ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1519 กระบี่ลวงเซียน
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียน ครั้งนี้เยี่ยนตี๋จึงร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ มุ่งหน้าออกค้นหาในมิติไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
เขากว่างเฉิงในตอนนี้ ต่อให้เขากับเยี่ยนจ้าวเกอออกไปพร้อมกันก็ไม่มีเรื่องเร่งด่วนอีกแล้ว
สวีเฟยที่ตอนนี้รั้งอยู่บนเขา สามารถสะกดสำนักได้เอง ไม่เพียงแต่ใช้พลังสะกดทัพได้เท่านั้น การจัดการเรื่องราวประจำวันก็สามารถแบกภาระไว้บนไหล่ได้
เหล่าผู้อาวุโสอย่างหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่น ต่างสงบใจฝึกฝน ภารกิจทั้งหมดสามารถมอบให้สวีเฟยจัดการ
ถึงแม้ว่าในฟ้าเหนือฟ้าไม่มีผู้ใดคิดตอแยเขากว่างเฉิง ฟ้าเหนือฟ้ากับจักรพรรดิฟ้าฟื้นก็มีสถานการณ์นับว่าปลอดภัย ไม่เกิดความวุ่นวายง่ายๆ
ดังนั้นถ้าหากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษอย่างตอนที่สู้กับหมู่มารจากนพยมโลกในครั้งนั้น ฟ้าเหนือฟ้ายังคงรักษายอดฝีมือระดับสุดยอดไว้ควบคุม ป้องกันการเกิดขึ้นของสถานการณ์เหนือความคาดหมาย
โดยเฉพาะฟู่ถิง เหอซีสิง เมิ่งหวาน ซึ่งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา
ดังนั้นขอแค่สภาพการณ์อำนวย เพื่อความเหมาะสมย่อมมียอดฝีมือควบคุม
กายทองมหาเทวะสามร่างประสานกัน ปรากฏร่างที่แท้จริงของมหาเทวะ มีการสิ้นเปลืองมหาศาล หลังจากใช้ครั้งหนึ่ง ในระยะเวลาอันยาวนาน ต่างไม่อาจประสานได้อีกครั้ง
ดังนั้นสำหรับปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องให้กายทองมหาเทวะสามร่างร่วมทุกร่วมถอย เดินทางด้วยกันตลอด
ตอนนี้ถึงแม้ว่ายามสวีเฟยใช้กายทองมหาเทวะจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่เพื่อให้สะดวกในการค้นหาพวกเยี่ยนซิงถาง เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋เมื่อต่างออกเขา ย่อมให้สวีเฟยรั้งอยู่จะเหมาะสมที่สุด
อีกด้านหนึ่ง เพื่อทำให้ทางเจ้าแม่อู๋ตังกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดอำพรางหูตาคนได้มากกว่าเดิม เล่นละครแล้วต้องเล่นให้จบ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอจึงตั้งใจมุ่งหน้าไป
เมื่อมีกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งปรากฏ จะต้องยกระดับความน่าเชื่อถือของเรื่องราวมากขึ้นถึงขีดสุด ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือในขุมกำลังต่างๆ มากกว่าเดิม
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแสดงกายทองมหาเทวะ พลังมากพอจะสะกดมหาชาลเส้นทางนอกรีต ถึงขั้นที่ต้านทานพระพุทธเจ้าสายหลักหรือมหาเทวะเผ่าปีศาจ
ในระดับหนึ่งแล้ว สามารถใช้กายทองมหาเทวะดึงดูดและสะกดยอดฝีมือระดับสุดยอดจากสี่ขุมกำลังอย่างแดนสุขาวดีตะวันตก เผ่าปีศาจ แดนสุขาวดีบัวขาว และโถงเซียนได้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ผลกำไรใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่ายังจำเป็นต้องระวังความปลอดภัย ไม่อย่างนั้นหากทำตัวเองเสียหายไปด้วย เช่นนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกแล้ว
