ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1522 เซ่นสรวงเลือด
“สหายร่วมเส้นทางจ้าวเจิน ที่โลกน้ำพุหยกใบนี้ถูกผนึกเอาไว้ เป็นเพราะอะไรกันแน่”
ระหว่างทาง เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งสำรวจสภาพรอบๆ ทางหนึ่งสอบถาม
นักพรตจ้าวเจินตอบ “ตอนที่สองท่านเข้ามาคงจะสัมผัสได้ ว่าพลังที่ผนึกฟ้าดินแห่งนี้มาจากกระบี่ลวงเซียน หนึ่งในกระบี่สี่เล่มที่เอาไว้กางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก่อนหน้านี้เป็นบูรพาจารย์อวี้ติ่งของสำนักเราถือครองมาโดยตลอด”
เขาถอนใจคำหนึ่ง “พูดไปก็น่าละอาย ถึงแม้กระบี่เล่มนี้จะอยู่บนโลกน้ำพุหยก แต่ว่าพวกเราไม่อาจควบคุม กลับกลายเป็นกรงขังของฟ้าดินแห่งนี้ ขังพวกเราไว้ที่นี่”
“ไม่ทราบว่าปัจจุบันอวี้ติ่งจินหยินอยู่ที่ไหน” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ที่นี่ไฉนจึงถูกกระบี่ลวงเซียนผนึก”
นักพรตจ้าวเจินสีหน้าหม่นหมองอยู่บ้าง “บูรพาจารย์อวี้ติ๋งนั่งมรณะไปแล้ว”
“อ้อ?” สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ต่างมองมาทางเขา
นักพรตจ้าวเจินพยักหน้าตอบ “หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ บูรพาจารย์อวี้ติ่งมาถึงโลกน้ำพุหยก ตอนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว หลังจากเจ็ดวันก็นั่งมรณะ เหลือเพียงซากศพ อยู่บนเขาเมฆทองนั่นเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “พวกเราพ่อลูกฝึกวรยุทธ์ แม้นว่าจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของบูรพาจารย์อวี้ติ่งเหมือนท่านปู่ แต่ในฐานะผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักเหมือนกัน สุสานของบูรพาจารย์อวี้ติ่งยังต้องไปกราบไหว้”
“นั่นย่อมแน่นอน” นักพรตจ้าวเจินพยักหน้า นำเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋มุ่งหน้าไปทางตะวันตกต่อ
เพราะเหาะเหินด้วยพลังฝึกปรือของพวกเขา ไม่นานเท่าไรตรงหน้าก็ปรากฏยอดเขาสูงลูกหนึ่ง
ยอดเขานั้นเป็นสีทองละลานตา เหมือนกับครอบคลุมด้วยหมอกเมฆชั้นหนึ่ง เพียงแต่ปราณวิญญาณของสถานที่แห่งนี้กลับไม่ได้รุนแรงเต็มเปี่ยมเท่าที่ที่ได้พบกับพวกนักพรตชิงจางเมื่อครู่
ที่นี่โดยรวมแล้วไม่มีตรงไหนผิดแผก หากพูดให้ถูกต้อง ปราณวิญญาณญาณยังมีการขาดแคลน จนเกิดสภาพเสื่อมโทรมล่มสลาย
‘ถ้ำเมฆทองบนเขาน้ำพุหยก นี่เป็นชื่อนิวาสถานที่บำเพ็ญในอดีตของอวี้ติ่งจินหยิน’ เยี่ยนจ้าวเกอพูดในใจ ‘เขาวิญญาณที่ตั้งชื่อว่าเมฆทองในโลกน้ำพุหยกใบนี้กลับขาดแคลนปราณวิญญาณขนาดนี้เลยหรือ’
หนำซ้ำ ด้วยความเข้าใจที่เยี่ยนจ้าวเกอมีต่อวัฏจักรเส้นสายปราณวิญญาณของฟ้าดินแห่งนี้ สถานที่ใกล้ๆ ภูเขาเมฆทอง บางทีสมควรเป็นสถานที่ที่ปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมมากที่สุดในโลกน้ำพุหยก
สภาพผิดปกติในตอนนี้ เกรงว่าจะเกิดขึ้นเพราะกระบี่ลวงเซียน…
