของเผ่าปีศาจแล้ว”
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะสีหน้าไร้ความโศกไร้ความยินดี “ถ้าหากปฐมเทวะนพวิญญาณยังอยู่ อีกทั้งเข้าสู่เขาดาราทะเลดวงดาว เช่นนั้นเศษศิลามนุษย์กำเนิดชิ้นนั้นย่อมตกเป็นของเผ่าปีศาจแล้ว”
เทวกษัตริย์เภรีตอบ “นี่กลับไม่แน่ วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในครั้งกระโน้น สถานการณ์สับสนยิ่ง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ไม่อาจมองข้ามข่าวล่าสุด” อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะก้มศีรษะกล่าว “หากเจอร่องรอยของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด บางทีอาจเจอปฐมเทวะนพวิญญาณ เจอเศษศิลามนุษย์กำเนิด”
“ข้าเองก็มีความคิดเช่นนี้ โถงเซียนของเรามีสหายร่วมเส้นทางคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปเสาะหาแล้ว” เทวกษัตริย์เภรีสีหน้าเคร่งขรึมหลายส่วน “ความหมายของเศษศิลามนุษย์กำเนิดไม่ต้องกล่าวมากความ มารร้ายบัวขาวจะต้องสนใจแน่ พวกเขายังพอว่า หลักๆ คือด้านเขาดาราทะเลดวงดาว”
ในฐานะยอดฝีมือของโถงเซียนชั้นมหาชาล มีความรู้ไม่ธรรมดา แม้นไม่สงสัยในเส้นทางของตัวเอง แต่ก็ยอมรับความแตกต่างด้านพลังในเชิงภววิสัยระหว่างพวกเขากับศาสนาพุทธสายหลัก หรือเผ่าปีศาจ
แต่ว่าพวกเขาก็มีความคิดอื่น เช่นนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
“คอยสังเกตการเคลื่อนไหวทางเขาดาราทะเลดวงดาว ดูว่าข่าวนี้จะล่อปฐมเทวะนพวิญญาณออกมาได้หรือไม่ จะได้แยกแยะด้วยว่าเศษศิลามนุษย์กำเนิดชิ้นนั้นได้ตกไปอยู่ในมือพวกเขาหรือไม่” เทวกษัตริย์เภรีกล่าวอย่างใคร่ครวญ
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะแย้มยิ้ม ท่านทราบว่าเทวกษัตริย์เภรีต้องการให้แดนสุขาวดีตะวันตกรับผิดชอบการเคลื่อนไหวทางด้านเขาดาราทะเลดวงดาว
ที่แล้วมาล้วนจัดการอย่างนี้ อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะก็ไม่ได้ปฏิเสธ ในเมื่อครั้งนี้ท่านมาโถงเซียน เดิมเพื่อรวบรวมข้อมูล เตรียมจะเข้าร่วมอยู่แล้ว
ถ้าหากมีความจำเป็น ทีปังกรพุทธะทางด้านแดนสุขาวดีตะวันตกจะส่งพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ มาสนับสนุนช่วยเหลือ
ทว่าอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะไม่ได้รีบร้อนรับคำ กลับถามว่า “ไม่ทราบว่าสหายร่วมเส้นทางหวังผู้นั้นมีความคิดอย่างไร”
เทวกษัตริย์เภรีพอฟังก็เงียบงันชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบ “สหายร่วมเส้นทางหวังไม่ต้องการลงมือ”
ทันใดนั้นเอง เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกตำหนัก “มีพวกท่านไปหลายคนปานนี้ ข้าผู้แซ่หวังไม่ยุ่งแล้ว ข้าสนใจเรื่องอื่นมากกว่า”
คนมาไม่ถึง เสียงมาถึงก่อน เพียงแต่น้ำเสียงเกียจคร้าน เหมือนกับงัวเงีย
ในตำหนักใหญ่พลันปรากฏสำนึกความเกียจคร้านสายหนึ่ง ทำให้คนต้องการล้มตัวลงหลับใหล
แม้แต่ในจิตใจอันกระจ่างใสของอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะก็ปรากฏหมอกบางชั้นหนึ่ง จิตใจเกิดความเหนื่อยล้า