มีสวีเฟยคุ้มครอง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคอยสะกด พ่านพ่านย่อมร่วมทางกับเยี่ยนจ้าวเกอ
นอกจากนี้แล้ว ยังมีเฟิงอวิ๋นเซิงที่หล่อเลี้ยงพลังสะสมความคมกล้า ฟื้นฟูสู่สภาพสูงสุดอีกครั้งด้วย
เกาชิงเสวียนย่อมนำกระบี่ผนึกเซียนติดตัว
ครั้งนี้จักรวาลฟ้าฟื้นนับว่าแสดงความร้ายกาจบนพื้นฐานที่เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระออกมาอย่างหมดจด
รอจนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสร้างความเคลื่อนไหวก่อนก้าวหนึ่ง เพิ่มความสมจริงให้แก่ข่าวลืออีกขั้น ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายแล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ออกเดินทงอย่างเงียบๆ
ทั้งหมดเคลื่อนไหวในทะเลดาวกลางจักรวาลไม่หยุด ออกห่างไปอย่างเงียบๆ ตามการนำทางที่กระบี่ผนึกเซียนมอบให้ก่อนหน้านี้
การไปในครั้งนี้กินเวลาไม่น้อย ต่อให้ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ยังเกิดความรู้สึกเส้นทางยาวไกล ไม่ทราบปลายทาง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ความเร็วของเยี่ยนจ้าวเกอพลันลดลง คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็ค่อยๆ หยุดฝีเท้า ไม่ได้เร่งรัด มองเขาอย่างอดทน
“ตามเหตุผล สมควรอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองยันต์กระดาษในมือ ครุ่นคิดด้วยสีหน้าจริงจัง
สักพักหนึ่งเขาก็หันมาพูดกับเกาชิงเสวียน “ผู้อาวุโสเกา ข้าขอยืมใช้กระบี่ผนึกเซียนหน่อย”
เกาชิงเสวียนพยักหน้าไม่พูดอะไร ประกบสองฝ่ามือ จากนั้นกางออก กระบี่โบราณที่มีปราณสีดำแผ่พุ่ง ทำให้คนแทบต้องกลั้นหายใจเล่มหนึ่งปรากฏออกมา เป็นกระบี่ผนึกเซียน หนึ่งในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน
“สั่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไป เอายันต์กระดาษในมือของตัวเองติดลงบนด้ามกระบี่ของกระบี่ผนึกเซียน
จากนั้นเกาชิงเสวียนก็ถือกระบี่ ชี้ไปด้านหน้า ผนึกพลังไม่ปล่อยออก
เส้นสายสีดำหลายสาย กระจายถี่ยิบราวใยแมงมุม เริ่มยื่นออกไปกลางความว่างเปล่า ไม่ทันไรก็ถมเต็มจักรวาล
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ พลันตาเป็นกระกาย มองไปยังอีกด้านหนึ่ง
คนอื่นๆ ก็พากันค้นพบความผิดปกติ ต่างมองไปพร้อมกัน
เห็นจุดที่ปราณกระบี่สีดำสนิทที่เหมือนกับเส้นด้ายกระจายถี่ยิบ พลันมีสถานที่หนึ่งเปล่งแสงสีแดงเลือนราง กะพริบเป็นจังหวะ
พอถูกปราณกระบี่ผนึกเซียนกระตุ้นใหม่ ขณะที่ประกายกระบี่สีแดงก่ำกะพริบ ก็แสดงกลิ่นอายเป็นปรปักษ์หากใกล้ชิด ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าออกมา
พวกเยี่ยนจ้าวเกอพอเห็นลักษณะเช่นนี้ กลับยินดี
“…กระบี่ลวงเซียน!” เกาชิงเสวียนพึมพำกับตัวเอง “ถึงกับอยู่ที่นี่จริงๆ พวกเราผสานเบาะแสของพวกชิงเหลียนกับกระบี่ผนึกเซียนเข้าด้วยกันออกตามหา เช่นนั้นหมายความว่าตอนนั้นพวกเขาทำสำเร็จแล้ว พวกเขาหากระบี่ลวงเซียนเจอแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจเบาๆ “ถูกต้อง เกรงว่าพวกเขา…จะทำสำเร็จแล้วจริงๆ!”
