ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1531 โลกีย์วิสัยบนโลกมนุษย์
เครื่องแต่งแต้มของสตรี…
เครื่องครัวในห้องครัว
กลิ่นเหม็นเหงื่อในสถานก่อสร้างซึ่งหลั่งไหลราวสายฝน…
พอถูกกลิ่นอายมนุษย์นี้กระจายใส่ พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าตนเหมือนหลอมรวมเข้าไปด้านใน รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
เกาชิงเสวียนรู้สึกว่าในมือตัวเองไม่ใช่กระบี่ผนึกเซียนอีกต่อไป แต่เป็นเข็มปักผ้า
เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกว่าในมือตนเองไม่ใช่ดาบเทพอาทิตย์ยะเยือกอีกต่อไป แต่เป็นภาชนะในห้องครัว
แม้แต่วานรปีศาจตนนั้นก็รู้สึกว่าตนเปลี่ยนเป็นปี่เซียะภูเขา กลิ้งตัวอยู่ในป่าไผ่อย่างสบายอารมณ์!
ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนถูกโลกของมนุษย์ปุถุชนเปลี่ยนให้เป็นพวกเดียวกัน
ณ ที่แห่งนั้น ไม่มีสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน ไม่มีดาบปัจฉิมธรรม ไม่มีคัมภีร์นภาแรกเริ่ม ทุกคนต่างกลายเป็นคนธรรมดาในโลก ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกีย์วิสัย พบพานร้อยสภาพของมนุษย์ เอะอะวุ่นวาย เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
ในนี้ยังรวมถึงตัวกระบี่พุทธะเองด้วย
ณ ที่แห่งนี้ไม่มีวรยุทธ์ศาสนาพุทธ และไม่มีคัมภีร์กระบี่สังสารวัฏ
ตัวท่านเหมือนกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ถ้าหากมีแค่ตัวท่าน นี่ย่อมไม่ใช่เส้นทางของชัยชนะ
แต่ตอนนี้มีคนที่ต่อสู้กับท่าน ยังมีผู้สืบทอดของท่าน ฉวีซู บุตรกระบี่หกวิถี!
ขณะที่อาจารย์ของตนผลักดันกระบี่สังสารวัฏวิถีมนุษย์ถึงจุดสูงสุด สภาวะกระบี่ของฉวีซูก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
ประกายกระบี่ที่ส่งคนเข้าไปในสังสารวัฏส่ายวูบวาบไม่หยุด ขานรับกระบี่พุทธะที่แปลงกายเป็นวิถีมนุษย์
พวกเยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ทันที ความเร็วในการตกเข้าไปในโลกมนุษย์ของตนกำลังเพิ่มขึ้น หนำซ้ำยังต้านทานได้ยากกว่าเดิม
วินาทีที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในเจตจำนงกระบี่ของกระบี่พุทธะ จิตใจของทุกคนเลอะเลือนเล็กน้อย จากนั้นก็ตื่นตัวทันที
ปราณปีศาจพุ่งสู่ฟ้า ประกายดาบบดขยี้อากาศ ปราณกระบี่ยิงไปทั่วสี่ทิศ
ทุกคนต่างใช้ความสามารถของตัวเอง ดิ้นหลุดจากการดึงดูดและการพันธนาการของโลกีย์วิสัยที่เกิดจากกระบี่พุทธะ
ทว่าในตอนนั้นเอง ประกายกระบี่ของฉวีซูก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ไม่ได้ชั่วช้า ไม่ได้ดุร้าย กลับเป็นแรงกรรมที่กระตุ้นก่อนหน้า ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของฉวีซู ไม่เลือกสังสารวัฏ หกวิถีสลาย เหลือเพียงโลกมนุษย์เท่านั้น
พอถูกพลังนี้ม้วนไว้ กลิ่นอายโลกีย์วิสัยของพวกเยี่ยนจ้าวเกอรุนแรงขึ้น ถูกกระตุ้นจากภายในออกสู่ด้านนอก
ทันทีที่ได้รับผลกระทบนี้ โลกที่เกิดจากกระบี่พุทธะก็พลันเพิ่มแรงดึงดูดต่อพวกเขา ทำให้พวกเขาดิ้นรนไม่ได้ ได้แต่หลอมรวมเข้าไปด้านใน
