ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1539 กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับกระบี่สังหารเซียน
กลางตำหนักหมอบไว้ด้วยอูฐตาสีทองตัวหนึ่ง บนอูฐนั่งด้วยนักพรตสวมชุดคลุมสีแดงตัวใหญ่ ใบหน้าเป็นสีคราม ผมเหมือนชาด หน้าผากยังมีอีกตา สามตาจ้องมอง
นักพรตผู้นี้เข้ามารับเทวกษัตริย์มหานิมิตหวังก่วนกับเทวกษัตริย์เภรี เห็นเทวกษัตริย์เภรีได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็ลงจากหลังอูฐเนตรทอง ให้อูฐเนตรทองแบกเทวกษัตริย์เภรีไปพักผ่อนอยู่ด้านข้าง
“ความกังวลก่อนหน้านั้นของท่านไม่ไร้เหตุผล” นักพรตกล่าวกับหวังก่วน “คนในเส้นทางนอกรีตต้องการสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนจริงๆ”
หวังก่วนซึมเซา “กระบี่สองเล่ม แม้นว่าดุร้าย แต่ยังพอรับได้ ทว่าถ้าปล่อยให้สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนไปอยู่ในมือพวกเขา เช่นนั้นก็จัดการยากจริงๆ แล้ว พวกเขามีผังค่ายกลลงทัณฑ์เซียนฉบับสมบูรณ์อยู่ ”
นักพรตที่มีสามตาว่า “เทวกษัตริย์ไร้ประมาณมีคำสั่งลงมา รับรู้เรื่องสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนแล้ว”
“อ้อ?” หวังก่วนได้ยิน ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ
นักพรตเล่า “ตอนนี้ร่องรอยของจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวมีเบาะแสที่แท้จริงแล้ว เรื่องราวเกี่ยวพันถึงเศษศิลามนุษย์กำเนิด จะมองข้ามไม่ได้ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณสั่งให้พวกเราจับตา”
“พวกท่านจับตาก็พอแล้ว” หวังก่วนกลับสู่ลักษณะเกียจคร้านเหมือนเดิม “มีสถานการณ์จริงๆ ค่อยว่ากล่าว การออกไปเที่ยวนี้ข้านับว่าใช้ความพยายามเต็มที่แล้ว ต่อจากนี้ต้องฟื้นฟู นอนชดเชยมากๆ จึงจะถูกต้อง”
นักพรตผู้นี้มองหวังก่วน ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงกล่าว “ตามสบาย ต่อจากนี้ถ้าหากต้องเรียกท่าน ท่านอย่าได้ไม่มาก็พอ”
…
เวลาเดียวกัน ในแดนสุขาวดีบัวขาว บัวขาวดอกหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า ข้ามผ่านพุทธเกษตรนับพันนับหมื่นไม่หยุดลง มุ่งหน้าตรงไปยังใจกลางแดนสุขาวดีบัวขาว
บนปัทมาสน์นั่งขัดสมาธิไว้ด้วยคนหนุ่มไว้ผมยาว สวมจีวรหลวงจีน พาดกระบี่เล่มหนึ่งไว้บนเข่า
เป็นฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถี กระบี่พุทธะรุ่นใหม่
ฉวีซูใบหน้าสงบนิ่ง ไร้ความยินดีหรือเสียใจ พอเข้าไปในพุทธเกษตรแห่งหนึ่ง มาถึงด้านหน้าประตูถ้ำของเขาทิพย์ลูกหนึ่งก็เหาะลงบนพื้น
ในประตูถ้ำ พุทธะกายทององค์หนึ่งนั่งตัวตรงบนบัวขาว พอเห็นฉวีซูกลับมา ก็เอ่ยปากกล่าว “พระพุทธองค์ทราบเรื่องที่กระบี่ราชพุทธะมรณะแล้ว”
