ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1530 กระบี่สังสารวัฏหกวิถี
หลวงจีนหนุ่มที่ปรากฏต่อหน้าผู้คน นั่งอยู่เหนือบัวขาว สวมจีวรหากแต่ไว้ผม คนบนโลกน้ำพุหยกรู้สึกค่อนข้างแปลกหน้า
แต่สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ บางทียังคุ้นเคยยิ่งกว่ากระบี่พุทธะรุ่นก่อนอีก
ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถี ลูกศิษย์ผู้สืบทอดกระแสตรงของกระบี่พุทธะรุ่นก่อน ทั้งเรียกได้ว่าเป็นกระบี่พุทธะรุ่นใหม่!
หนึ่งในตัวตนระดับสุดยอดท่ามกลางยอดฝีมือระดับพระพุทธเจ้าบนแดนสุขาวดีบัวขาวในปัจจุบัน สามารถต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นมหาชาลของศาสนาพุทธสายหลักได้
“อาจารย์ ท่านปลอดภัยไร้เรื่องราวย่อมประเสริฐ” หลังจากฉวีซูปรากฏตัว ก็ลุกขึ้นจากบัวขาว ประนมมือไหว้กระบี่พุทธะ “ศิษย์มาช้าหลายพันปี บาปกรรมๆ”
ขณะที่พูด กระบี่ก็ออกจากฝัก ประกายกระบี่หกสีสาดขึ้น ลักษณะเหมือนกงล้อ
ประกายกระบี่หมุนวน มิติเวลาเหมือนกับบิดเบี้ยว การดำรงอยู่ของวัตถุเรื่องราวที่ตอนแรกมีรูปร่างต่างเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าล่องลอย ทะลักเข้าไปในประกายกระบี่ตามการหมุนวนของประกายกระบี่
เกาชิงเสวียนขมวดคิ้ว มือถือกระบี่ผนึกเซียนส่งไปด้านหน้า เส้นอากาศสีดำหลายสายวนเวียน
แม้ว่ากระบี่ผนึกเซียนดุร้าย แต่ว่าพอถูกฉวีซูใช้ประกายกระบี่ดูดไว้ เกาชิงเสวียนพลันเลอะเลือนชั่วขณะ ตรงหน้านางเหมือนกับปรากฏโลกลวงตา มีแต่แสงพิลึกกึกกือ
สังสารวัฏหกวิถีปรากฏหมดสิ้น เกาชิงเสวียนรู้สึกว่าตนเหมือนจะลอยเข้าไปในวิถีหนึ่งในนี้
ที่นั่นดำขลับ กลิ่นคาวเลือดและความดุร้าย ทำให้จิตใจคนเกิดความคลุ้มคลั่งกระหายเลือด ต้องการทำลายทุกสิ่ง
ถึงกับเป็นวิถีนรก
“กระบี่พุทธะรุ่นใหม่ผู้เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า…” เกาชิงเสวียนควบคุมจิตใจ พยายามปรับวิญญาณของตัวเองให้มั่นคง
ถึงการฝึกปรือมรรคากระบี่ในพุทธศาสนาของฉวีซูบุตรกระบี่จะเรียนมาจากกระบี่พุทธะรุ่นก่อน แต่กลับสร้างฟ้าดินแห่งใหม่บนพื้นฐานคัมภีร์สังสารวัฏของกระบี่พุทธะ
เทียบกับที่กระบี่พุทธะใช้ตัวเองแปลงเป็นสังสารวัฏหกวิถี ฉวีซูถอนตัวออกมาด้านนอก ทำลายมารถอนกรรม สังหารอีกฝ่ายเข้าสู่สังสารวัฏ
ยิ่งอีกฝ่ายสั่งสมกรรมในยามปกติมากเท่าไร สภาวะกระบี่ของฉวีซูก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ดังนั้นมักมีผลการรบน่าตกตะลึงที่ใช้อ่อนแอชนะแข็งแกร่ง ทำให้ผู้คนไม่กล้าดูแคลน
ยามเจอคู่ต่อสู้ที่พลังอ่อนแอกว่าตัวเอง ความจริงแสดงจุดที่เป็นเอกลักษณ์ในสภาวะกระบี่ของฉวีซูไม่ได้ แต่ว่าสำหรับคนที่อ่อนแอกว่าเขา เขาอาศัยพลังบดขยี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความน่าอัศจรรย์มากมายนั้น
เพียงแต่เกาชิงเสวียนถือกระบี่ผนึกเซียน ด้านข้างยังมีศัตรูร้ายกาจคนอื่นๆ ฉวีซูไม่อาจใช้สภาวะกดทับคนได้
กระนั้นแม้นจะเป็นเช่นนี้ กระบี่นี้เมื่อใช้ออก ถ้าหากว่าเกาชิงเสวียนรับมือไม่ได้ วิญญาณจะถูกส่งเข้าไปในสังสารวัฏหกวิถี ครู่เดียวก็เกิดจุดจบพ่ายแพ้และตกตาย
กระบี่ผนึกเซียนในมือนางเป็นอาวุธพิฆาตที่มีจำนวนจำกัดของฟ้าดิน สังหารชีวิตมานับไม่ถ้วน พลังกรรมล้ำลึก ดังนั้นเพิ่งจะสัมผัส ก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในวิถีนรก
เกาชิงเสวียนละสายตา เก็บซ่อนอารมณ์ด้านลบอย่างความกระหายเลือดและความคุ้มคลั่ง
ปราณกระบี่หลายสายบนกระบี่ผนึกเซียนเหยียดยื่นไปด้านนอก
ไม่เพียงแต่เจตจำนงกระบี่ของคัมภีร์กระบี่ผนึกเซียน เจตจำนงกระบี่จากสามยอดวิชากระบี่ชนิดอื่นๆ ของสี่กระบี่สังหารเซียนที่เป็นการสืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ ในตอนนี้ก็ไหลออกมาเช่นกัน
ภายใต้ประกายกระบี่ของเกาชิงเสวียนที่ส่ายวูบวาบ กระบี่ลงทัณฑ์เซียนถูกใช้พร้อมกัน ถึงแม้จะสู้คัมภีร์โกลาหลสูญไม่ได้ แต่ก็ปรากฏภาพวันสิ้นโลก ถึงกับเหมือนสร้างสภาวะค่ายกลที่คล้ายใช่คล้ายไม่ใช่ค่ายหนึ่ง จิตแห่งการสูญสิ้นธรรมคล้ายซ่อนเร้นคล้ายปรากฏ
กระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือ คัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนที่แก่นแท้กลายเป็นหนึ่งย่อมแสดงอานุภาพด้านในออกมามากที่สุด
แต่ว่าเวลานี้เพื่อหยุดยั้งการกัดกินจากวิถีนรกซึ่งเกิดจากเจตจำนงกระบี่ของฉวีซู เกาชิงเสวียนก็เปลี่ยนกระบวนท่าทันที
การใช้คัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนอย่างเดียว เป็นการใช้กระบี่ผนึกเซียนเป็นหลัก เพื่อสำแดงอานุภาพด้านใน
หากแต่ตอนนี้เป็นอาศัยกระบี่โบราณ ผลักดันพลังของเกาชิงเสวียน
พลังสายตา การตัดสินใจ การควบคุม ความเชื่อมั่นต่อตัวเองของเกาชิงเสวียน ได้รับการสะท้อนอย่างเต็มเปี่ยมในกระบี่นี้
ประกายกระบี่ที่ไม่สว่างกระจัดกระจาย กลับข่มขวัญผู้คน
หินหนืดในวิถีนรกที่อ้างว้างเสื่อมโทรมไหลไปทั่ว ปราณความตายแผ่พุ่งแปรปรวน ถึงกับเริ่มค่อยๆ ปรากฏรอยแตก
วินาทีนี้นรกถึงกับเหมือนเผชิญความพินาศ
หลังจากพลังงานของนรกถดถอย สังสารวัฏหกวิถีก็ปรากฏออกมาเป็นภาพรวม
แต่ภายใต้ผลกระทบจากประกายกระบี่ของเกาชิงเสวียนและกระบี่ผนึกเซียน ทุกอย่างนี้เริ่มก้าวสู่เบื้องหลังของวิถีนรก
สรรพสัตว์ในวิถีมนุษย์ส่งเสียงกรีดร้องร่ำไห้ เหมือนกับเผชิญวันสิ้นโลก
งูหนอนมุสิกมดในวิถีเดรัจฉานปั่นป่วน สัตว์ประหลาดมากมายคำรามอย่างบ้าคลั่ง เป็นภาพวันสิ้นโลกเช่นกัน
เงาคนที่กำลังเข่นฆ่าทำศึกกันในวิถีอสูรเปลี่ยนเป็นต้องการเอาชนะมากขึ้น ถือทิฐิมากขึ้น
ผีร้ายนับพันล้านตนในวิถีเปรตยิ่งดุร้าย ใบหน้าเพิ่มความเจ็บปวดบิดเบี้ยวมากขึ้น กลิ่นอายชั่วร้ายหลายชั้นทำให้คนแค่มองก็แทบกลั้นหายใจ ทั่วร่างเย็นเยียบ
ถึงขั้นที่แม้แต่ผู้คนซึ่งงามสง่าศักดิ์สิทธิ์ในวิถีเทวดา อาภรณ์กลายเป็นสกปรก มงกุฎดอกไม้ร่วงโรย ร่างกายเหม็นสาบ เหมือนกับเจอห้าเสื่อมแห่งเทวดา
สังสารวัฏหกวิถีทั้งหมด ในวิถีนี้เหมือนเดินสู่จุดจบ เผชิญภัยพิบัติสิ้นธรรม ความพินาศของฟ้าดินที่แท้จริง
แรงดึงดูดอันน่ากลัวที่เล็งเป้าหมายยังวิญญาณของเกาชิงเสวียนอ่อนแอลงเพราะสาเหตุนี้
นางอาศัยโอกาสนี้ ถอนตัวถอยหลังอย่างแน่วแน่ ทำลายการคุกคามจากกระบี่เมื่อครู่ของฉวีซู
ฉวีซูไม่ได้ไล่ตามโจมตี แต่พูดกับกระบี่พุทธะที่เพิ่งป้องกันการโจมตีจากกายทองมหาเทวะที่ด้านข้าง “อาจารย์ อย่าได้พัวพันด้วย นั่นไม่ใช่ร่างปีศาจของยุทธวิชัยพุทธะ หากแต่เป็นกายทองที่มหาเทวะเสมอฟ้าได้ทิ้งเอาไว้หลังถูกสะกด กายทองเช่นนี้มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร่าง”
“อ้อ?” กระบี่พุทธะใบหน้าฉายแววประหลาดใจ “มีเรื่องนี้ด้วยหรือนี่”
ฉวีซูเอ่ย “ในนี้มีความแปลกประหลาดค่อนข้างมาก ยากกล่าวให้หมดในประโยคเดียว ตรงหน้าแม้นมีกายทองมหาเทวะร่างนี้ แต่บางทีอาจมีร่างอื่นๆ ซ่อนอยู่รอบๆ ถ้าหากว่าสามร่างรวมเป็นหนึ่ง ถึงขั้นแสดงร่างจริงของมหาเทวะเสมอฟ้าได้ เรื่องราวมากกว่านี้ รอพวกเรากลับแดนสุขาวดี ท่านพบองค์พุทธเจ้า บางทีอาจทราบสาเหตุ”
เขาพูดพร้อมกับออกกระบี่อีกครั้ง
ประกายกระบี่กระจายไปทั่ว ความมืดแยกจากกัน แต่ในนี้มีประกายดาบสีดำสนิทสาดออก ทำลายฟ้าดิน ส่วนที่น่ากลัวไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ผนึกเซียนแม้แต่น้อย
ประกายดาบปะทะกับประกายกระบี่ สองฝ่ายหักล้างทำลายกันและกัน
เฟิงอวิ๋นเซิงถือดาบตั้งฉากด้านข้างร่าง มองสองคนตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
“มารสวรรค์ปัจฉิมธรรม ดาบล้างโลก ชื่อสมคำร่ำลือ” ฉวีซูพยักหน้า กระบี่พุทธะขมวดคิ้วมองควันมารสีดำสนิทที่ครอบคลุมเฟิงอวิ๋นเซิง
เฟิงอวิ๋นเซิงกับเกาชิงเสวียนแยกหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ใบหน้าไร้ความเกรงกลัว ปะทะพระพุทธจากแดนสุขาวดีสององค์
พระพุทธเจ้าสององค์นี้ ไม่อาจเทียบกับมหาชาลเส้นทางนอกรีตทั่วไป พลังแข็งกล้า
ถึงแม้จะเป็นเฟิงอวิ๋นเซิงกับเกาชิงเสวียนที่ถือกระบี่ผนึกเซียนก็รับมือด้วยความระวัง
ทว่ากายทองมหาเทวะที่พ่านพ่านแปลงขึ้นมา กระโจนร่างพลางวิ่งตะบึงไปทั่ว เหมือนกับยังเร็วและเป็นอิสระยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าสององค์
ภายใต้การสร้างความหายนะของวานรปีศาจที่ไร้กฎไร้เกณฑ์ ทำให้กระบี่พุทธะกับฉวีซู ไม่อาจตั้งสมาธิรับมือเฟิงอวิ๋นเซิงกับเกาชิงเสวียน
กระบี่พุทธะคิดจะหยิบกระบี่ลวงเซียน เพิ่มพลังของตัวเอง ล้วนถูกวานรปีศาจขวางทุกครั้ง
“เร่ง!” ท่านแค่นเสียงคำหนึ่ง สภาวะกระบี่พลันแปรเปลี่ยน
ประกายกระบี่ยิ่งใหญ่ที่ตกลงเหมือนมาเหมือนฝน แสงสว่างหายไปหมดสิ้น
สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีร่างของตัวกระบี่พุทธะ
ประกายกระบี่หลายสายกลายเป็นไร้รูปร่าง เปลี่ยนเป็นกระแสปราณมากมาย แผ่พุ่งไปทั่ว
ภาพตรงหน้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้ถึงกับคล้ายแปรเปลี่ยนไป
ตรงหน้าเป็นภาพบนโลกมนุษย์ ผู้คนขวักไขว่ ข้างหูได้ยินเรื่องราวน้อยใหญ่ในชีวิตประจำวัน
จมูกสูดสมเล็กน้อย กลิ่นอายหลายชนิดพากันมาถึง