ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1552 กระบี่เคลื่อนลมเมฆ คลื่นซัดโหมสี่ทิศ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเซ่นกระบี่ ในวังสวรรค์โถงเซียน ด้านในตำหนักแห่งหนึ่งพลันเกิดแสงสว่าง
ในตำหนัก เทวกษัตริย์เภรีที่ใบหน้าซีดขาวอยู่บ้างเดิมกำลังหลับตาทำสมาธิ ยามนี้พลันลืมตา หันไปมองด้านตรงข้าม
ที่นั่นนั่งด้วยบุรุษที่เหมือนกับคนหนุ่มผู้หนึ่ง ร่างสูงใหญ่ มีสามเศียรหกกร บนหน้าผากยังมีดวงตาที่สาม
บุรุษหนุ่มมองกระดิ่งเล็กๆ อันหนึ่งกลางตำหนัก
กระดิ่งเล็กเหมือนกับระฆังสำริด ยามนี้ส่องแสง ยิ่งส่ายไหวเบาๆ แต่ไม่ได้ส่งเสียง
บรกระดิ่งติดยันต์กระดาษใบหนึ่ง ตอนนี้ลวดลายบนยันต์กระดาษบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลง เหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา
“เส้นทางนอกรีตลงมือแล้ว” บุรุษหนุ่มที่มีสามเศียรหกกรลืมตาทั้งสามข้าง พูดว่า “ดูเหมือนครั้งนี้สิ่งที่พวกเขาเล็งจะมิใช่กระบี่สังหารเซียน แต่เป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ท่านอาจารย์เคยถือครอง”
เทวกษัตริย์เภรีกล่าวเสียงทุ้ม “หาเจอหรือไม่?”
“ถ้าหากง่ายดายปานนั้น หลายปีมานี้คงเจอไปแล้ว” คนหนุ่มส่ายหน้า “เพียงแต่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวแล้ว สองอย่างประสานกัน ทางพวกเราค่อยมีการเคลื่อนไหว”
“ถ้าต้องการหา ต้องถือกระดิ่งใบนี้ไปด้วย บางทีอาจมีโอกาสหลายส่วน แต่ยากรับประกัน”
บุรุษหนุ่มมองเทวกษัตริย์เภรี “ข้าทราบว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากเส้นทางนอกรีตของท่านยังไม่หายดี ความคับข้องในอกยากจะระบาย แต่ว่าปัจจุบันโถงเซียนของพวกเรากำลังต่อสู้กับมารร้ายบัวขาว ไม่มีเวลาจริงๆ ท่านอย่าได้รีบร้อน ไปเองคนเดียว”
เทวกษัตริย์เภรีใบหน้าเคร่งขรึม กล่าวอย่างแช่มช้า “วาจานี้ไม่ผิด สหายร่วมเส้นทางอินไม่ต้องห่วง ข้าจะระวัง ไม่สูญเสียการแยกแยะ”
“แต่พวกเราก็ไม่อาจไม่ลงมือ มุสิกงูอุตส่าห์ออกโพรง ไม่อาจปล่อยผ่านไปง่ายๆ”
บุรุษหนุ่มผู้นั้นได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย “มิผิด แต่เราท่านมิอาจตัดสินใจ”
ว่าแล้ว เขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ชี้ไปที่กระดิ่งเล็กๆ ใบนั้น กระดิ่งหล่นลงสู่มือของเขา
“สหายร่วมเส้นทางอาการบาดเจ็บไม่หายดี ให้ข้าไปแล้วกัน” บุรุษหนุ่มเอ่ย
เทวกษัตริย์เภรีลุกขึ้น “รบกวนสหายร่วมเส้นทางอินด้วย ข้าจะรอคอยข่าว”
บุรุษหนุ่มร่างกายส่ายวูบ กลายเป็นลำแสง ออกจากวังสวรรค์โถงเซียน มุ่งหน้าไปยังที่ไกล
ข้ามผ่านมิติหลายแห่ง สุดท้ายเขาเข้าไปในจักรวาลแห่งหนึ่ง ที่นั่นพุทธเกษตรนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันเป็นลำดับ ดอกบัวมากมายเบ่งบาน ดูสงบนิ่งเป็นมงคล