ท่านเคยเป็นหนึ่งในสามสิบห้าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีอภิรดี ยอดฝีมือผู้อาวุโสที่สำเร็จมรรคผลศาสนาพุทธในยุคไซอิ๋วโบราณตอนกลาง เป็นสักขีพยานให้แก่การหลุดพ้นของพระยูไล ภายหลังเป็นเพราะว่าพระศรีอริยเมตไตรยเปลี่ยนแปลงแดนอภิรดีศูนย์กลางเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว จึงค่อยออกจากเขาหลิงซาน มุ่งหน้าไปยังแดนสุขาวดีตะวันตก
สำหรับท่านแล้ว พระพุทธเจ้ากับเทวกษัตริย์ที่มาจากเส้นทางนอกรีตยากจะทำให้ท่านเกิดจิตกริ่งเกรง
สำหรับพระพุทะเจ้าที่ได้สำเร็จมรรคผลของศาสนาพุทธ นี่ไม่ใช่ความทะนงตน แต่เป็นความจริงเชิงภววิสัย
ทว่าเรื่องราวมากมายล้วนมีข้อยกเว้น
ใต้ฐานจำนวนคนที่มหาศาลซึ่งแทบจะคำนวนไม่ได้บนโลกนับพันนับหมื่นในแดนเซียนทั้งสามพันของโถงเซียน ย่อมให้กำเนิดบุคคลสะท้านโลกมากมาย ถึงขั้นที่เป็นอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคคนหนึ่ง
อย่างเช่นอินสือหยางในตอนนั้น
ซึ่งความเป็นจริง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้แดนสุขาวดีตะวันตกจะไม่ได้เข้าสู่ทางโลกหลายปี แต่ก็ตั้งใจเลือกสรร รวบรวมอัจฉริยะผู้ล้ำเลิศบนโถงเซียนเข้าไปชุบเลี้ยงในศาสนาพุทธสายหลัก เป็นการตอบแทนที่ได้ช่วยเหลือโถงเซียน
แต่ว่าเมล็ดพันธุ์ดีๆ ที่มีมากกว่าสุดท้ายก็เข้าสู่โถงเซียน นี่ถึงอย่างไรก็เป็นรากฐานของพวกเขา
กล่าวอย่างเป็นกลาง สำหรับอัจฉริยะเหล่านี้แล้ว พวกเขาเดินขึ้นบนเส้นทางผิดพลาดในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่ทราบ
ถึงจะสามารถพัฒนาไปอยู่ในระดับที่สูงมากได้ แต่ว่าก็เป็นการใช้พรสวรรค์อันโดดเด่นของพวกเขาโดยเปล่าประโยชน์ระดับหนึ่ง
คนเหล่านี้เข้าสู่ศาสนาพุทธหรือสำนักเต๋าสายหลัก ในสถานการณ์ที่เติบโตแบบปกติไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย ก็จะมีโชคชะตายิ่งใหญ่
เขาลูกหนึ่งยังมีเขาที่สูงกว่า ในอัจฉริยะย่อมมีคนที่เป็นอัจฉริยะกว่า
ข้อยกเว้นจำนวนน้อยนิด หากเติบโตขึ้นมา ยามเผชิญกับอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะแห่งศาสนาพุทธสายหลักในระดับเดียวกัน ความร้ายกาจก็ไม่ได้ด้อยกว่า
บุรุษที่สวมอาภรณ์เขียว มีใบหน้าง่วงเหงาซึ่งปรากฏตัวในตำหนักโอสถ ณ เวลานี้ ก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
หวังก่วนเทวกษัตริย์มหานิมิต หรือเทวกษัตริย์นิมิต
ทว่าในโถงเซียนมีพวกชอบแส่หาเรื่องยินดีเรียกเขาเป็น ‘เทวกษัตริย์ขี้เซา’ หรือ ‘เทวกษัตริย์จอมเกียจคร้าน’ ในที่ลับมากกว่า
ถึงจะดูเหมือนพึ่งพาไม่ได้ยิ่ง แต่เขาก็เป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลที่เลื่อนระดับมาใหม่เพียงหนึ่งเดียวของโถงเซียนในระยะเวลายี่สิบปีมานี้
น่าเสียดาย พอหวังก่วนย่ำทำลายภัยพิบัติฟ้ากำเนิด เลื่อนสู่ระดับมหาชาล ก็มีราชาบันดาลใจตกตายเพราะเยี่ยนจ้าวเกอทันที ทำให้เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของโถงเซียนในปัจจุบันยังคงมีแค่แปดคน
