ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1542 หัวมังกรแห่งฟ้าเหนือฟ้า
ตอนอยู่บนโลกซ้อนโลก อาจารย์ของจวงเฉินกับเหมาหยวนเฉิงในสายเนินต้นจักรพรรดิเมื่อครั้งนั้น ความจริงต้องการให้เหมาหยวนเฉิงรับสืบทอดสำนักต่อ ทว่าต่อมาตกตายอย่างเหนือความคาดหมาย ตำแหน่งเจ้าสำนักของเนินต้นจักรพรรดิสุดท้ายตกไปอยู่ในมือของจวงเซิน
ต่อมาจวงเซินมาทีหลังแต่ขึ้นสู่ตำแหน่ง พลังยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ชื่อเสียงยิ่งมายิ่งกึกก้อง ผู้คนค่อยๆ ลืมเลือนเรื่องราวในตอนนั้น
จนกระทั่งจวงเฉินสำเร็จระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุข ชื่อเสียงส่วนตัวพุ่งสู่ระดับสูงสุด เหมาหยวนเฉิงที่เคยโดดเด่นที่สุดในคนรุ่นหนุ่มสาว กลายเป็นพื้นหลังของจวงเฉินโดยสมบูรณ์
ไม่เพียงแต่บนโลกซ้อนโลก หรือบนเขตเพลิงทักษิณ ต่อให้เป็นในเนินต้นจักรพรรดิ ในวันเวลาต่อมาเหมาหยวนเชิงก็สงบเสงี่ยมมากขึ้น ต่อให้จวงเซินจะไม่เคยตั้งใจสะกดเขา เขาก็เป็นฝ่ายถอยเอง
จนกระทั่งต่อมาเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอ สายเนินต้นจักรพรรดิบาดเจ็บล้มตายสาหัส ปราณกำเนิดเสียหายใหญ่หลวง เหมาหยวนเชิงจึงค่อยออกเขา ช่วยจวงเซินกระตุ้นเนินต้นจักรพรรดิ
หลังจากที่จวงเซินท้ารบเขากว่างเฉิง และตายด้วยดาบของเยี่ยนตี๋ เหมาหยวนเชิงก็รับสืบทอดเนินต้นจักรพรรดิ
พอการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิแพรขาวดำปิดม่านลง เรื่องแรกที่เหมาหยวนเซิงทำ คือการไปขอขมาฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรที่ผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ ทั้งเชิญให้เมิ่งหวานไปเป็นแขกที่เนินต้นจักรพรรดิ รักษามารยาทด้วยความจริงจังนอบนอบ
ถึงแม้ฟู่อวิ๋นฉือจะขุ่นข้องที่ก่อนหน้านี้จวงเซินใช้เมิ่งหวานมาก่อกวนจิตใจของตัวเอง แต่ในเมื่อตัวจวงเซินตายไปแล้ว ด้วยความใจกว้างของฟู่อวิ๋นฉือ จึงไม่สร้างความลำบากให้แก่คนอื่นๆ บนเนินต้นจักรพรรดิ
เมิ่งหวานก็ไม่คิดเอาเรื่องเหมาหยวนเซิงกับเนินต้นจักรพรรดิเช่นกัน กลับไปทำความสะอาดหลุมศพของหลิวเซี่ยนถิงมารดาบังเกิดเกล้าของตน และศิษย์ของเนินต้นจักรพรรดิ
จนกระทั่งให้หลังออกจากโลกซ้อนโลก เข้าสู่ฟ้าเหนือฟ้า ระหว่างเมิ่งหวานกับเนินต้นจักรพรรดิก็มีการไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เหมาหยวนเซิงกับเนินต้นจักรพรรดิก็ยังไม่กล้าอวดโอ่แม้แต่น้อย
ต่อให้เมื่อสิบกว่าปีก่อน เหมาหยวนเซิงจะเลื่อนระดับสำเร็จ จากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสู่ประมุขในหมู่คน ก็ยังคงเก็บเนื้อเก็บตัว
แต่ว่าแสงสว่างที่ในอดีตได้ถูกกดไว้ใต้ปีกของจวงเซิน ได้ทำให้คนแปลกใจแล้ว
ภายใต้การควบคุมของเหมาหยวนเซิง เนินต้นจักรพรรดิไม่รีบไม่ร้อน ตั้งใจสั่งสอนคนในสำนัก ค่อยๆ ฟื้นฟูปราณกำเนิด
มาถึงปัจจุบัน เนินต้นจักรพรรดิได้ผงาดขึ้นมาใหม่บนแคว้นทักษิณในฟ้าเหนือฟ้า กลายเป็นตัวตนแข็งกล้าที่ไม่ว่าผู้ใดในแคว้นทักษิณก็มิกล้าดูแคลน
“ท่านเหมาเข้าใจดี เชื่อว่าจะไม่กระทำอะไรโง่เขลา” เมิ่งหวานออกจากยอดเขาเรืองรองพร้อมกับถังหย่งฮ่าว มุ่งหน้าไปยังเขาโถงทอง ขณะที่เดินทางก็พูดคุยไปด้วย
“พวกเราไม่ว่าผู้ใดรู้ว่า ถ้าหากว่าเขากว่างเฉิงเอาเรื่องจริงๆ เนินต้นจักรพรรดิคงหายไปแต่แรก ไหนเลยมีวันที่ฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง”
เมิ่งหวานรำพึงรำพัน “ถึงแม้เนินต้นจักรพรรดิจะรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่เทียบกับเขากว่างเฉิงในปัจจุบันแล้ว ไม่ต่างจากแสงหิ่งห้อยสาดแสงสู้ตะวันจันทรา ไหนเลยจะเทียบได้?”