พ่านพ่านแม้จะไม่ใช่คน แต่เข้าใจนิสัยมนุษย์แต่แรก สติปัญญาค่อยๆ สุกงอม กอปรด้วยเจ็ดอารมณ์หกอาตยนะ แม้สถานการณ์จะดีกว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอเล็กน้อย แต่ก็ถูกโลกีย์วิสัยบนโลกรบกวนเช่นกัน
ระหว่างฟ้าดินราวกับปรากฏวังวนขนาดมหึมากลุ่มหนึ่ง กำลังจะกลืนกินทุกคน
ตอนนี้โลกน้ำพุหยกกำลังสั่นสะเทือนเช่นกัน
ไม่เพียงแต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เป็นศัตรูโดยตรงของกระบี่พุทธะและฉวีซูเท่านั้น แม้แต่พวกถงซินหลินกับกว่างทงจื่อก็ไม่ได้รับการยกเว้น ร่างกลิ้งเข้าไปในโลกีย์วิสัยโดยไม่อาจควบคุม
ในโลกน้ำพุหยกไม่ได้มีแค่จอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือสูงๆ ต่ำๆ เท่านั้น
ที่นี่เป็นโลกที่กว้างใหญ่ใบหนึ่ง มีคนจำนวนมากอยู่อาศัย มีโลกมนุษย์ที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นกัน
ขณะนี้โลกมนุษย์นี้ถูกโลกมนุษย์ที่เกิดจากกระบี่พุทธะครอบคลุม กลับกำลังจะกลายเป็นตัวสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดในพลังของกระบี่พุทธะ
“คนหนึ่งกลายเป็นโลกมนุษย์ คนหนึ่งส่งคู่ต่อสู้ไปในโลกมนุษย์ พวกท่านสองศิษย์อาจารย์ประสานงาน กลับแสดงความสามารถของกันและกันจริงๆ นี่นับว่าเป็นการผสานกระบี่คู่อย่างหนึ่งแล้วกระมัง” ยามนี้เสียงเกียจคร้านเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
บุรุษอาภรณ์เขียวที่เหมือนกับหลับไม่เคยพอปรากฏตรงหน้าผู้คนอย่างกะทันหัน หาวคราวหนึ่ง
“หวังก่วน” ฉวีซูรู้จักผู้มา ก่อนที่เขาจะเลื่อนสู่มหาชาลก็เคยต่อสู้กับคนตรงหน้าบ่อยๆ
ถึงฉวีซูจะมีอายุมากกว่า แต่ว่าคนทั้งสองโดยพื้นฐานแล้วนับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้และศัตรูคู่อาฆาตในยุคเดียวกัน ต่อสู้กันมาหลายพันปี
ตอนนั้นเขาเป็นโพธิสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนแดนสุขาวดีบัวขาว ส่วนอีกฝ่ายเป็นจ้าวสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโถงเซียน
ร้อยปีมานี้ เขาก้าวสู่มหาชาลก่อน แต่ว่าไม่ทันไร ก่อนหน้านี้ไม่ถึงยี่สิบปี หวังก่วนก็สำเร็จระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล
ในสงครามก่อนหน้านี้ไม่นานของโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว คนทั้งสองเพิ่งต่อสู้กันมา
ตนสามารถมาถึงที่นี่ได้ เป็นเพราะว่ากระบี่พุทธะอาจารย์กลายเป็นวิถีมนุษย์ ในที่สุดกลิ่นอายโลกีย์วิสัยก็เชื่อมต่อกับโลกภายนอก
ที่อีกฝ่ายตามมาได้ แปดส่วนเพราะสะกดรอยตามตัวเองในที่ลับ
ฉวีซูไม่มีเวลาพิจารณาว่าอีกฝ่ายตามรอยได้อย่างไร และไม่ขุ่นข้อง อารมณ์นิ่งสงบดุจทะเลสาบ
เขาที่เยือกเย็นถึงขั้นไม่มองหวังก่วน แต่กวาดมองอีกด้านหนึ่ง
ณ ที่แห่งนั้น บุรุษวัยกลางคนสวมชุดนักพรตผู้หนึ่งเพิ่งปรากฏตัว ยื่นมือเข้าไปหยิบกระบี่ลวงเซียนที่ลอยกลางอากาศ
กลับเป็นเทวกษัตริย์เภรีที่อยู่ในโถงเซียนเหมือนหวังก่วน
“ที่นี่มีกระบี่สองเล่ม ฝ่ายท่านกับฝ่ายข้าแบ่งกันได้ฝั่งละเล่มพอดีไม่ใช่หรือ” หวังก่วนกล่าวพลางหัวเราะฮ่าๆ
ฉวีซูพูดอย่างเรียบเฉย “ถ้ามีความคิดเช่นนี้ ก็จัดการคนในเส้นทางนอกรีตก่อน ค่อยคุยเรื่องแบ่งกระบี่ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่ากระบี่เล่มหนึ่งตกไปอยู่ในมือท่านก่อน พวกเราสองศิษย์อาจารย์จะออกจากที่นี่ได้หรือไม่ล้วนไม่ทราบแล้ว”
