ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1526 สะกดพระพุทธเจ้า
เยี่ยนซิงถาง ตี๋ชิงเหลียน
คนสองคนที่ผู้คนยอมรับว่ามีพรสวรรค์และระดับวิชากระบี่สูงส่งที่สุด ท่ามกลางจอมยุทธ์รุ่นใหม่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของสำนักเต๋าสายหลัก ในยุคสมัยของพวกเขา เรียกได้ว่าเป็นคู่อัจฉริยะสะท้านยุคแห่งมรรคากระบี่
ต่อจากเยี่ยนซิงถาง ตี๋ชิงเหลียนต่อสู้กับกระบี่พุทธะผู้เป็นยอดฝีมือมรรคากระบี่ในยุคก่อน และได้บุกเบิกการสืบทอดมรรคากระบี่ของศาสนาพุทธ
ผลลัพธ์คือพูดถึงแค่วิชากระบี่ ตี๋ชิงเหลียนไม่ด้อยกว่าผู้เป็นสามี ใช้กระบี่สะท้านโลกสยบกระบี่พุทธะเช่นกัน
สามีภรรยาสับกันประลองกับกระบี่พุทธะ ต่อสู้กันนับร้อยนับพันรอบ ดำเนินอยู่หลายปี
ทุกๆ ครั้งที่ประกระบี่ เว้นระยะเวลาไม่เท่ากัน
อาจเป็นหลังไม่กี่ชั่วลมหายใจ สงครามครั้งถัดไปก็เกิดขึ้น และอาจเป็นหลายวัน หลายสิบวัน หรือแม้แต่หนึ่งปีสองปีค่อยประลองกันใหม่
กระบี่พุทธะผนึกโลกน้ำพุหยก ผู้อยู่ด้านในและด้านนอกไม่อาจเข้าออก ไม่อาจส่งข่าว
เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนสามีภรรยาเอาชนะได้ การประลองยังคงดำเนินต่อ แต่ถ้าพ่ายแพ้ ทุกๆ คนและกระบี่ลวงเซียนจะถูกนำไปแดนสุขาวดีบัวขาว
สุดท้ายสงครามครั้งนี้สู้กันมานาน เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนก็เอาชนะมาได้ตลอด
คัมภีร์กระบี่สังสารวัฏของกระบี่พุทธะมีการเปลี่ยนแปลงอันยอดเยี่ยม ล้วนถูกเยี่ยนซิงถางสามีภรรยาแก้ไขได้หมด ท่านจำเป็นต้องขบคิด ผลักสิ่งเก่าสร้างสิ่งใหม่ไม่หยุด
วิชากระบี่อันยอดเยี่ยมมากมายของเยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนก็ถูกกระบี่พุทธะแก้ไขอย่างต่อเนื่อง สองสามีภรรยาพัฒนาขึ้นไปอีก เหมือนไม้ไผ่ร้อยปล้องยาวขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
แต่ทำศึกมาหลายพันหลายร้อยรอบ เยี่ยนซิงถางกับตี๋ชิงเหลียนไม่มีครั้งใดไม่ชนะ พวกเขาเหมือนกับหินลับกระบี่ของกระบี่พุทธะ แต่ว่ากระบี่พุทธะก็ขัดเกลาพวกเขาเช่นกัน พวกเขามีพัฒนาการสูงส่งและเร็วยิ่งกว่ากระบี่พุทธะ ท้ายที่สุดเหมือนเขาสูงที่ทำให้ผู้คนสิ้นหวัง พาดขวางอยู่กลางใจของกระบี่พุทธะ
“พวกเรามองดูเพียงภายนอก ก็รู้สึกได้ประโยชน์มากมายแล้ว” ถงซินหลินมองนักพรตชิงจาง ถอนใจกล่าว “เพียงแต่ความลี้ลับที่มากมายยิ่งกว่า พวกเราอย่าว่าแต่ทำความเข้าใจขบคิด ถึงขั้นมองยังมองไม่ออก”
นางกล่าวอย่างเหม่อลอย “ขณะมองสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางตี๋ ทำให้คนอยากจะหักกระบี่ทิ้ง เริ่มกักตัว ไม่ร่ำเรียนมรรคากระบี่อีก”
นักพรตชิงจางหลับสองตา เงียบงันไร้วาจา
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ฟังอย่างสงบนิ่ง หวนนึกถึกท่วงทำนองในอดีตของเยี่ยนซิงถางและตี๋ชิงเหลียน ไร้วาจาชั่วขณะ
ครู่ต่อมา จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็หลุดมาจากอารมณ์ความรู้สึกรำลึกถึงคนรุ่นก่อน ถามว่า “ท่านปู่คนเดียวก็เอาชนะกระบี่พุทธะได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้อีกฝ่ายต้องสู้ต่อไป ไม่นำพวกท่านกลับแดนสุขาวดีบัวขาว แม้ท่านย่าจะเป็นมือกระบี่ที่ชอบเอาชนะเหมือนกัน แต่ถ้าหากว่านางไม่อาจทำให้กระบี่พุทธะอับอายถอยกลับได้ คงไม่ถึงกับช่วงชิงความคมกล้าของท่านปู่”