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ ครั้งกระโน้นเขาได้รับการขนานนามร่วมกับอินสือหยางเป็นคู่อัจฉริยะสะท้านยุคของโถงเซียนในยุคสมัยนั้น
ดูจากจำนวนปีที่ฝึกฝน ในฐานะเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล เขานับว่าเป็นคนหนุ่มที่มีน้อย
ถึงแม้จะเป็นเพราะว่าแสงวิเศษพลังศรัทธาช่วยฝึกฝนจึงรวดเร็วเป็นพิเศษ หากแต่ความสูงส่งของพรสวรรค์ก็ยังเป็นที่เห็นได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีสั่วหมิงจางกดทับอยู่บนศีรษะ ถึงหวังก่วนจะมาจากโถงเซียนก็น่าตกตะลึงเช่นกัน
แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาเพิ่งเลื่อนระดับได้ไม่ทันไร พลังก็ถูกจัดอยู่ในชั้นแนวหน้าท่ามกลางเทวกษัตริย์โถงเซียนทันที ต่อให้จะอยู่ต่อหน้าอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะจึงไม่สูญเสียความมั่นใจ
ด้วยการบำเพ็ญและระดับจิตใจของอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ การที่จิตใจปั่นป่วนไปในพริบตาหนึ่งก็อธิบายถึงปัญหาได้มากพอแล้ว
หวังก่วนหาวพร้อมกับเดินเข้ามาคำนับอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ
ยามนี้เทวกษัตริย์เภรีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “เรื่องอีกเรื่องที่ท่านพูดหมายถึง?”
“เศษศิลามนุษย์กำเนิดย่อมสำคัญ ปีศาจบัวขาวเป็นศัตรูของพวกเรา แต่ว่าไม่อาจมองข้ามผู้อยู่รอดของเส้นทางนอกรีต” หวังก่วนหรี่ตาพลางกล่าว “พวกเขาอาศัยโอกาสที่พวกเราต่อสู้กับปีศาจร้ายบัวขาวไม่มีเวลาสนใจรอบข้าง เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะในเวลาหลายสิบปีมานี้ พวกเขาเติบโตขึ้นจนเป็นอย่างไร นี่เป็นเพทภัยร้ายแรงแล้ว”
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะกับเทกษัตริย์เภรีไม่ได้พูดอะไร มองไปยังหวังก่วน
เทวกษัตริย์มหานิมิตผู้นี้กล่าวอย่างแช่มช้า “ฟังว่าล่าสุดพวกเขาได้กระบี่ผนึกเซียนกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เพียงแต่เป็นวิชาที่ไม่สมบูรณ์แบบ ก็ได้เปรียบถึงขีดสุดแล้ว”
“ไม่ผิด” อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะยิ้ม
ถึงแม้ว่าหวังก่วนจะไม่บอกกล่าวละเอียด แต่ว่าคนที่เสียท่าค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ไม่สมบูรณ์ ก็คือยุทธวิชัยพุทธะที่อยู่บนแดนสุขาวดีตะวันตกกับอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ
“ท่านกำลังคิดชิงยึดครองกระบี่วิเศษอีกสามเล่มที่ใช้กางค่ายกลก่อน” เทวกษัตริย์เภรีเอ่ยถาม “แต่กระบี่วิเศษสามเล่มนั้นไม่ทราบไปอยู่ไหน หรือท่านจะมีเบาะแส”
หวังก่วนเกาหัว หาวพลางกล่าว “ไม่มี แต่ว่าดูเหมือนทางปีศาจร้ายบัวขาวจะมี ข้าคอยจับตาดูพวกเขาก็พอ”
“ทางเส้นทางนอกรีตคิดจะเสริมความแข็งแกร่งต่อ การตามหาจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวเป็นวิธีหนึ่ง การตามหาสามกระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็เป็นวิธีหนึ่งเช่นกัน ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเจอกัน?”