ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1544 เปลี่ยนแปลงโลก
สวีเฟยยิ้มให้กับการทอดถอนใจของถังหย่งฮ่าว “ในตอนนั้นไม่ทราบว่ามีโลกซ้อนโลกและฟ้าดินที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่า”
บนใบหน้าของเฟิงม่อหยางปรากฏการหวนรำลึกเช่นกัน
พลังฝึกปรือในปัจจุบันของเขา คือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง
ในคนรุ่นเดียวกัน สู้เยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเฉิง และสวีเฟยไม่ได้ ทั้งเทียบกับพวกอิงหลงถูไม่ได้
ทว่าเฟิงม่อหยางเป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า เหนือกว่าเฟิงฉือบิดาของเขาแล้ว
ปัจจุบันเขากว่างเฉิงที่อยู่บนโลกแปดพิภพ มิได้แยกกันคุมสำนักอีก ใช้เป็นที่อยู่ของโถงบรรพบุรุษ เอาไว้กราบูชาผู้ล่วงลับซึ่งเป็นบูรพาจารย์แต่ละรุ่น
เขากว่างเฉิงทิ้งการปกครองโลกแปดพิภพ เพียงรักษาคนส่วนน้อยไว้เปลี่ยนเวรกันทำความสะอาดโถงบรรพบุรุษ แม้แต่ทะเลสาบสวรรค์สร้างก็ถูกยอดฝีมือในสำนักย้ายมิติ ส่งมายังฟ้าเหนือฟ้าแล้ว
เขากว่างเฉิงไม่ยึดครองโลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพอีก ปล่อยให้พัฒนาอย่างเป็นอิสระ
เหมือนกับสั่วหมิงจางออกจากโลกมังกรอัคคีในเขาดาราทะเลดวงดาวหลายปี แต่ตอนนี้เผ่าปีศาจเฝยอี้ที่ยึดครองโลกมังกรอัคคีถึงขั้นเปลี่ยนชื่อมันเป็นแดนเซียนอริยะน้อย ยังคงดูแลหรือแม้แต่ปกป้องหลุมศพบิดามารดาของเขา
บนโลกแปดพิภพในปัจจุบัน ต่อให้เขากว่างเฉิงไม่ทิ้งคนไว้คอยดูแล ก็ไม่มีใครกล้าบุกโถงบรรพบุรุษกว่างเฉิง เพียงแต่ว่าเขากว่างเฉิงต้องการให้ความเคารพบรรพบุรุษ จึงจัดส่งคนมาดูแล
สำหรับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ สายตาและโลกทัศน์ของพวกเขาย่อมมองไปยังระดับที่สูงกกว่า
เฟิงฉือที่ก่อนหน้านี้เฝ้าโลกเบื้องล่าง รับหน้าที่ควบคุมเขากว่างเฉิงบนโลกแปดพิภพ ย่อมไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นั่นต่อ ย้ายมายังฟ้าเหนือฟ้า
ไม่ว่าโลกแปดพิภพจะมีการปรับเปลี่ยนให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างไร เมื่อเทียบกับระดับความเต็มเปี่ยมของปราณวิญญาณในฟ้าเหนือฟ้า ที่สุดแล้วก็ยังด้อยกว่า
การอยู่บนฟ้าเหนือฟ้าเหมาะแก่การฝึกฝนของจอมยุทธ์มากกว่าอย่างมิต้องสงสัย
เฟิงฉือสู้บุตรของตนไม่ได้ แต่อาศัยสภาพแวดล้อมอันโดดเด่นและทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ของเขากว่างเฉิง เลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว
ถึงยังไม่ทราบว่าจะเลื่อนสู่ระดับเทวะสำแดง บรรลุถึงขั้นที่อาศัยพลังตัวเองลอยขึ้นจากโลกเบื้องล่างได้หรือไม่ แต่ว่าระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเฟิงฉือ ถ้าหากว่าอยู่บนโลกแปดพิภพเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน จะต้องมีตำแหน่งการปกครองที่น่ากลัวสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรโลกแปดพิภพในตอนนั้น ถึงขั้นยังไม่เคยปรากฏตัวตนที่สามารถลอยสู่โลกซ้อนโลกที่แท้จริงได้มาก่อน
“ถ้าหากว่าไม่เคยเห็นฟ้าดินที่กว้างใหญ่ด้านนอก ไม่มีการป้อนทรัพยากรจากโลกซ้อนโลกของพวกศิษย์พี่เยี่ยน ข้ากับคนหลายอาจจะมาไม่ถึงระดับในตอนนี้ ทั้งมองไม่เห็นภาพอันยิ่งใหญ่งดงามขนาดนี้ตลอดชีวิต” เฟิงม่อหยางยิ้มพลางกล่าว
เทียบกับโลกซ้อนโลกและฟ้าเหนือฟ้า โลกแปดพิภพที่เป็นโลกเบื้องล่างในตอนแรก แต่ละด้านต่างฝืดเคืองอย่างมิต้องสงสัย