พระพุทธเจ้าระดับมหาชาลที่ยิ่งใหญ่ ต่อให้เพียงเปรียบแค่วิชากระบี่ พ่ายแพ้แก่เซียนลี้ลับ ตามปกติคงไม่มีหน้าพัวพันต่อไปแล้ว
แต่ว่ากระบี่พุทธะที่แปลงกายเป็นวิถีอสูร กลับไม่ได้คิดอย่างนี้แม้แต่นิดเดียว
“ต่อสู้ไปรอบหนึ่งอาจเป็นแค่เห็นการล่าสัตว์จิตใจเบิกบาน แต่ว่าการลงมือแทนท่านปู่ ประลองกับกระบี่พุทธะมาตลอด เกรงว่าจะมีแผนการอื่น” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
ถงซินหลินพยักหน้า “สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางตี๋ผลัดกันออกศึก คนหนึ่งดึงดูดความสนใจของกระบี่พุทธะ ประกระบี่กับท่าน อีกคนหนึ่งวางแผนกับพวกเราในที่ลับ…”
นางเงยหน้ามองฟากฟ้า “…ตระเตรียมผนึกตรา”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋มองกันเงียบๆ
“คิดเซ่นสรวงซากสังขารของบูรพาจารย์กับกระบี่ลวงเซียน กลับไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถทำได้ ไม่เพียงแต่ดูระดับพลังฝึกปรือ ยังต้องดูความเข้าใจต่อมหามรรคาด้วย” ถงซินหลินกล่าวอย่างสะท้อนใจ “ผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย เป็นสหายร่วมเส้นทางเยี่ยนเซ่นสรวงเลือดให้แก่ซากสังขารของบูรพาจารย์ สหายร่วมเส้นทางตี๋เซ่นสรวงเลือดแก่กระบี่ลวงเซียน”
ค่าตอบแทนอันแสนทารุณไม่ได้เสียเปล่า เซียนลี้ลับสงบนิ่งสองคนอาศัยซากสังขารของอวี้ติ่งจินหยินกับกระบี่ลวงเซียน ผนึกพระพุทธะระดับมหาชาลคนหนึ่งสำเร็จ
“ตอนนั้นสหายร่วมเส้นทางทั้งสองจากไปอย่างผ่าเผยไร้ความเกรงกลัว ตอนยังอยู่เพียงห่วงเรื่องเรื่องหนึ่ง นั่นคือได้ทิ้งบุตรคนหนึ่งในห่อผ้า ไม่อาจวางใจได้” ถงซินหลินมองเยี่ยนตี๋ จากนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ รำพึงรำพัน “วันนี้ได้พบพวกท่าน พวกเขาสองคนไร้ความเสียดายแล้ว น่าเสียดายที่ตราผนึกซึ่งสะกดกระบี่พุทธะนี้อยู่เหนือความคาดหมาย ขยายจนครอบคลุมโลกน้ำพุหยก ผนึกโลกใบนี้ไว้ทั้งใบ พวกเราออกไปไม่ได้ ส่งข่าวออกไปไม่ได้ ติดต่อพวกท่านไม่ได้”
ถงซินหลินถอนใจ “สุดท้ายพวกท่านมาตามหาครอบครัว กลับทำให้พวกท่านถูกขังอยู่ในนี้เช่นกัน”
“ท่านเป็นห่วงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า จากนั้นหันไปมองพวกนักพรตชิงจางซึ่งถูกตนเสียบกระบี่ติดกับพื้นและจับไว้ในมือ “ดังนั้น พวกท่านทั้งสามเป็นอะไรกัน มีความแค้นกับท่านปู่หรือว่าท่านย่า หรือคิดจะเข้ากับศาสนาพุทธเส้นทางนอกรีต”
เยี่ยนจ้าวเกอพินิจนักพรตชิงจางอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านเป็นคนที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่กระมัง”
ตั้งแต่วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จนถึงวันนี้ ผ่านไปนานแสนนาน
ผู้ที่เป็นคนซึ่งอยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ รอดชีวิตผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งเยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยก็อย่างเช่น ราชันพระอาทิตย์เกาหาน ราชันพระจันทร์หลิงชิง ราชันพระเสาร์เจี่ยงเซิ่น