“เพียงแต่เนินต้นจักรพรรดิมีคนคร่ำครึอยู่มาก ยังต้องตักเตือนบ้าง ป้องกันไม่ให้มีคนหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ”
นางมองถังหย่งฮ่าว “ดูจากทางด้านนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เริ่มใหม่แต่ต้น ศิษย์ในสำนัก ณ ขณะนี้ไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนั้นอีกแล้ว สถานการณ์ยังดูดีกว่ามาก”
ถังหย่งฮ่าวว่า “ถ้าเขากว่างเฉิงคิดสะกดไว้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มิอาจก่อตั้งขึ้นอีกครั้ง”
เขาเงียบงันเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “คนด้านบนประพฤติตนไม่ถูก คนด้านล่างก็เลวร้ายไปด้วย สิ่งที่ทำให้ผู้คนยอมเสี่ยงมิใช่ความแค้น แต่เป็นความปรารถนาและทะยานอยากของตัวเอง”
เมิ่งหวานกล่าว “การมีความมุ่งมั่น หรือความปรารถนาและความทะเยอทะยานมิใช่เรื่องแย่ แต่มิอาจเสี่ยงเพราะผลประโยชน์เล็กน้อย”
“ตอนนี้สำนักเต๋าสายหลักของพวกเรามีความหวังที่จะเจริญรุ่งเรือง ทั้งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นเวลาที่ทุกคนควรรวมใจเป็นหนึ่ง”
สตรีอาภรณ์ขาวกล่าวอย่างแช่มช้า “งูไร้หัวไม่ได้ เขากว่างเฉิงยิ่งใหญ่ สร้างสภาพหัวมังกรแห่งฟ้าเหนือฟ้า พวกเขายิ่งแกร่ง ฟ้าเหนือฟ้าก็ยิ่งแกร่ง สำนักเต๋าของเรามีสภาพยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองเร็วกว่าเดิม สหายร่วมเส้นทางทุกคนล้วนได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน”
ถังหย่งฮ่าวมองยังที่ไกล “ถูกต้อง ท่านอาจารย์ เจ้าตำหนักผู้อาวุโสหลิว หรือแม้แต่เจ้าสำนักเหมาแห่งเนินต้นจักรพรรดิไม่มีใครที่ไม่เป็นเช่นนี้”
“สำนักเต๋าโดยรวมทรุดโทรม พวกเราล้วนได้รับความเสียหาย อย่างคนที่ยังอยู่บนโลกซ้อนโลก ต่างประสบภัยพิบัติใหญ่ ถึงแม้ท่านอาจารย์จะมิได้อธิบายว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่สถานการณ์นั้นมากพอจะทำให้ทุกคนในฟ้าเหนือฟ้าตื่นตัว”
พูดถึงตรงนี้ ถังหย่งฮ่าวก็ถอนใจ “ตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ มีทั้งการคุกคามจากนพยมโลก มีการรุกรานของปีศาจอัคคี ตอนนั้นข้าไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมพวกศิษย์น้องหวงยังคงตัดสินใจเคลื่อนไหวโดยพลการ ทำศึกใหญ่กับสำนักต่างๆ เช่นเขากว่างเฉิง และเมืองทะเลมรกต สร้างความขัดแย้งภายในแปดพิภพ ทำให้พวกเดียวกันเคียดแค้นแต่พวกศัตรูได้ประโยชน์”
“ต่อมาถึงทราบว่า ที่แท้พวกเขารู้ถึงการดำรงอยู่ของโลกซ้อนโลกมาแต่ต้น ทั้งมีการติดต่อกับสำนักแสงสว่าง จนกระทั่งในสถานการณ์ที่ควบคุมเรื่องราวบนโลกแปดพิภพไม่ได้ ยังขอให้คนของสำนักแสงสว่างลงมาหยุดความวุ่นวาย”
“ทว่าในสถานการณ์ที่มีคนหนุนหลังไร้ความเกรงกลัวเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรกคือการทำลายสำนักอื่นๆ อย่างเช่นเขากว่างเฉิง เพื่อการขึ้นเป็นใหญ่เพียงผู้เดียวของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”
ถังหย่งฮ่าวส่ายหน้า “ตอนนั้นศิษย์น้องหวงเยาะเย้ยข้าว่าไม่เข้าใจ ภายหลังข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นตรงไหน? ข้ายังคงไม่เห็นว่าจะมีความหวังใดตกมาจากฟ้า ทำให้พวกเราไร้ความกังวล จากสภาพการณ์ของสำนักเต๋าเราในตอนนี้ มีแต่ต้องสมัครสมานสามัคคีกัน”
เมิ่งหวานฟังถังหย่งฮ่าวพูดจบอย่างเงียบๆ แล้วยิ้มเล็กน้อย “ตอนอยู่บนโลกแปดพิภพเหมือนนั่งบ่อเหม่อมองฟ้า ไหนเลยคิดถึงว่า ด้านนอกจะยังมีฟ้าดินที่ไพศาลขนาดนี้?”
