ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1549 ยิ่งใกล้ระดับมรรคายิ่งลำบาก
พวกเยี่ยนจ้าวเกอออกจากซากปรักหักพัง บอกลาเฉาเจี๋ย ลงจากเขาโถงทอง แล้วมุ่งหน้าไปทางตะวันตก กลับเทือกเขากว่างเฉิงแดนศูนย์กลาง
หลังเข้าไปในเทือกเขา ผ่านสถานที่แห่งหนึ่ง ฝีเท้าของพวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างช้าลงหลายส่วน
ระหว่างขุนเขา มีเมฆหมอกลอยอ้อยอิ่ง หิมะกองสุมชั่วนาตาปี ราวกับฤดูหนาว
ไอหมอกหนาเหมือนกับผนึกตัวเป็นสสาร ทำให้ยอดเขาสูงชันเหมือนกับถูกแช่แข็งในชั้นน้ำแข็ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองทางด้านนั้น ถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง
ยอดเขาเมฆมรกต ที่อยู่ของนิวาสสถานที่บำเพ็ญของเฉินเสวียนจงราชันพระพุธ
ตอนนั้นหลังจากเฉินเสวียนจงหายตัวไปจากโลกซ้อนโลก เจี่ยหมิงคงจักรพรรดินีก็รับช่วงต่อ ภายหลังเจี่ยหมิงคงออกจากโลกซ้อนโลก เฉินเสวียนจงกลับมา จนกระทั่งให้หลังแยกตัวจากโลกซ้อนโลก ยอดเขาเมฆมรกต เขานครหยก และยอดเขาอัศจรรย์ต่างเข้ามาในตำหนักโอสถ สุดท้ายกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขากว่างเฉิงดินแดนศูนย์กลางแห่งฟ้าเหนือฟ้า
ปัจจุบันที่นั่นยังคงมีลูกศิษย์ของอารามคลื่นยะเยือกอาศัยอยู่บางส่วน
พวกเฉินเสวียนจงที่ถูกแช่แข็งอยู่ในโพรงน้ำแข็งใต้ยอดเขาเมฆมรกต ไม่ทราบว่าเวลาใดจะได้เห็นท้องฟ้าและดวงตะวันอีกครั้ง
ทุกๆ ครั้งที่เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงอารามคลื่นยะเยือกบนยอดเขาเมฆมรกต จะซึมเซาเหม่อลอย
เยี่ยนซิงถางปู่ของตนสนิทสนมกับเฉินเสวียนจง เพื่อลูกหลานของสหายเก่า เฉินเสวียนจงชักดาบช่วยเหลือ ลงมือช่วยเขากว่างเฉิงโดยไม่ลังเล
น่าเสียดายที่การต่อสู้กับมารน้ำกุ่ยสุดท้ายมีผลลัพธ์เช่นนี้
ถึงจะยังคงมีความหวัง แต่กลับไม่ทราบว่าจะหลุดออกมาจากด้านในวันไหน
“ตอนนั้นใต้เท้ากษัตริย์ดาราสมควรอยู่ห่างจากระดับห้าปราณมุ่งสู่กำเนิดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น” ฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรถอนใจคำหนึ่ง “ถ้าสหายร่วมเส้นทางเจี่ยแก้ปมในใจได้แล้ว เกรงว่าจะมีความหวังในการฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงมากเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเงียบๆ “ผู้อาวุโสเฉินเคยกล่าวว่า ถ้าไม่มีความกังวลจากมาร ในร้อยปีมีความหวังที่จะฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง”
พวกสวีเฟย เกาเสวี่ยพอ หวังผู่ได้ยิน ต่างก็เสียดาย
พอฝึกฝนถึงระดับเซียน ทุกๆ ครั้งที่ยกระดับ ก็เหมือนก้าวข้ามร่องน้ำทางธรรมชาติสายหนึ่ง หน้าหลังมีระยะห่างเป็นตัวตัดสิน
ในทางเดียวกัน ความยากในการข้ามร่องน้ำทางธรรมชาติ รวมถึงเวลา ประสบการณ์ และทรัพยากรที่ต้องใช้ มีมหาศาลยิ่งกว่า
ย้อนไปในช่วงเวลาห้าสิบปีก่อน ฟ้าเหนือฟ้ามีเซียนจริงแท้เพิ่มขึ้นมาสามคน มียอดฝีมือชั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงไม่น้อย จำนวนของประมุขในหมู่คนก็ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดบนโลกซ้อนโลกในอดีต แต่จำนวนยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ายังมีมากกว่าช่วงรุ่งเรืองของโลกซ้อนโลกเสียอีก