สำหรับคนในเส้นทางนอกรีต ถึงแม้รากฐานจะเป็นแสงวิเศษและแสงพุทธพลังศรัทธา แต่ว่ายอดฝีมือที่ขึ้นสู่ชั้นมหาชาล ที่สุดแล้วก็ค่อนข้างมีอิสระอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้นด้วยการฝึกปรือและพลังของกระบี่พุทธะ จัดอยู่ในชั้นแถวหน้าของเหล่าพุทธะบนแดนสุขาวีดบัวขาว คนธรรมดาไม่อาจเทียบเคียง หายสาบสูญไปสองพันกว่าปี พระศรีอาริย์จะหาไม่เจอได้อย่างไร
ในการสู้กับโถงเซียน ถ้าหากไม่มีคู่ต่อสู้ที่มีพลังทัดเทียมกัน กระบี่พุทธะคนเดียว จำเป็นต้องมีเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของโถงเซียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนจึงจะสู้ไหว
การหายสาบสูญไปของท่าน เป็นความเสียหายที่ไม่อาจมองข้ามได้สำหรับแดนสุขาวดีบัวขาว
ถ้าหากว่าเป็นเพราะแอบหนีไปซ่อนตัวกลับไม่ง่ายดาย ทว่ากระบี่พุทธะถูกกระบี่ลวงเซียนกับซากสังขารอวี้ติ่งผนึกไว้ อยู่ในสภาพไม่เป็นไม่ตาย พระศรีอาริย์คิดตามหาท่านก็มีความยากเช่นกัน
กระนั้นกุญแจสำคัญที่กระบี่พุทธะใช้เลื่อนสู่มหาชาลสุดท้ายยังเป็นแสงพุทธพลังศรัทธา พอท่านมรณะ พระศรีอาริย์ก็สัมผัสได้ทันที
ฉวีซูพยักหน้า “อาจารย์นั่งมรณะ ข้าต้องการแก้แค้นอีกฝ่าย จึงมาขอให้พระพุทธองค์ชี้แนะเส้นทาง”
พุทธะกายทององค์นั้นตอบ “พระพุทธองค์ตรัสว่า เวลายังมาไม่ถึง ให้รอคนในเส้นทางนอกรีตเหล่านั้นหากระบี่วิเศษเล่มต่อไป”
“พวกเขาตามหากระบี่ลวงเซียน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอาศัยกระบี่ผนึกเซียนที่มีอยู่ในมือนำทางมา เพียงแต่ใช้วิชาลับอะไร กลับมองไม่ออก” ฉวีซูกล่าว
พุทธะกายทองเปล่งเสียงสรรเสริญคุณ “พระพุทธองค์อนุมานว่า วิชานี้ไม่อาจใช้ได้บ่อยๆ มีการเว้นระยะเวลา”
ฉวีซูหลับตา ครู่ต่อมาค่อยลืมตา “ข้าจะคอยจับตาดู”
“เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ ไม่เพียงแต่กระบี่ราชพุทธะจะมรณะ ยังเกี่ยวพันถึงปัญหาที่เส้นทางนอกรีตค่อยๆ เข้มแข็งขึ้นด้วย” พุทธะกายทองว่า “พวกเราล้วนต้องจับตามอง”
“ขอขอบคุณปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ” ฉวีซูประนมสองมือ “เกี่ยวกับทางจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว วันนี้เป็นอย่างไรแล้ว”
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะตอบ “มีเบาะแสของจริง สามารถตามหาจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว แต่ปัจจุบันจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวอยู่ที่ใด เป็นหรือตายยังไม่ทราบ”
ท่านก้มหน้ากล่าว “ตามคำกล่าวของปฐมเทวะนพวิญญาณ เศษศิลามนุษย์กำเนิดที่เคยอยุ่ในมือของเขาถูกจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัวนำไปก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หากไม่มีอุบัติเหตุ วัตถุยังคงอยู่ด้วยกันกับจักรพรรดิตงจี๋ชิงหัว”
“ข้าจะกลับไปลับกระบี่ที่พุทธเกษตร ถ้าหากมีเรื่องใด เพียงแจ้งข้าก็พอ” ฉวีซูพยักหน้า จากนั้นก็บอกลาปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะแล้วผละไป
…