“ถูกต้อง…” ถังหย่งฮ่าวยิ้มขึ้นเช่นกัน
เมิ่งหวานหันหลังไปมอง ยอดเขาเรืองรองหายไปแล้ว “ถึงแม้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นใหม่แต่ท่านกับข้ามิใช่ศิษย์ในสำนักอีกต่อไป และมีไม่กี่คนที่จดจำความรุ่งเรืองเสื่อมโทรม การเกิดและการดับของสำนักในตอนนั้นได้”
ตอนนี้นางเป็นคนของผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ ถังหย่งฮ่าวเป็นผู้สืบทอดกระแสตรงของเขาโถงทอง
“อาจารย์ของข้าสบายดี ศิษย์พี่เฟิงยังอยู่ที่เขากว่างเฉิง ครั้งกระโน้นตอนที่ทำศึกตัดสินการเป็นเจ้าของมงกุฎพระจันทร์อย่างสุดกำลังกับศิษย์พี่เฟิง ข้าแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ว่าก็ทำเต็มที่ ไม่มีใดต้องละอาย” เมิ่งหวานกล่าวเบาๆ “ข้าในใจไม่คิดเป็นศัตรูกับเขาก่างเฉิง แต่เป็นเพราะว่าในใจคิดแบบนี้จริงๆ หรือเป็นข้ออ้างที่กริ่งเกรงอานุภาพของเขากว่างเฉิง?”
ถังหย่งฮ่าวหัวเราะ “ตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ เขากว่างเฉิงมิได้มีบารมีขนาดนั้น เจ้ามิใช่ไม่คิดเป็นศัตรูกับพวกเขาเช่นกันหรอกหรือ?”
“ถูกต้อง สำหรับสำนักแล้ว ตอนนั้นข้าเป็นศิษย์อกตัญญู” เมิ่งหวานถอนใจ
ถังหย่งฮ่าวว่า “มีเรื่องบางเรื่องต่อให้ทำไม่ได้ ก็ต้องกระทำ ศัตรูมีนับหมื่นนับพันก็ต้องเผชิญ บางเรื่องแม้ว่ากระทำได้ เราก็ไม่เลือกทำ”
เมิ่งหวานยิ้ม “ถึงจะมิได้อยู่บนโลกแปดพิภพ และแม้จะผ่านมาหลายปีเพียงนี้ แต่ศิษย์พี่ถังท่านยังคงเป็นดั่งวันวาน”
“ข้ามีดีแค่เรื่องนี้แล้ว” ถังหย่งฮ่าวหัวเราะเช่นกัน
คนทั้งสองทางหนึ่งพูดคุย ทางหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเขาโถงทอง
แคว้นบูรพาของฟ้าเหนือฟ้าแม้จะกว้างไกล แต่ว่ายอดเขาเรืองรองอยู่ห่างจากเขาโถงทองไม่ไกล ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเมิ่งหวานและถังหย่งฮ่าว ไม่ทันไรก็รุดมาถึง
ที่นี่คึกคักยิ่ง ผู้คนขวักไขว่ ล้วนเป็นคนที่มาแสดงความยินดีกับเฉาเจี๋ย
ในตอนที่ถังหย่งฮ่าวกับเมิ่งหวานเพิ่งมาถึง ก็เห็นเหมาหยวนเชิงเจ้าสำนักเนินต้นจักรพรรดิมาถึงแล้วเช่นกัน
ตอนอยู่บนโลกซ้อนโลก เนินต้นจักรพรรดิกับเขาโถงทองมีความสัมพันธ์ไม่ใคร่ดีนัก ขัดแย้งกันอยู่บ่อยๆ วันนี้อยู่บนฟ้าเหนือฟ้ากลับไม่เห็นแล้ว
เมิ่งหวานกับถังหย่งฮ่าวมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มขึ้น
ถังหย่งฮ่าวในฐานะผู้สืบทอดของเขากว่างเฉิง และศิษย์ก้นกุฏิของเฉาเจี๋ย ยามนี้ย่อมมีน่าที่รับส่งแขก
ผ่านไปสักพัก แขกชุดใหม่ก็มาถึง ทำให้คนรอบๆ เกิดความปั่นป่วน
กลับเป็นเขากว่างเฉิงส่งคนมาแสดงความยินดี