ไม่ว่าจะเป็นระดับความเต็มเปี่ยมของปราณวิญญาณ หรือว่าจำนวนทรัพยากรแต่ละอย่างในโลก โลกแปดพิภพล้วนด้อยกว่าโลกซ้อนโลกและฟ้าเหนือฟ้า
การปรับปรุงหลังเรื่องราวของพวกเยี่ยนจ้าวเกอทำให้สภาพแวดล้อมโดยรวมของโลกแปดพิภพซ้อนดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้จัดส่งของวิเศษวัตถุล้ำค่าที่โลกแปดพิภพเหลือน้อยหรือสาบสูญไปแล้วไปเป็นจำนวนมาก
ยิ่งกว่านั้น ยังมีคัมภีร์วรยุทธ์ที่สูงส่งยิ่งกว่า
ภายใต้การช่วยเหลือเหล่านี้ ต่อให้เป็นคนในเขากว่างเฉิงที่อยู่อาศัยและฝึกฝนบนโลกแปดพิภพ ความเร็วการพัฒนาก็สูงขึ้นอย่างใหญ่หลวง ในกาลเวลาที่จำกัดมีความก้าวหน้ามากพอ เกิดความเป็นไปได้ที่สูงกว่าเดิม
มีคำกล่าวที่แพร่หลายกว้างขวางว่า ก่อนอายุสามสิบไม่เป็นปรมจารย์ มหาปรมาจารย์ก็หมดหวังตลอดชีวิต
คำกล่าวต่อระดับอื่นๆ ที่คล้ายๆ กันต่างมีอยู่มากมาย
เงื่อนไขมากมายเมื่ออุดมสมบูรณ์ขึ้น ก็ได้มอบโอกาสให้คนมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้หลายปี นอกจากสถิติส่วนหนึ่งที่พวกเยี่ยนตี๋ อิงหลงถูก เยี่ยนจ้าวเกอได้เหลือไว้จะโหดร้ายจนคนรุ่นหลังยากจะก้าวผ่านแล้ว ความจริงมีสถิติอายุน้อยที่สุดด้านการเพิ่มระดับมรรคายุทธ์มากมายถูกทำลาย
ผู้ที่ทำลายสถิติโดดเด่นกว่าพวกผู้อาวุโสหรือ?
ไม่แน่นัก ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะพวกเขามีเงื่อนไขดีกว่า ระดับความยากในการพัฒนาต่ำกว่า
ปัจจุบันจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ มหาปรมาจารย์ ปรมาจารย์บนโลกแปดพิภพไม่เพียงแต่มีจำนวนมากกว่าแต่ก่อน ลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นกว่าเดิมก็คือ อายุเฉลี่ยยังต่ำกว่าในอดีต
นอกจากจอมยุทธ์เขากว่างเฉิง เมืองทะเลมรกต เขาไร้พรมแดน หอคลื่นโหม ไปจนถึงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นใหม่ มีอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นมากกว่าวันวาน ยิ่งมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงที่อาศัยพลังของตัวเองลอยขึ้นมายังฟ้าเหนือฟ้าไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน
หากเป็นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน อาจเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการ
แต่ว่าถ้าหากบุคคลในตำนานบนประวัติศาสตร์ของโลกแปดพิภพอย่างจ่านตงเก๋อ จ่านซีโหลว จางเชา หวงกวงเลี่ยยังมีชีวิติอยู่ ด้วยเงื่อนไขทรัพยากรในปัจจุบันนี้ สามารถเดินสู่ยอดเขาที่สูงกว่าเดิมได้อย่างมิต้องสงสัย
เวลาก็ดีชีวิตก็ดี เป็นเพราะวาสนา โชคชะตากลั่นแกล้งคน ไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้
“เทียบกับระดับและอายุขัยในปัจจุบันของพวกเรา ต่างน้อยยิ่ง แต่นี่ยังมิใช่เวลานึกถึงความลำบาก มองย้อนกลับไปในชีวิต” สวีเฟยกล่าวอย่างไม่เร็วไม่ช้า “พวกเรามุมานะบากบั่น มิใช่เพื่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างนี้หรอกหรือ? ถึงมิใช่ความดีความชอบของข้าผู้แซ่สวี แต่สามารถเป็นสักขีพยานให้กับทุกอย่างนี้ สามารถใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ ก็ถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่งแล้ว”
ถังหย่งฮ่าวพอฟัง ก็ฮึกเหิม “ถูกต้อง การเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งนี้ยังไม่มีจุดสิ้นสุด แต่กำลังดำเนินอยู่ ยังดีได้กว่านี้ การฟื้นฟูภาพอันรุ่งเรืองก่อนมหาภัยพิบัติก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้”