ถึงจะตกมาอยู่ในการควบคุมของคนในสำนักหยกพิสุทธิ์ แต่นั่นถึงอย่างไรก็เป็นตัวตนที่เป็นของล้ำค่าสายเหนือพิสุทธิ์ และเป็นตัวแทนเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายที่สุดในฟ้าดิน เต็มไปด้วยคุณสมบัติทำลายล้าง
สองอย่างพอรวมกันก็ส่งผลต่อเส้นสายปราณวิญญาณบนโลกน้ำพุหยกใบนี้ ทำลายโครงสร้างสภาพภูมิศาสตร์ของเขาเมฆทอง
ถึงตอนนี้จะสัมผัสตัวตนอย่างกระบี่ลวงเซียนแถวๆ ภูเขาเมฆทองไม่ได้ แต่นั่นสมควรถูกอำพรางไว้ในปราณวิญญาณของโลกน้ำพุหยก
พลังของกระบี่โบราณกำลังคงสภาพการผนึก
“ไม่ทราบบิดามารดาอยู่ที่ใด” เยี่ยนตี๋ถาม
นักพรตจ้าวเจินชี้เขาเมฆทอง “อยู่ในเขา สองท่านโปรดตามข้ามา” ว่าแล้วเขาก็นำหน้า ลอยลงไปบนเขา ที่หมายไม่ได้อยู่ที่ยอดเขา แต่ว่าบินไปยังด้านในหุบเขาระหว่างขุนเขา
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ติดตามอยู่ด้านหลัง เข้าไปในหุบเขาด้วยกัน
ในหุบเขามีอารามเต๋าแห่งหนึ่ง มองไปดูเก่าเล็กน้อย แต่ว่าสะอาดยิ่ง
“ผู้อาวุโสเยี่ยนกับผู้อาวุโสตี๋เหมือนออกไปด้านนอกแล้ว” นักพรตจ้าวเจินวนดูในอารามเต๋า ไม่เห็นคนก็กล่าวขึ้น “ทั้งสองท่านจะรอที่นี่สักพักได้หรือไม่ ข้าออกไปหาดู”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สบตากัน “ข้าไปช่วยตามหา สหายร่วมเส้นทางจ้าวไม่ถือสากระมัง”
นักพรตจ้าวเจินตอบ “ย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”
เยี่ยนตี๋ผงกศีรษะ “เจ้าไปกับสหายร่วมเส้นทางจ้าวเจินเถอะ ข้าจะรออยู่ที่นี่”
เขามองรอบๆ อารามเต๋า เหมือนกำลังมองหาร่องรอยการใช้ชีวิตของบิดามารดา
“พวกเราไปเถอะ” เยี่ยนจ้าวเกอออกจากอารามเต๋าพร้อมกับนักพรตจ้าวเจิน เดินอยู่ระหว่างขุนเขา “ไม่ทราบหลุมศพของบูรพาจารย์อวี้ติ่งอยู่ที่ใด พวกเขาสองคนจะไปยังที่นั่นหรือไม่”
นักพรตจ้าวเจินพยักหน้า “มีความเป็นไปได้นี้ พวกเราไปดูที่นั่นแล้วกัน โปรดตามข้ามา”
คนทั้งสองหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง เดินไปยังสันเขา
บนเขาปรากฏถ้ำหิน นักพรตจ้าวเจินว่า “ถึงแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีคนอยู่”
“ที่นี่เป็นที่ที่บูรพาจารย์อวี้ติ่งนั่งมรณะหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
“ไม่ผิด แต่ว่าซากสังขารของบูรพาจารย์ไม่ได้อยู่ที่นี่” นักพรตจ้าวเจินทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งเข้าไปในถ้ำ “ซากสังขารของบูรพาจารย์กลายเป็นส่วนหนึ่งของตราผนึก…”
เสียงไม่ทันขาดลง สภาพการณ์พลันเปลี่ยนแปลง
จู่ๆ ก็มีแสงสีแดงหลายสาดจากเหนือเขาเมฆทองสาดลงมา
รอบภูเขามีเสาแสงหลายต้นลอยขึ้น กอปรกันเป็นสภาวะค่ายกลขนาดมึหมา ประสานกับแสงสีแดงที่พุ่งลงมาจากในอากาศด้านบนอย่างกะทันหัน กลายเป็นกรงขังขนาดใหญ่โต
กลิ่นอายที่แปลกประหลาดและงดงามแผ่กระจายไปรอบๆ
ในนี้แฝงกลิ่นอายเจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายสุดขีดของกระบี่ลวงเซียน และแฝงพลังอันลี้ลับอย่างอื่น