นอกจากขุมกำลังที่มีการสืบทอดแข็งแกร่งอย่างเขากว่างเฉิง เขาโถงทอง เนินต้นจักรพรรดิ ขุมกำลังอื่นๆ บนฟ้าเหนือฟ้าก็ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในช่วงเวลานี้ ปรากฏยอดฝีมือทำลายคอขวาดในอดีตแล้วผงาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งฟ้าเหนือฟ้าเหมือนน้ำขึ้นเรือลอยสูง
ยิ่งมองไปในอนาคต รากฐานของฟ้าเหนือฟ้าก็ยิ่งหนักแน่น พร้อมกับที่เวลาผ่านไป จำนวนผู้เข้มแข็งก็ยิ่งมายิ่งมาก ความเร็วในการปรากฏยิ่งมายิ่งสูง
สถานการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นบนมรกตท่องฟ้าเช่นกัน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมีจำนวนมากขึ้นอย่างชัดเจน
คนในโลกน้ำพุหยกย้ายเข้ามาในจักรวาลฟ้าฟื้น ภายใต้การช่วยเหลือของผู้เข้มแข็งระดับมหาชาลของสำนักเต๋า ก็สร้างโลกอีกใบหนึ่งสำเร็จ มีชื่อว่าฟ้าน้ำพุหยก
ปัจจุบันในฟ้าน้ำพุหยกมีภาพอันรุ่งเรืองเหมือนกัน มิได้เป็นทางตัน และน่าเป็นห่วงเหมือนอย่างในอดีต
ครั้งนี้เฉาเจี๋ยเลื่อนเป็นเซียน ทางฟ้าน้ำพุหยกก็มีสหายร่วมเส้นทางที่หลายปีมานี้ได้ทำความรู้จักกันมาแสดงความยินดีด้วย
แต่ไม่ว่าจะเป็นมรกตท่องฟ้าหรือว่าฟ้าน้ำพุหยก ต่างมีสถานการณ์เหมือนกับฟ้าเหนือฟ้า ผู้เข้มแข็งระดับเซียนใหม่ๆ โผล่มาไม่มากนัก
การสืบทอดของสองฝั่งนี้ใช้การฝึกระบี่เป็นหลัก การพัฒนาเลื่อนระดับค่อนข้างยาก หลายปีมานี้ต่างให้กำเนิดเซียนจริงแท้แห่งละคน
เซียนจริงแท้คนหนึ่งในตอนแรกของฟ้าน้ำพุหยก มีชื่อว่าเฟิงอวี่เต้าหยิน เป็นเซียนจริงแท้หลายปี สำเร็จไร้ช่องโหว่วแต่แรก ตอนอยู่บนโลกน้ำพุหยกขาดอีกก้าวเดียวก็สามารถทะลวงภัยพิบัติสัจพิศวงได้ น่าเสียดายเป็นเพราะติดอยู่บนโลกน้ำพุหยกออกมาไม่ได้ ขาดวาสนาหลายส่วน เป็นเหตุให้ไม่ก้าวหน้า
ต่อมาโลกน้ำพุหยกได้รับการแก้ผนึก หลังจากเฟินอวี่เต้าหยินออกเดินทางตามหาของวิเศษสวนหนึ่งในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ก็ได้กลับฟ้าน้ำพุหยกในจักรวาลฟ้าฟื้น ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวงสำเร็จ ทำให้ฟ้าน้ำพุหยกได้เซียนลี้ลับสงบนิ่งคนใหม่
ไม่กี่ปีมานี้ทางมรกตท่องฟ้าก็มีข่าวลือว่า ประมุขในหมู่คนผู้หนึ่งกำลังเข้าฌาน และกำลังฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน มีความหวังค่อนข้างสูง คิดว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกล เพียงช้ากว่าเฉาเจี๋ย
ทว่านอกจากพวกเขาแล้ว ในหมู่ยอดฝีมือระดับเซียนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่อะไร
พวกถงซินหลินกับกว่างทงจื่อทางฟ้าน้ำพุหยกล้วนกำลังสงบใจฝึกฝน
ในมรกตท่องฟ้า หลงซิงเฉวียนกับอวิ๋นเจิงเต้าหยินต่างอยู่ในของเขตชั้นสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับ
คนทั้งสองล้วนเป็นอัจฉริยะล้ำเลิศ เพียงแต่การพัฒนาในการฝึกกระบี่มีความลำบาก ถึงแม้ว่าจะเคยหล่อเลี้ยงกระบี่ กระนั้นยังห่างจากระดับเซียนกำเนิดที่ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดอยู่เล็กน้อย