คำกล่าวนี้ของเขามิได้ไร้หลักฐานโดยสิ้นเชิง
ในความจริงแล้วฟ้าเหนือฟ้า ณ ปัจจุบันยังคงอยู่ในขั้นตอนสั่งสมพลัง แต่ว่าค่อยๆ สั่งสมจนมีรูปมีร่างแล้ว
ระหว่างเวลาห้าสิบปีมานี้ ผู้ที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนตอนนี้ยังมีแค่หลิวเจิงกู่ เสวี่ยชูชิง และเฉาเจี๋ย
กระนั้นถ้าหากมองต่อไปจะพบว่า ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มีการสั่งสมพลังรอปล่อยออกอันแข็งแกร่ง
สายเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิงกับฟางจุ่นละทิ้งภาระหนักแต่แรก ตั้งใจฝึกฝน ศักยภาพที่ถูกกลบฟังและทำให้เสียเวลายังไม่หมดสิ้น เริ่มแสดงฤทธิ์เดชที่แข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว
ศิษย์อาจารย์ที่ตอนแรกต่างขึ้นสู่สะพานเซียน หลายปีมานี้กำลังจะเลื่อนสู่ขอบเขตจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขต่อ
ถึงแม้มิใช่ศิษย์กว่างเฉิง แต่อาหู่ที่มีความสัมพันธ์กับเขากว่างเฉิงแนบแน่น ความเร็วในการพัฒนาก็มิได้เชื่องช้าไปกว่าพวกซือคงจิง ปัจจุบันมีพลังในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแล้ว
นอกจากเขากว่างเฉิงแล้ว ไม่เพียงแต่เหมาหยวนเชิงแห่งเนินต้นจักรพรรดิจะเลื่อนชั้นสู่ระดับประมุขในหมู่คนเท่านั้น ในหมู่ศิษย์ของจักรพรรดิแพรแห่งผาบัวแดนบนยอดเขาอัศจรรย์ ฟู่ถิง ‘บัวแดงสูงส่ง’ ก็เลื่อนสู่ระดับประมุขต่อจากเหอซีสิงในอดีตเช่นกัน
หลินฮั่นหวา ‘ราชากระบี่ภูผาเงา’ ในอดีต หรือหลงฮั่นหวาในปัจจุบัน หลังกลับมรกตท่องฟ้า ก็กลับมาเป็นศิษย์เขาโถงทองอีกครั้ง พลังฝึกปรือเป็นประมุขในหมู่คนแล้ว
อารามคงมายาบนเขาหอเมฆาที่ละทิ้งรากฐานในเขตเขตราตรีอุดร มายังฟ้าเหนือฟ้า แม้นจะเสียประมุขอุดรไป แต่ว่าเฉิงม่อ ‘กิเลนฟ้าอุดร’ เจ้าอารามคนปัจจุบัน ผู้มีความสมารถที่โดดเด่นที่สุดในอดีต ก็อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ามาหลายปี ตอนนี้กำลังเข้าฌานเลื่อนสู่ระดับประมุขในหมู่คน มีความหวังมากถึงขีดสุด
จากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าถึงประมุขมนุษย์เซียน กับจากระดับประมุขฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน ขึ้นสู่ระดับเซียน เป็นด่านยากขนาดมหึมาสองด่าน อาจจะทำให้คนติดเป็นร้อยเป็นพันปีได้ตลอดเวลา ทำให้ศักยภาพและอายุขัยของคนสิ้นเปลือง
ดังนั้นเป็นเพราะด่านสองด่านนี้ โดยเฉพาะการดำรงอยู่ที่ขวางระหว่างมนุษย์และเซียน ทำให้ฟ้าเหนือฟ้าในปัจจุบันสั่งสมยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้ไม่น้อย
ถ้าหากศักยภาพหมดแล้วก็ยังพอว่า ทว่าสำหรับคนที่ศักยภาพยังไม่หมด ก็จำเป็นต้องอดทนขัดเกลาสั่งสมและตามหาโอกาสในการเลื่อนระดับ
หากผ่านด่านได้ ก็จะเป็นฟ้าดินแห่งใหม่ทันที
ด้วยสภาพมีชีวิตชีวาและยิ่งใหญ่ขึ้นในวันนี้ของฟ้าเหนือฟ้า อนาคตมีแต่ยิ่งมายิ่งดี
เหมือนอย่างโลกแปดพิภพในอดีต ไม่มีคนคิดออกว่าจะมีการเปลี่ยนแลงชนิดพลิกคว่ำฟ้าดินอย่างนั้น
และในวันนี้ ปาฏิหาริย์เทพนิยายในอดีตที่ยากจะจินตนาการ กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความจริงบนฟ้าเหนือฟ้าแล้ว
เฟิงม่อหยางพยักหน้าเล็กน้อย “อาจมีพลังน้อยนิด แต่ว่าขอให้ข้าผู้แซ่เฟิงเข้าร่วมด้วย มีพลังหนึ่งส่วน ก็ใช้หนึ่งส่วน”