ตั้งแต่ร่างแปลงของมารทองแกรุ่นใหม่จุติอีกครั้ง และการคืนชีพของมารดินโบ่วกับมารน้ำกุ่ยถูกสะบั้นความหวังไปชั่วคราว หมู่มารในนพยมโลกก็ไม่พัวพันต่อ พากันกลับเขตมารในนพยมโลก
ระหว่างนี้ถูกขุมกำลังต่างๆ กลุ้มรุม ย่อมได้รับความเสียหายสาหัส
แม้แต่มารจิตแรกเริ่มกับมารเงาล้วนบาดเจ็บไม่น้อย
ทว่าแค่กลับนพยมโลกได้อย่างปลอดภัย สำหรับพวกมันก็น่าพอใจมากแล้ว
ณ ขณะนี้ ในบึงทะเลมารบนนพยมโลก มารจิตแรกเริ่มเหมือนกับอยู่ในที่อยู่อาศัยบนโลกมนุษย์ ผู้นำชั้นมาชาลแห่งวิถีมารที่มีรูปร่างเป็นคนแก่กำลังนอนตะแคงอย่างสบายอารมณ์บนก้อนหินใหญ่ คล้ายกับกำลังพักผ่อน
ทันใดนั้น เงาบนก้อนหินใหญ่ใต้ตัวชายชราก็ส่ายวูบหนึ่ง
“ทองแกเป็นอย่างไรบ้าง” ชายชราไม่ได้ลืมตา หลับตาถามไถ่
เสียงของมารเงาดังมาจากในเงา “ดีกว่าที่คาดไว้”
“เช่นนั้นก็ดี เขามีความสำคัญยิ่ง” ชายชราถอนใจพลางกล่าว “เพียงแต่น่าเสียดาย ไม่ทราบว่าน้ำกุ่ยกับดินโบ่วต้องรอนานขนาดไหน แต่ว่าทองแกทำสำเร็จได้ นับว่าไม่เลวอยู่ ต่อจากนี้พวกเราอดทนรอคอยเถอะ”
มารเงาถาม “สามพิสุทธิ์สายหลักได้สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน ไปสองเล่มแล้วหรือ”
มารจิตแรกเริ่มลืมตา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว นอกจากผนึกเซียน ลวงเซียนก็ไปอยู่ในมือพวกเขาแล้ว”
“เช่นนั้นต่อจากนี้ก็เป็นลงทัณฑ์เซียนกับสังหารเซียน…” เงาพูด
“ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว” มารจิตแรกเริ่มว่า “เรื่องราวต่อจากนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ล้วนขึ้นอยู่กับมารสวรรค์ไร้พันธนา”
มารเงาว่า “เพียงแค่รู้สึกเสียดาย หนำซ้ำความเสี่ยงยังไม่น้อย”
มารจิตแรกเริ่มพูดอย่างสงบนิ่ง “เสียไปได้มา เสียมาได้ไป มีเสียจึงค่อยมีได้”
“ไม่ผิด…” เสียงในเงาทุ้มต่ำลง สุดท้ายหายไป
ชายชรามองดูแผ่นดินที่ลมโชยอาทิตย์งาม แสงอาทิตย์กระจ่างตรงหน้า หลับตาลง นอนหลับบนหินใหญ่ในภูเขาต่อ
ส่วนฟ้าดินอันกว้างใหญ่นอกนพยมโลก ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ไฟสงครามระหว่างโถงเซียน แดนสุขาวดีตะวันตก กับแดนสุขาวดีบัวขาว เผ่าปีศาจยิ่งมายิ่งรุนแรง
สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอ อาศัยเรื่องนี้ชิงโอกาสพัฒนาที่ล้ำค่ามาได้อีกครั้ง
กระบี่ลวงเซียนมาอยู่ในมือสำเร็จ คิดจะตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนหรือกระบี่สังหารเซียนต่อ เยี่ยนจ้าวเกอเปิดแท่นทำพิธีอีกครั้ง จำเป็นต้องรอสี่สิบเก้าปีให้หลัง
อย่าว่าแต่ยอดฝีมือระดับเซียน แม้แต่จอมยุทธ์ที่มีระดับค่อนข้างสูง เวลาสี่สิบเก้าปี หรือว่าเวลาห้าสิบปี หลายๆ ครั้งแล้วเป็นเวลาที่สั้นยิ่ง เพียงกะพริบตาครั้งเดียวก็มาถึง
การเข้าฌานครั้งหนึ่งอาจะไม่ได้สั้นแค่นี้
แต่ว่าสำหรับคนธรรมดาในโลกมนุษย์ นี่กลับเป็นเวลาครึ่งชีวิตแล้ว
การขยายตัวของประชากรอย่างน้อยคือคนสองรุ่น หรืออาจจะเยอะกว่า