กรงขังขนาดใหญ่โตสะกดเขาเมฆทองทั้งเขา ส่งผลต่อคนด้านในเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอบนร่างเหมือนถูกน้ำหนักไร้รูปร่างกดทับ ทำให้พลังทั้งหมดของเขาเกิดความรู้สึกยากจะใช้ออก
‘ฝืนดึงพลังของตราผนึกหลายส่วนมารวมกันไว้ที่จุดเดียวหรือ’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว มองนักพรตจ้าวเจิน กลับเห็นอีกฝ่ายอยู่ในถ้ำบนเขา ถึงกับแบ่งแยกกับแสงสีแดง ไม่ได้รับการสะกด
“สามีภรรยาปู่ย่าของท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของตราผนึกนี้เหมือนกับซากสังขารของบูรพาจารย์อวี้ติ่งเช่นกัน” ยามนี้นักพรตจ้าวเจินหมุนตัวมา มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้ไปที่ด้านบน “พวกเขาอยู่ที่นี่จริงๆ เพียงแต่พวกท่านพบไม่ได้แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ตอบ แบกน้ำหนักที่แสงสีแดงนำมา เดินไปยังถ้ำ
ในถ้ำกลับมีแสงสีทองส่องขึ้น ขณะที่แบ่งแยกแสงสีแดง ก็ห้ามไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใกล้
เวลานี้เห็นเงาร่างของนักพรตชิงจางกับเหยาอวิ๋นเฉิงเดินออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ
“อย่าได้โทษพวกเรา ตอนนั้นเป็นบาปที่เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนสร้างขึ้น ใช้กระบี่ลวงเซียนผนึกโลกน้ำพุหยกของพวกเราสองพันปี ทำให้พวกเราไม่เป็นอิสระ” นักพรตชิงจางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “พวกเราไม่อาจอดทนต่อไปได้แล้ว เดิมทีวางแผนเสี่ยงตายในอีกไม่กี่วัน หวังว่าจะเข่นฆ่าออกไปได้ เพียงแต่ตราผนึกแกร่งเกินไป พวกเราถึงแม้วางแผนมาหลายปี ยังไม่มีความมั่นใจ กลับเป็นพวกท่านพ่อลูกมาที่นี่ ทำให้พวกเรามีความหวัง! เยี่ยนจ้าวเกอกับตี๋ชิงเหลียนในตอนนั้นเซ่นสรวงเลือดใช้กระบี่ลวงเซียนวางตราผนึก วันนี้เซ่นสรวงเลือดสายเลือดสายตรงของพวกเขาทำลายผนึก เหตุผลวนเวียน กรรมตามสนองจริงๆ”
ถึงแม้จะมีแสงสีทองบนร่าง แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ลนลาน กลับมองนักพรตชิงจางด้วยความขบขันอยู่บ้าง “ทำถึงขั้นนี้เชียวหรือ พวกท่านไม่ถามหรือว่าพวกเรามีวิธีการแก้ไขตราผนึกออกไปหรือไม่ แม้แต่โอกาสทดลองก็ไม่มอบให้พวกเรา”
เขาพิจารณานักพรตชิงจางทั้งสาม “เพื่อบุญคุณความแค้นที่ถูกผนึกตรา หรือเพื่อกระบี่ลวงเซียน”
เหยาอวิ๋นเฉิงสีหน้าขุ่นแค้นอยู่บ้าง
นักพรตจ้าวเจินใบหน้าฉายแววซับซ้อน
ส่วนนักพรตชิงจางมองเยี่ยนจ้าวเกอปราดหนึ่ง สีหน้าปรากฏความอิดโรยและอ้างว้างอยู่บ้าง ส่ายหน้าเล็กน้อย “มีเรื่องบางเรื่องที่ท่านจัดการไม่ได้”
ระหว่างที่พูด แสงสีแดงซึ่งครอบคลุมเขาเมฆทองยิ่งมายิ่งร้อนแรง ยิ่งมายิ่งดุร้าย
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่า สารจำเป็น ลมปราณ และจิตใจของตัวเอง ถึงกับไม่มั่นคง จากร่างไปถึงวิญญาณ จากในไปถึงนอก จากลวงไปถึงความจริง ต่างเกิดความรู้สึกแสบร้อน