กระบี่ผนึกเซียนกับกระบี่ลวงเซียน ล้วนเป็นของวิเศษที่บรมครูเทวกษัตริย์รัตนวิเศษได้ทิ้งเอาไว้ ระหว่างกันและกันแม้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ทว่าเจตจำนงกระบี่ที่แฝงอยู่ของทั้งสองกระบี่ต่างดุร้ายถึงขีดสุด ดังนั้นปฏิกิริยาที่เหมือนเป็นปรปักษ์หากใกล้ชิดกันอย่างในตอนนี้ ถือเป็นปรากกฎการณ์ปกติ
“กระบี่ลวงเซียนเล่มนี้เหมือนกับไร้เจ้าของ” เฟิงอวิ๋นเซิงสำรวจดูสักพัก กล่าวอย่างลังเล
ดังนั้นจึงถูกกระบี่ผนึกเซียนกระตุ้นจนเกิดปฏิกิริยาง่ายดายปานนี้
เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนต่างขมวดคิ้ว
“พวกเราไปดู” เยี่ยนตี๋มองจุดที่ประกายกระบี่สีแดงก่ำนั้นอยู่ ครู่ต่อมาค่อยเอ่ยขึ้น
ทุกคนไม่พูดไม่จา เกาชิงเสวียนเก็บกระบี่ผนึกเซียน ต่างเข้าใกล้ที่ที่ประกายกระบี่สีแดงก่ำอยู่
ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรู้สึกว่าไม่ปกติ
หลังจากอยู่ห่างระยะหนึ่ง ประกายกระบี่สีแดงก่ำนั้นเหมือนกับหนีออกห่างไป
ความเร็วในการถอยหลังของมัน คล้ายเท่ากับความเร็วในการเคลื่อนขึ้นไปด้านหน้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
หรือสมควรบอกว่า ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจเข้าใกล้
“พวกท่านรออยู่ที่นี่สักครู่” เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน บนร่างต่างเกิดประกายกระบี่สีแดงก่ำเหมือนกัน จากนั้นเข้าใกล้ต่อ
เมื่อเป็นแบบนี้ สองคนก็เริ่มค่อยๆ เข้าใกล้ประกายกระบี่สีแดงก่ำสายนั้นได้
ความรู้สึกแปลกประหลาดสุดขีดที่แสงสีแดงนั้นมอบให้ เหมือนยิ่งใหญ่เหนือกว่าดวงดาว แต่ก็คล้ายกระจ้อยร่อยราวกับเม็ดทราย
การเปลี่ยนแปลงของมิติเวลาที่อยู่ด้านในแปลกประหลาดเหลือแสน ดูเหมือนเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทำให้ผู้คนไม่อยากเชื่อ
เกาชิงเสวียนไม่พูดพร่ำทำเพลง แสดงกระบี่ผนึกเซียนออกมาในมืออีกครั้ง จากนั้นก็เสียบกระบี่โบราณเข้าไปในแสงสีแดงก่ำตรงหน้า
นางไม่ได้จงใจกระตุ้นพลังของกระบี่ผนึกเซียน แต่ว่าพอได้รับผลกระทบจากมัน ประกายกระบี่สีแดงก่ำก็เปลี่ยนเป็น ‘ว่าง่าย’ ขึ้นมาก
ในมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้แสงสีแดงเปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่มั่นคง โชติช่วงดุจฟากฟ้า
ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับฟ้าเหนือฟ้าหรือมรกตท่องฟ้า แต่จะต้องเหนือกว่าโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทรแน่
“นี่เหมือนกับโลกที่เป็นเอกเทศใบหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง พิจารณาซ้ายขวา
อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เยี่ยนตี๋กับเฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่ได้รับผลกระทบ เข้ามาใกล้ ยืนอยู่ตรงหน้าดวงแสงสีแดงก่ำขนาดมหึมานั้นกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเกาชิงเสวียน
ทุกคนเพ่งตามองละเอียด กลับเห็นบนปราการเขตแดนรอบนอกของโลกที่เกิดจากประกายกระบี่ลวงเซียนใบนี้เป็นลวดลายหลายสาย ไหลเวียนไม่หยุดหย่อน