บุรุษหนุ่มเข้าไปในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านใน มาถึงด้านหน้าวัดแห่งหนึ่ง ก้มหัวกล่าว “ผู้เยาว์อินเจียว ขอพบทีปังกรพุทธะ”
ด้านหน้าวัดมีนักบวชศาสนาพุทธท่านหนึ่งประนมมือไหว้ “คำนับเทวกษัตริย์ไท่ซุ่ยประจำปี เชิญเข้าไปด้านใน ท่านอาจารย์กำลังรอโยมอยู่”
เทพไท่ส่วยผู้ควบคุมอายุขยัยประจำปีแห่งวังเทพในอดีต อินเจียวเทวกษัตริย์ไท่ส่วนประจำปีของโถงเซียนในปัจจุบัน เข้าไปในวัด
บนบัวขาวด้านในวัดนั่งไว้ด้วยพุทธะกายทองที่มีกลิ่นอายเก่าแก่เต็มเปี่ยมองค์หนึ่ง ในแสงพุทธที่กระจ่างใสไร้มลทินหลังศีรษะ ตั้งด้วยตะเกียงเครื่องเคลือบใบหนึ่ง เป็นทีปังกรพุทธะนั่นเอง
พอเห็นอินเจียวมาถึง ทีปังกรพุทธะก็แย้มยิ้ม “ดูเหมือนกระบี่เล่มที่สามจะเป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนแล้ว”
อินเจียวมือรองกระดิ่งใบเล็ก เห็นกระดิ่งใบเล็กยังสั่นไหวโดยไร้เสียง “เรียนอดีตพุทธะ เป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ท่านอาจารย์เคยถือครอง”
“วิธีการของอีกฝ่ายแม้ยากจะทราบถึงรากฐาน แต่ว่ารายละเอียดคร่าวๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นแล้ว เป็นการอาศัยกระบี่ตามหาคน แต่ถ้าจะตามหาคน สมควรมีเบาะแสแรกสุดอยู่บ้างเพื่อใช้เป็นที่พึ่ง” ทีปังกรพุทธะว่า “ตราพลิกฟ้าของอาจารย์ในตอนนั้นแหลกสลาย ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งในนี้ตกไปอยู่ในมือของเขากว่างเฉิงนั่นโดยบังเอิญ ถ้าหากว่าทางกระบี่สังหารเซียนไม่มีเบาะแสที่ดีกว่า เช่นนั้นการใช้พิธีหากระบี่เป็นครั้งที่สองนี้สมควรเป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนแล้ว”
“อดีตพุทธะเห็นกระจ่างไกลหมื่นลี้” อินเจียวกล่าว
ทีปังกรพุทธะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาตมาเพียงคอยสอดส่องอยู่ด้านข้าง จะว่าไปผู้สืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์ก็ให้กำเนิดผู้มีความสามารถออกมาเรื่อยๆ จริงๆ พิธีที่สร้างใหม่นี้มีลักษณะเฉพาะอย่างแท้จริง”
อินเจียวพอฟังเพียงยิ้มจางๆ มิได้ตอบคำ
ทีปังกรพุทธะดีดนิ้วเบาๆ ครู่ต่อมาบัวเขียวร่อนลงมาด้านนอกวัด บนปัทมาสน์สีเขียวมีแสงตะเกียงสีทองส่องระยิบระยับ
“พวกท่านไปเถอะ เห็นโอกาสให้จัดการ เขาดาราทะเลดวงดาวกับบัวขาวเส้นทางนรอกรีจจะต้องไม่นั่งอยู่เฉยๆ แน่” ทีปังกรพุทธะกล่าว
รอจนอินเจียวออกวัดไป ทีปังกรพุทธะนั่งนิ่ง ยิ้มเล็กน้อย
สายตาของท่านข้ามผ่านมิติมากมาย มองไปไกล เหมือนกับไม่มีจุดรวมศูนย์ “เหตุปัจจัยกำหนดแต่แรก โอกาสกลับมาไม่ถึง…”
…
บนแดนสุขาวดีบัวขาวในเวลาเดียวกัน ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีนั่งอยู่ด้านในพุทธเกษตรของตัวเอง
เวลานี้พลันมีบัวขาวอีกดอกหนึ่งลงมาถึงที่นี่
ฉวีซูลืมตาขึ้น เงยหน้ามองไป “ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะมาที่นี่ เป็นสำนักเต๋าเส้นทางนอกรีตมีการเคลื่อนไหวออกตามหากระบี่แล้ว?”
