ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1518 พบพานโอกาส
มีไม่กี่คนที่ทราบว่าปฐมเทวะนพวิญญาณจอมปีศาจที่เคยเป็นพาหนะของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด ปัจจุบันยังคงอยู่บนโลกนี้
ในอดีตเป็นมหาเทวะเผ่าปีศาจที่เดินทางไปทั่วจักรวาล โด่งดังทั่วใต้หล้า เพียงแต่ว่ารักสงบ ไม่ชอบอวดโอ่ พอถูกเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดปราบได้ ก็ยิ่งมีข่าวกระจายออกมาน้อยกว่าเดิม
หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เขาที่เร้นกายในเขาดาราทะเลดวงดาวมาโดยตลอดยิ่งทำให้โลกภายนอกยากจะตัดสินว่าเขาเป็นหรือตาย
เพียงแต่ครั้งนี้เรื่องราวเกี่ยวพันถึงเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดกับเศษศิลามนุษย์กำเนิด ปฐมเทวะนพวิญญาณจึงไม่อาจไม่ส่งข่าว
จอมปีศาจเช่นนี้ยังอยู่บนโลก หนำซ้ำอยู่บนเขาดาราทะเลดวงดาว ย่อมทำให้คนนับไม่ถ้วนหวาดวิตก
ถึงอย่างไรปีศาจตนนี้ก็เป็นหนึ่งในบุคคลระดับสุดยอดของเผ่าปีศาจ นอกจากแค่ด้านความเร็วที่สู้ไม่ได้ พลังในด้านอื่นๆ ถึงขั้นอาจยังเหนือกว่าเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
เทียบกับขุมกำลังอื่นๆ แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างแดนสุขาวดีบัวขาวกับเผ่าปีศาจใกล้ชิดกันมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย จึงรู้เรื่องมากกว่าและลึกกว่า
ผู้ยิ่งใหญ่บนแดนสุขาวดีบัวขาวระดับพระพุทธะเจ้าทราบข่าวอยู่บ้างว่า ปฐมเทวะนพวิญญาณเร้นกายอยู่ในเขาดาราทะเลดวงดาว
ดังนั้นครั้งนี้มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด แดนสุขาวดีบัวขาวก็ส่งคนไปสอบถามปฐมเทวะนพวิญญาณทันที
ขณะมองบุรุษหนุ่มที่สวมจีวร กลับไว้ผมยาวตรงหน้า พระพุทธเจ้าที่เดินทางมาไกลบนบัวขาวใบหน้าไร้ความรู้สึก ประนมมือกล่าว “ตามคำกล่าวของปฐมเทวะนพวิญญาณ ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เขาไม่ได้อยู่ที่วังบูรพาอัศจรรย์ ภายหลังกลับไปตรวจสอบ โลกสุขนิรันดร์รุ่งเรืองบูรพาพังทลาย ใต้เท้าจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวก็ไม่ทราบไปอยู่ไหน เขาไม่อาจยืนยันได้ว่าข่าวที่เจ้าแม่อู๋ตังตามหาจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวน่าเชื่อถือขนาดไหน”
โลกสุขนิรันดร์รุ่งเรือง วังบูรพาอัศจรรย์ เป็นที่อยู่สถานบำเพ็ญของจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว หรือเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด
“น่าเสียดายเศษศิลามนุษย์กำเนิดที่เดิมอยู่บนมือเขาก็ไม่มีตำแหน่งเช่นกัน” บุรุษผมยาวถอนใจคำหนึ่ง “ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวได้นำเศษศิลามนุษย์กำเนิดในมือปฐมเทวะนพวิญญาณไป เพราะสัมผัสอะไรได้ หรือว่าเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นเพราะเขา”
พระพุทธเจ้าบนบัวขาวกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เศษศิลามนุษย์กำเนิดชี้นนี้มีความสำคัญกับพวกเรามาก ขณะเดียวกันคงดึงดูดความต้องการของปีศาจร้ายโถงเซียนไปด้วย ไม่อาจมองข้าม”