เวลาแบบนี้การสืบทอดวรยุทธ์ ของวิเศษ และโอสถมิอาจสร้างความสำเร็จให้ได้ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและวาสนาส่วนตนเป็นส่วนใหญ่
บางทีอาจสำเร็จได้ทุกเวลา บางทีอาจต้องติดอยู่อีกนาน
หลงเสวี่ยจี้ เกาเสวี่ยพอสองพี่น้อง ยังมีจักรพรรดิศานติกับจักรพรรดิอุรุ ยอดฝีมือเซียนจริงแท้หลายคนก่อนหน้านี้ของมรกตท่องฟ้า ตอนนี้ยังมิอาจฝ่าภัยพิบัติสัจพิศง ต้องเคี่ยวกรำให้มากๆ
ในฟ้าเหนือฟ้า ภายใต้การช่วยเหลือของเยี่ยนจ้าวเกอ หลายปีมานี้ฟู่อวิ๋นฉือจักรพรรดิแพรได้ศึกษาวิชาละน้ำใจพึ่งพาตัวเอง เส้นทางที่พร่ามัวก่อนหน้าเริ่มแจ่มชัดมากขึ้น ทำให้เขามีความหวังในการไต่ขึ้นสู่ระดับที่สูงกกว่าเดิม แต่ว่าหากจะทำให้สำเร็จจริงๆ ก็จำเป็นต้องมีการสั่งสมด้านเวลาไม่มากก็น้อย
เฉินเสวียนจงกษัตริย์ดารากับเจี่ยหมิงคงจักรพรรดินี ยังมีฉู่หลีหลีที่เป็นเซียนจริงแท้เหมือนกัน ถูกแช่แข็งอยู่ใต้ยอดเขาเมฆมรกต เยว่เจิ้นเป่ยกษัตริย์กระบี่รวมสี่ปราณเป็นวายุ อยู่ในขอบเขตสูงสุดของระดับเซียนลี้ลับ แต่ว่ายังอยู่ห่างจากระดับห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิดเช่นกัน
ความยากในการพัฒนาบนระดับเซียนของเขา มองเห็นได้จากสาเหตุนี้
นี่เดิมทีเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา แม้ว่าจะมีศักยภาพและแรงผลักดันในการขึ้นไปสู่ที่สูงต่ำ ระดับยิ่งสูงเท่าไหร่ เวลาและสมาธิที่จำเป็นต้องใช้สำหรับเลื่อนระดับก็ยิ่งมากเท่านั้น
ยิ่งใกล้ระดับมรรคาก็ยิ่งลำบาก แม้จะเก่งกาจปานใด หลังจากผลักเปิดประตูเซียน ก็ได้แต่พยายามลดเวลาที่จำเป็นให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือว่าถ้าขั้นตอนส่วนไหนทิ้งได้ก็ต้องทิ้ง แต่มิอาจทำให้พวกมันหายไปโดยสิ้นเชิง
เวลาตกตะกอนที่จำเป็นส่วนหนึ่ง ในที่สุดแล้วก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลาสั่งสมอย่างช้าๆ
ทุกคนผ่านยอดเขาเมฆมรกต ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกรอบ
ฟู่อวิ๋นฉือนำพวกเมิ่งหวานและศิษย์ศิษย์ของเขาอัศจรรย์กลับผาบัวแดง หวังผู่และคนในสำนักกลับเขานครหยก
พวกเยี่ยนจ้าวเกอตรงดิ่งไปที่ยอดเขาหลักของเขากว่างเฉิงที่อยู่ตรงกลางเทือกเขา
กลับไปถึงบนเขา เข้าสู่สำนัก ระหว่างทางพบกับจอมยุทธ์กว่างเฉิงกลุ่มหนึ่งผ่านมา พวกเขาพอเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟย ก็รีบร้อนคำนับ
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ศิษย์พี่เยี่ยน” คนด้านหน้าเป็นบุรุษหนุ่มที่ภายนอกมองไปอายุสามสิบกว่าปี บุคลิกมั่นคง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องหลานสบายดี พวกเราไม่ได้เจอกันสักพักแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
เขารู้จักคนตรงหน้า เป็นหลานเหวินเหยียนศิษย์น้องร่วมสำนักที่คุ้นเคยกันตั้งแต่ตอนอยู่บนโลกแปดพิภพ
“รบกวนศิษย์พี่เยี่ยนเป็นห่วงแล้ว” หลานเหวินเหยียนตอบด้วยรอยยิ้ม
“การประลองในสำนักครั้งใหม่จะมาถึงแล้ว จำเป็นต้องบัญญัติกฎ ขณะที่ทำตามตัวอย่างเก่าในอดีต ครั้งนี้สมควรมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เทียบกับอดีตแล้วให้เน้นหนักที่การทำศึกจริง” หลังสวีเฟยคารวะตอบก็เอ่ยขึ้น
หลานเหวินเหยียนพยักหน้า “ตามแต่คำสั่งของศิษย์พี่เจ้าสำนัก”