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะบนบัวขาวพยักหน้ากล่าวว่า “ทางเขาดาราทะเลดวงดาวมีข่าวส่งมาแล้ว”
ฉวีซูพยักหน้า ลุกขึ้นยืน
“พระพุทธองค์กำลังสู้กับมารร้ายไร้ประมาณ แต่ว่ายังคงให้ความสนใจเรื่องนี้ ประทานคำสั่งมา” ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะกล่าว “มารร้ายไร้ประมาณคล้ายเล็งสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนเช่นกัน ท่านไปในครั้งนี้โปรดระวังตัว”
ฉวีซูพยักหน้า “นะโมอมิตาพุทธ ศิษย์รับคำสั่ง”
เขาออกจากแดนสุขาวดีบัวขาว มุ่งหน้าไปยังเขาดาราทะเลดวงดาว
ข้ามผ่านมิติมากมาย มาถึงเขาดาราทะเลดวงดาวจักรวาลที่เผ่าปีศาจใช้เร้นกาย และอยู่อาศัย หลังจากเข้าไปด้านใน ฉวีซูก็ไปยังสวรรค์ไท่ซู่อันสูงส่ง
ถึงแม้เขาดาราทะเลดวงดาวจะประกอบด้วยโลกจำนวนมาก ปราณปีศาจมากมายพวยพุ่งขึ้นฟ้า มีลมดำพัดเป็นระลอก
ทว่าบนสวรรค์ไท่ซู่กลับมีแสงอัสดงกับสายเมฆมากมายไหลเวียนอยู่รอบๆ จักรวาล ขับที่นี่จนเหมือนกับแดนเซียน
แม้ว่าจะมีลมปีศาจที่คาวเลือดน่ากลัวพุ่งมาจากภายนอก พอเข้ามาในนี้ ก็จะหายไปทันที
ฉวีซูเข้าไปในสวรรค์ไท่ซู่ อันดับแรกเงยหน้ามองไป เห็นด้านนอกเมฆบนชั้นฟ้าล่องลอยเลือนราง คล้ายมีตำหนักอยู่ แต่ก็เหมือนไกลเกินเอื้อม ยากจะเข้าใกล้
เขาทราบว่านั่นก็คือแดนลี่ก่วงในตำนาน
ตำหนักกษัตริย์วาในแดนลี่กว่างบนสวรรค์ไท่ซู่ด้านนอกสวรรค์สามสิบสามชั้น เป็นที่อยู่ในอดีตของเจ้าแม่หนี่ว์วา
หลังจากกษัตริย์วาหลุดพ้น วังกษัตริย์วาก็หายไป วังกษัตริย์บูรพาถูกตั้งขึ้นแทน แดนลี่กว่างเป็นกษัตริย์บูรพาปกครอง
ฉวีซูก้มหัวหลุบตา เคลื่อนไหวอยู่ในสวรรค์ไท่ซู่ ไม่ทันไรก็มาถึงหน้าเขาวิญญาณลูกหนึ่ง
ที่ประตูขึ้นเขามีเด็กรับใช้นำทาง “บุตรกระบี่หกวิถีได้โปรดตามข้ามา นายผู้เฒ่ากำลังรอท่านอยู่”
ฉวีซูติดตามเด็กรับใช้เผ่าปีสาจที่เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ผู้นี้เข้าสู่เขาวิญญาณ เดินมาถึงยอดเขา
บนยอดเขามีต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าต้นหนึ่ง พอขึ้นไปถึงยอดไม้ ก็เห็นชายชราผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิ
พอเห็นชายชราผู้นี้ ฉวีซูก็คารวะก่อน “ผู้เยาว์คำนับเจ้ามรรคา”
“ท่านมองดูตรงนั้น” ชายชราว่า
ฉวีซูมองไป เห็นหินสีดำก้อนหนึ่ง ตอนนี้กำลังลุกไหม้อยู่ในเปลวเพลิงสีแดงทอง ส่งเสียงซู่ๆ เบาๆ
เขาเพ่งตามองไป กลับรู้สึกได้ว่าก้อนหินสีดำที่เหลี่ยมมุมไร้แบบแผนก้อนนั้น เหมือนกับตราประทับใหญ่ที่ไม่สมบูรณ์เหลือเพียงครึ่งเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง
“นี่คือ…” ฉวีซูเหมือนเข้าใจอันใด
ชายชราพยักหน้า “มิผิด นี่เป็นชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าของกว่างเฉิงจื่อที่เหลืออยู่หลังแหลกสลาย
“สามพิสุทธิ์สายหลักต้องการตามหาสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับมา ดูจากตอนนี้ กระบี่เล่มที่สองที่เล็งไว้ สมควรเป็นลงทัณฑ์เซียนมิใช่สังหารเซียน”