“พวกท่านจัดการดีกว่า มารร้ายโถงเซียนปราณกำเนิดได้รับความเสียหาย ไม่อาจพลิกคลื่นลมรุนแรงเกินไปได้ชั่วคราว” บุรุษผมยาวว่า “ยิ่งจำเป็นต้องป้องกันเส้นทางนอกรีตสองเส้นทางนั้น แม้นว่าวิทยราชข่งซวนใช่จะลงมืออีกครั้ง แต่ไม่อาจไม่ป้องกัน”
พระพุทธเจ้าบนบัวขาวถาม “สหายร่วมเส้นทางฉวี ต่อจากนี้ท่านจะทำอย่างไร”
ฉวีซู กระบี่พุทธะรุ่นใหม่แห่งแดนสุขาวดีบัวขาว เป็นเพราะไว้ผมฝึกฝน ไม่ได้รับศีล ไม่มีฉายาพระพุทธอย่างเป็นทางการ จึงถูกเรียกว่ากระบี่หกวิถี “คำนวณตามเวลาแล้ว หลายปีก่อนหน้านี้อาจารย์แปลงกายเป็นวิถีมนุษย์ มีความเป็นไปได้ที่จะติดต่อเขาหลายส่วน ก่อนหน้านี้โจมตีมารร้ายโถงเซียน ทำศึกไม่หยุด ปัจจุบันสงครามของสองฝ่ายหยุดลงชั่วคราว ข้าต้องการตามหาอาจารย์ หวังว่าจะหาข่าวของเขาเจอ”
พอฟังเขาว่าแบบนี้ พระพุทธเจ้าที่อยู่ตรงข้ามก็เปล่งคำสรรเสริญคุณ “ถ้าหากว่ากระบี่พุทธะกลับมายังแดนสุขาวดีของพวกเราได้ เช่นนั้นย่อมประเสริฐสุด”
ฉวีซูเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ท่านอาจารย์ตามหาสี่กระบี่เหนือพิสุทธิ์เส้นทางนอกรีต มีข่าวส่งกลับมาน้อยนิด ใช่ว่าไม่มีโอกาสประสบผลร้ายมากกว่าผลดี แต่ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ถ้าสืบหาความจริงไม่ได้ ข้ายากจะสงบใจ”
“ในกระบี่วิเศษสี่เล่มที่เอาไว้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มีอยู่เล่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนโลกแล้ว” พระพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดีบัวขาวเงียบงันเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างแช่มช้า “นอกจากนี้แล้วยังมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียนนั่น เส้นทางนอกรีตเสื่อมโทรมมาหลายปี ปัจจุบันเริ่มมีสภาวะรุ่งเรือง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขัดขวางแผนการของมารร้ายเส้นทางนอกรีตอย่างต่อเนื่อง ทว่าสำหรับพวกเราแล้ว เวลาถ่วงนานไปใช่ว่าจะดี ยังต้องควบคุมเอาไว้”
พระพุทธเจ้าองค์นี้มองไปยังฉวีซู “สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนนั้น ถ้าหากว่าชิงเล่มหนึ่งมาได้ก่อนย่อมประเสริฐสุด พระอาจารย์กระบี่พุทธะครั้งกระโน้นเกรงว่าจะมีการพิจารณาเช่นนี้…”
“เช่นนั้นขึ้นอยู่กับวาสนาแล้ว” ฉวีซูพูดจบก็ลุกขึ้นยืนบนบัวขาวที่ตัวเองนั่ง ถือกระบี่ยาวไว้ในมือ “เรื่องราวอื่นๆ รบกวนทุกท่านด้วย”
อีกฝ่ายว่า “สหายร่วมเส้นทางฉวีจำเป็นต้องระวังตัวเช่นกัน อย่าได้สูญเสียความรอบคอบ ติดต่อมาบ่อยๆ ป้องกันเกิดความผิดพลาด”
เป็นเพราะเกี่ยวพันถึงผู้อาวุโสของอีกฝ่าย คำกล่าวนี้จึงค่อนข้างไม่ชัดเจนอยู่บ้าง
ซึ่งความจริงหมายถึงการกล่าวเตือนให้ฉวีซูจดจำไว้ว่า อย่าได้สูญเสียการติดต่อ ไม่ทราบเป็นตายร้ายดีอย่างกระบี่พุทธะรุ่นก่อนผู้เป็นอาจารย์ของเขา
ฉวีซูยิ้ม “ถ้าหากพวกท่านเจอตัวเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดจริงๆ หรือว่าเจอเศษศิลามนุษย์กำเนิดก้อนนั้น จำเป็นต้องต่อสู้กับปีศาจร้ายโถงเซียน ตอนนั้นไฟสงครามที่เพิ่งดับลงจะถูกจุดขึ้นอีกครา ข้าจะรุดกลับมาร่วมสงคราม ใช้พลังอันน้อยนิดเต็มที่”