ถ้าหากพวกเขาไม่อาจเลื่อนสู่ระดับห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด หรือว่าเซียนลี้ลับ เช่นนั้นตอนนี้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการก้าวสู่ช่วงชราของชีวิต
นอกเสียจากว่าจะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่การไหลของเวลาเชื่องช้าถึงขีดสุด
สมมติว่าก่อนหน้านี้อายุขัยของตนลดลงเพราะอุบัติเหตุ เช่นนั้นอายุขัยก็ยิ่งสั้นลง ถึงขั้นเดินมาถึงปลายทางแล้ว
ด้วยการสังเกตของเยี่ยนจ้าวเกอ อายุของนักพรตชิงจางซึ่งเป็นคนที่อยู่มาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อาจจะแก่กว่าพวกเจี่ยงเซิ่นกับเกาหาน ดังนั้นเขาในตอนนี้ความจริงแก่ชรา อายุขัยมาถึงแล้ว
ถ้าหากไม่อาจก้าวหน้าขึ้นอีกก้าว วันที่ความตายจะมาเยือนก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
“ข้ารอต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ” ยามนี้นักพรตชิงจางในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้น “ด้วยสิ่งที่ข้าร่ำเรียนมา ปัจจุบันระดับพลังฝึกปรือถึงจุดสูงสุด ยากจะก้าวต่อไปได้อีก ถึงจะไม่อยากเป็นคนที่ลืมเลือนบรรพบุรุษ แต่ว่าถ้าหากพัฒนาขึ้นได้อีกก้าว ต่อให้ต้องละทิ้งเต๋าเข้าสู่พุทธ ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือก”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอพ่อลูก “คนหนุ่มที่เส้นทางอนาคตไร้สิ้นสุดอย่างพวกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะเดินสู่ขีดจำกัดของตัวเองจริงๆ ไม่มีทางเข้าใจพวกข้าหรอก”
ในดวงตาที่เหยาอวิ๋นเฉิงมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋ มีความแค้นเคืองเข้มข้นกว่า “ผู้อาวุโสของพวกท่านผนึกกระบี่พุทธะ กลับผนึกโลกน้ำพุหยกไปด้วย ทุกคนออกไปไม่ได้”
“ครั้งกระโน้นอาจารย์ต้องการเลื่อนระดับ เพียงขาดของวิเศษอย่างหนึ่ง จำเป็นต้องไปค้นหาด้านนอก กลับไร้หนทางไม่อาจได้มา ได้แต่มองดูอายุขัยของตัวเองสิ้นสุดอยู่เฉยๆ” เหยาอวิ๋นเฉิงกล่าวเสียงเคียดแค้น “สุดท้ายอาจารย์ถูกกดดันจนไม่อาจไม่กระทำ ฝืนฝ่าภัยพิบัติปฐมลี้ลับ ตกตายเพราะภัยพิบัติ ทุกอย่างล้วนเป็นผู้อาวุโสของพวกท่านประทานให้!”
ถงซินหลินตวาด “หุบปาก!”
นางมองเหยาอวิ๋นเฉิง “ท่านถึงไม่ได้ประสบเรื่องราวในวันนั้นด้วยตัวเอง แต่ว่าอาจารย์ท่านกับชิงจางก็สมควรบอกต่อท่านว่า ถ้าตอนนั้นไม่ใช่สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนกับตี๋สละชีวิตของตัวเอง โลกน้ำพุหยกนี้คงกลายเป็นดินแดนร้างไปเมื่อสองพันกว่าปี ทุกคนต่างตกตายหมดสิ้นแล้ว!”
กว่างทงจื่อถอนใจคำหนึ่ง “กระบี่พุทธะแพ้ภายใต้กระบี่ของสองผู้อาวุโสครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่ยอมจากไป แม้นว่าจะใช้ชีวิตของคนทั้งหมดบนโลกน้ำพุหยกเป็นเดิมพัน ต่อให้แพ้แล้วแพ้อีก กลับไม่เคยทำร้ายชีวิตคนจริงๆ ทว่า…”
“ทว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป สถานการณ์ของท่านยิ่งมายิ่งไม่ถูกต้อง” ถงซินหลิงสีหน้าเคร่งขรึม