ไม่จำเป็นต้องกล่าวมากความ โลกมนุษย์ที่เกิดจากการกลายร่างของกระบี่พุทธะ ขณะที่โลกีย์วิสัยแผ่พุ่ง ก็ม้วนหวังก่วนกับเทวกษัตริย์เภรีเข้าไปด้วย
ประกายกระบี่ของฉวีซูคมกล้าเช่นกัน
หวังก่วนหาวคราวหนึ่ง “เป็นไปได้อย่างไร ข้าไม่ได้ฝึกฝนวิชากระบี่ ได้กระบี่วิเศษไปก็ได้แต่นำกลับโถงเซียน ไหนเลยเหมือนพวกท่านศิษย์อาจารย์ หากกระบี่อยู่ในมือก็กลายเป็นเสือติดปีกทันที”
ความว่างเปล่าตรงหน้าพลันแหลกสลายราวกับแดนมายา
ร่างของหวังก่วนกับเทวกษัตริย์เภรีต่างหายไป กลิ่นอายโลกีย์วิสัยม้วนใส่ความว่างเปล่า
เงาร่างของพวกเขาปรากฏขึ้นอีกด้านหนึ่ง ไม่ได้ตกเข้าไปในโลกมนุษย์
เทวกษัตริย์เภรีออกห่างจากกระบี่ลวงเซียน หวังก่วนกลับบรรลุถึงด้านข้างกระบี่ลวงเซียน
“หลายปีมานี้ความเร็วในการเพิ่มขีดความสามารถของเส้นางนอกรีตสูงเกินไปจริงๆ เพราะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่พวกเรากับพวกท่านสู้กันเอง” หวังก่วนว่า “ตอนนี้ยังจะมอบโอกาสให้พวกเขาอีกหรือ”
เทวกษัตริย์เภรีเอ่ย “จัดการคนนอกรีตเหล่านี้ก่อน จากนั้นค่อยคุยเรื่องกระบี่”
เขาพูดพร้อมกับโบกฝ่ามือฟาดลงใส่พวกเยี่ยนจ้าวเกอในโลกมนุษย์
ขณะนี้นักพรตจ้าวเจินกับเหยาอวิ๋นเฉิงที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับไว้กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ทุกคนต่างหล่นเข้าไปในโลกมนุษย์ ย่อมไม่มีการแบ่งแยกเป็นแข็งแกร่งอ่อนแอ นี่ทำให้พวกเขาเกิดความคิดหลบหนี
“ทุกอย่างเหมือนฟองเงาชั่วคราว กลับไม่ใช่ไล่พวกเราเหล่าเซียนลงไปยังโลกมนุษย์จริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอสองตากลายเป็นคมกริบ “พวกท่านก็กล้าโวยวาย?”
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ความโกลาหลบังเกิดอย่างเงียบๆ ในร่างกาย สองตามีประกายกระบี่ไหลเชี่ยว
พอถูกประกายกระบี่นี้ม้วนใส่ เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มหลุดพ้นจากโลกีย์วิสัย เซียนผู้ถูกเนรเทศกลับสู่สวรรค์ชั้นเก้า
“ข้าเป็นเซียนลี้ลับสงบนิ่ง ทำลายพลังฝึกปรือของพุทธะไม่ได้ แต่ว่าท่านกลายเป็นโลกีย์วิสัยบนโลกมนุษย์ กลับไม่ได้มีความสำเร็จระดับพุทธะอีกต่อไป บุปผาเซียนชั้นมหาชาลก็ไม่อาจทำให้เจตจำนงกระบี่ของข้าหายไปได้เช่นกัน”
แม้แต่นักพรตจ้าวเจินกับเหยาอวิ๋นเฉิงที่ถูกเขาจับไว้ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
วินาทีถัดมา ประกายกระบี่ยิ่งใหญ่ฟันใส่ศีรษะของพวกเขา พวกเขาตกสู่โลกีย์วิสัยในพริบตาเดียว
ความรู้สึกนี้แตกต่างจากการตกลงไปในวิถีมนุษย์ที่เกิดจากกระบี่พุทธะ ถูกกลิ่นอายโลกีย์วิสัยแปดเปื้อน
เหมือนกับว่าพวกเขาคล้ายตกจากระดับเซียนอย่างแท้จริง ความพยายามในการบำเพ็ญเพียรกลายเป็นสายน้ำ ไหลกลับไปสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์
ในสายตาของพวกนักพรตจ้าวเจินและเหยาอวิ๋นเฉิง ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนอยู่บนฟากฟ้า ไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกับพวกเขา
ประกายกระบี่นี้พอสาดมา พวกนักพรตจ้าวเจินก็เพียงโดนลูกหลง เป้าหมายกลับเป็นอีกด้านหนึ่ง