นี่เป็นคำถ่อมตนอย่างแท้จริง การลงมือของเขาไม่ได้รวบรัดแค่พลังอันน้อยนิดเท่านั้น
ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่เส้นทางนอกรีตจำนวนน้อยนิดที่สามารถต้านทานยอดฝีมือระดับเดียวกันของสำนักเต๋าสายหลักกับศาสนาพุทธสายหลัก บุตรกระบี่หกวิถีฉวีซูมีความสำคัญต่อแดนสุขาวดีบัวขาวถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าหากคิดจะต่อสู้กับเขา ในสถานการณ์ปกติ ยอดฝีมือเส้นทางนอกรีตในระดับเดียวกันยากจะทำได้
เขาเลื่อนสู่มหาชาลเร็วกว่าเทวกษัตริย์มหานิมิต ครั้งกระโน้นแดนสุขาวดีบัวขาวจึงกดดันโจมตีโถงเซียนได้
ภายหลังฉวีซูได้รับบาดเจ็บ โถงเซียนค่อยโล่งอก
น่าเสียดายยังผ่อนคลายได้ไม่ทันไร เป็นเพราะว่าสั่วหมิงจางเลื่อนสู่มหาชาลอย่างกะทันหัน จึงถูกเล่นงานอย่างดุดัน
ดังนั้นแดนสุขาวดีบัวขาวฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ เริ่มสงครามใหม่ ทั้งเล่นงานจนโถงเซียนหัวหมุน สูญเสียดินแดน
ในที่สุดหลายปีมานี้มีเทวกษัตริย์มหานิมิตหวังก่วนก็เลื่อนสู่มหาชาล ต้านทานฉวีซูที่อาการบาดเจ็บฟื้นฟูแล้วได้
ผลลัพธ์เยี่ยนจ้าวเกออาละวาดบนโถงเซียน ทั้งเล่นงานโถงเซียนอย่างดุดันอีกรอบ
ทั้งหมดอาศัยการปรากฏตัวลงมือที่อยู่เหนือความคาดหมายของวิทยราชข่งซวน ฉุดรั้งคลื่นคลั่ง ในที่สุดโถงเซียนก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
สถานการณ์ในปัจจุบัน โถงเซียนกับแดนสุขาวดีมีระดับและจำนวนของยอดฝีมือระดับสุดยอดใกล้เคียงกัน จึงสะกดกันและกัน
ถ้าว่าถัดไปเล็กน้อย ยอดฝีมือของแดนสุขาวดีบัวขาวยึดครองความได้เปรียบด้านจำนวน ดังนั้นยังเป็นแดนสุขาวดีบัวขาวได้เปรียบ
ทว่าถ้าหากขาดฉวีซูที่พลังจัดอยู่ในอันดับแรกของแดนสุขาวดีบัวขาวไป สองฝ่ายเปิดสงครามกันอีกครั้ง แดนสุขาวดีบัวขาวยากจะมีความได้เปรียบมากมายอีก
พระพุทธเจ้าที่อยู่บนแดนสุขาวดีบัวขาวประนมมือเปล่งคำสรรเสริญ “นะโมอามิตาพุทธ ขอให้สหายร่วมเส้นทางสำเร็จโดยไว ต้อนรับกระบี่พุทธะกลับมา”
ว่าแล้วท่านก็นั่งบนบัวขาว บอกลาผละไป ออกจากแดนสุขวดีพุทธเกษตรของฉวีซู
ฉวีซูใช้สายตาส่งท่านจากไป มือถือกระบี่ยืนอยู่บนแท่นบัวขาวเช่นนี้ ปล่อยให้บัวขาวยกเขาออกไปด้านนอก ผละจากแดนสุขาวดีบัวขาว เข้าสู่มิติไร้สิ้นสุด
ขณะเดียวกัน ในจักรวาลฟ้าฟื้น พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็จัดแจงสัมภาระรอเดินทาง
“วิธีบังตาอาจเกิดประสิทธิผล แต่อย่างมากสุดได้แต่อำพรางหูตาคนส่วนหนึ่ง” หลงซิงเฉวียนเอ่ยอย่างแช่มช้า
“แสดงผลได้เพียงเล็กน้อยก็มีส่วนช่วยมากมายแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม
หลงซิงเฉวียนพยักหน้า “พวกเจ้าระวังตัวให้มากๆ”
เกาชิงเสวียนว่า “ไม่ต้องห่วง”
เยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ต่างพยักหน้าคำนับ จากนั้นก็บอกลาแล้วออกเดินทาง ผละจากจักรวาลฟ้าฟื้น มุ่งหน้าไปยังมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน