ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1553 ตัวเลือกที่เหมาะสม
ชายชรานั่งอยู่บนลำต้น สวมมาลาหางปลา ใส่เสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ หน้าตาประหลาด ไว้เครายาว
วัตถุสองอย่างลอยอยู่ตรงหน้าเขา
อย่างหนึ่งเป็นตราพลิกฟ้าที่เป็นชิ้นส่วนเหมือนกับก้อนหินสีดำ อีกอย่างหนึ่งเป็นน้ำเต้าเจ็ดสี
ตอนนี้ชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าลุกไหม้อยู่ในเปลวเพลิงสีแดงทอง ส่วนน้ำเต้าเจ็ดสีนั้นไม่มีปฏิกิริยาใด
ฉวีซูเห็นดังนั้นก็พอเข้าใจคร่าวๆ
น้ำเต้าเจ็ดสีเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นของวิเศษติดตัวของเทวกษัตริย์ปฏิบัติเต๋าผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์ซึ่งก่อนหน้านี้ครองกระบี่สังหารเซียน
ของวิเศษของเทวกษัตริย์ประพฤติเต๋าซึ่งชนชาวโลกคุ้นเคยมากที่สุด ย่อมเป็นสากปราบมารซึ่งได้มอบให้แก่เหวยฮู่ลูกศิษย์ของตัวเอง
แต่ว่านอกจากนี้แล้ว เขาต้องมีของวิเศษติดตัวอย่างอื่น เพียงแต่ว่าไม่ได้โด่งดั่งเท่าสากปราบมารก็เท่านั้น
ตอนนี้ตราพลิกฟ้าที่เสียหายมีปฏิกิริยาลุกไหม้อยู่ด้านในเปลวเพลิง ส่วนน้ำเต้าเจ็ดสีหน้าไม่มีการเคลื่อนไหว อธิบายได้ว่า ในสถานที่ที่ยังไม่ทราบ การดำเนินพิธีกรรมของพวกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ก่อนหน้านี้เทวกษัตริย์กว่างเฉิงเคยถือครอง มิใช่กระบี่สังหารเซียน
ชายชราเสื้อคลุมแดงโบกมือ ตราพลิกฟ้าเสียหายที่ลุกไหม้ชิ้นนั้นลอยมาตรงหน้าฉวีซู
ฉวีซูไม่คิดจะดับไฟ แต่เก็บมันไว้ เปลวเพลิงไม่ได้ส่งผลต่อเขา
“ทางแดนสุขาวดีตะวันตกกับโถงเซียนคงจะมีการเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกท่านจงปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์” ชายชราเสื้อคลุมแดงว่า “ถ้าหากได้ร่องรอยของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลัก จึงจะดีที่สุด”
ฉวีซูพยักหน้า “คำกล่าวของเจ้ามรรคาถูกต้องแล้ว”
“ข้าได้ยินสิ่งที่กระบี่ราชพุทธะอาจารย์ของประสบแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าท่านจะแยกแยะได้” ชายชราเสื้อคลุมแดงกล่าว “ความแค้นทำให้คนตาบอด แต่ว่าคนที่มีความสมารถจริงๆ ขอแค่เยือกเย็นกว่าเดิม ก็จะมีโอกาสแก้แค้น สมหวังตามที่ปรารถนา”
ฉวีซูใบหน้าสงบนิ่ง คารวะชายชราเสื้อคลุมแดงอย่างไร้เสียง
“ข้ายึดมั่นในเรื่องนี้มาโดยตลอด” ชายชราเสื้อคลุมแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น่าเสียดายตอนนี้เผิงยักษ์กำลังสู้กับแดนสุขาวดีตะวันตก ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เขาร่วมทางกับท่าน”
นกเผิงยักษ์ปีกทอง หรือก็คือเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ เป็นผู้โดดเด่นในหมู่มหาเทวะเผ่าปีศาจอย่างมิต้องสงสัย
นอกจากนี้ยังมีแค้นสังหารบุตรกับเยี่ยนจ้าวเกอ ปรารถนาตามหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อแก้แค้นมาโดยตลอด
ปัจจุบันไฟสงครามของสองเส้นทางนอกรีตยังม่สงบลง เผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกก็เข้าร่วมด้วย ตอนนี้เผิงท่องเมฆหมื่นลี้มิได้อยู่ที่เขาดาราทะเลดวงดาว
“วิทยราชเผิงยักษ์มีความสามารถกว้างขวาง สยบเส้นทางนอกรีตตะวันตก รักษากฎเกณ์และความถูกต้อง มีคุณูปการยิ่งใหญ่ ผู้เยาว์ที่แล้วมาเลื่อมใส” ฉวีซูว่า
“ถ้าหากบอกข่าวกับเขา ไม่แน่ว่าเผิงยักษ์จะยังคงถอนตัวกลับมา” ชายชราเสื้อคลุมแดงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่าอย่าเพิ่งเรียกกลับมาให้วุ่นวาย วันนี้ที่สวรรค์ไท่ซู่มีตัวเลือกอื่นๆ ที่เหมาะสมเช่นกัน เหมาะกับสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนสายเหนือพิสุทธิ์พอดี”
ขณะที่พูด ข้างกายเขาสองด้านมีแสงกลุ่มหนึ่งสว่างขึ้น เหมือนกับเปิดประตูสองบาน
กลางประตูด้านซ้าย ไม่ทันไรมีเสียงดังมา “เจ้ามรรคาเชื้อเชิญ มีสิ่งใดต้องการสั่งสอน?”
เสียงทางประตูขวาถามมาติดๆ “กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับสังหารเซียนมีข่าวแล้ว?”
“กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมีการเคลื่อนไหวแล้ว” ชายชราเสื้อคลุมแดงตอบแฝงรอยยิ้ม
ประตูที่กอปรจากเปลวแสงสองบานนั้นส่ายวูบหนึ่ง จากนั้นพูดขึ้นพร้อมกันจากสองด้าน “เยี่ยมยอด!”
ประตูที่เกิดจากเปลวเพลิงสลายไป ชายชรากล่าวกับฉวีซู “พวกท่านร่วมทางไปแนวหน้าก่อน ถ้าหากเรื่องราวไม่ราบรื่น ค่อยปรึกษากัน”
“ผู้เยาว์เข้าใจ” ฉวีซูลุกขึ้น กลายเป็นบัวขาว ลอยขึ้นจากต้นไม้โบราณไปถึงเมฆสีเขียว ออกจากสวรรค์ไท่ซู่
ขณะเดียวกัน ในสวรรค์ไท่ซู่แยกกันมีลมปีศาจสองสายพัดขึ้น ตอนแรกหนักแน่นสงบนิ่ง พอออกจากสวรรค์ไท่ซู่ พลันเปลี่ยนเป็นดุร้ายหมายขวัญ
บัวขาวกับลมปีศาจสองสายร่วมทางกันด้วยดี หลังพบกันแล้ว ก็บินออกจากเขาดาราทะเลดวงดาว สุดท้ายผละจากเขาดาราทะเลดวงดาว หายไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
…
จักรวาลฟ้าฟื้น ในฟ้าเหนือฟ้า บนเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงตำหนักโอสถบนยอดเขาพร้อมกับเฟิงอวิ๋นเซิง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่เดิมทีนั่งขัดสมาธิหลับตาทำสมาธิในตำหนักโอสถลืมตา แล้วลุกขึ้นยืน
ด้านข้างมันหมอบไว้ด้วยก้อนขนสีขาวดำ นอนหลับพลางกลิ้งซ้ายกลิ้งขวา สตรีนางหนึ่งกำลังลูบผิวที่ปุกปุยของมันอยู่ด้านข้าง ใบหน้าพอใจ
“นายน้อย นายหญิงน้อย” นางคือเสี่ยวอ้าย เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเข้ามา นางก็หันมาคารวะอย่างร่าเริง
ก้อนขนขยับ แผ่ตัวออก เปิดดวงตาสีดำขนาดใหญ่คู่หนึ่ง หันมาแยกเขี้ยวให้เยี่ยนจ้าวเกอ มองไปดูทึมทื่อ
เยี่ยนจ้าเวกอเคาะศีรษะพ่านพ่านเบาๆ กล่าวว่า “ให้มารดามาเถอะ ที่นี่นางดูแลจึงค่อยเรียบร้อย”
ปัจจุบันถ้าต้องการหาคนที่สามารถงัดข้อกับเยี่ยนจ้าวเกอในระดับค่ายกลบนบนฟ้าเหนือฟ้าได้ ก็มีแค่เสวี่ยชูชิงผู้เป็นมารดาอย่างมิต้องสงสัย
หลายปีมานี้ ฟ้าเหนือฟ้ามีการพัฒนาอย่างยิ่งยวดในทุกๆ ด้าน ระดับค่ายกลถูกยกระดับอย่างต่อเนื่อง ดำเนินรอยตามก่อนมหาภัยพิบัติ มิอาจไม่พูดถึงความดีความชอบของเสวี่ยชูชิง
นางที่ได้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว เมื่อเฝ้าตำหนักโอสถ ปกป้องแกนค่ายกลของฟ้าเหนือฟ้าไปจนถึงจักรวาลฟ้าฟื้น ทำได้คล่องกว่าก่อนหน้า
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอร่างจริงกับร่างแยกต้องออกไปด้านนอก ย่อมต้องให้เสวี่ยชูชิงมาเฝ้าค่ายกลในตำหนักโอสถ จึงทำให้เขาวางใจได้
“ข้าจะไปแจ้งนายหญิงเอง” เสี่ยวอ้ายตอบอย่างเบิกบาน
ตอนนี้นางยังรับหน้าที่อยู่ในตึกความลับฟ้า ทำงานอย่างกระตือรือร้น
ตอนนี้กิจการของตึกความลับฟ้ากระจายไปทั่วฟ้าเหนือฟ้า ของวิเศษแต่ละอย่างที่ผลิตขึ้นมาซึมซับสู่จิตใจคน ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ มีอิทธิพลต่อฟ้าเหนือฟ้าทีละนิดๆ สองฝ่ายใกล้ชิดกันจนมิอาจแบ่งแยก
สำหรับขุมกำลังจำนวนมากในฟ้าเหนือฟ้าแล้ว ความสูงต่ำของระดับคุณสมบัติสมาชิกในฟ้าเหนือฟ้า มักแสดงถึงความสูงต่ำของตำแหน่งและความแข็งแกร่งอ่อนของพวกเขาบนฟ้าเหนือฟ้า
แม่นางเยี่ยนเสี่ยวอ้ายที่เป็นเถ้าแก่ใหญ่บนฟ้าเหนือฟ้าก็ขึ้นสู่สะพานเซียนแตกแรกแล้ว
นางเดิมทีมีพรสวรรค์ด้านมรรคายุทธ์สูงส่งสุดขีด เพียงแต่นิสัยเกียจคร้านไปบ้าง ซ้ำยังมีงานอดิเรกกว้างขวาง ได้รับอิทธิพลจากเสวี่ยชูชิง จึงชอบศึกษาค่ายกล
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เสี่ยวอ้ายก็เพิ่งจะเลื่อนสู่ระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดมาไม่นาน แม้จะช้ากว่าพวกอาหู่ แต่ก็มากพอที่จะเรียกว่าไม่ธรรมดาได้แล้ว
สองสามวันมานี้นางมีธุระที่เขากว่างเฉิงพอดี ดังนั้นตอนนี้จึงอยู่บนเขา
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมติดต่อเสวี่ยชูชิงได้ แต่ว่าเสี่ยวอ้ายชอบหน้าที่นี่มาก แม้ดูเล็กน้อยไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง แต่นางกลับเพลิดเพลินยิ่ง
หุบเขาเจิดจรัสที่เสวี่ยชูชิงปกครอง หลายปีมานี้ก็โดดเด่นขึ้น ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีจำนวนคนน้อยแล้ว
ซูอวิ๋น เสินหนงแม่ลูกกลายเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว
ร่างแหล่งกำเนิดของพวกนาง เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราณวิญญาณขาดแคลนก็ได้ประโยชน์จากความสามารถแต่กำเนิด แต่ในสภาพที่ปราณวิญญาณค่อนข้างเต็มเปี่ยมกลับมิได้แสดงความโดดเด่นเป็นพิเศษ
ทว่าฟ้าเหนือฟ้ามีปราณวิญญาณเต็มเปี่ยมขนาดไหน สภาพแวดล้อมโดดเด่นปานใด แม้นว่าจะไม่มีความได้เปรียบจากร่างแห่งแหล่งชีวิต สำหรับการฝึกฝนของพวกนาง ที่นี่ก็เป็นแดนสุขสันต์ที่เหนือกว่าโลกลอยน้ำ
ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆ ในพรรคกระเรียนหิมะที่ค่อนข้างมีพรสวรรค์ แต่กลับถูกความเปลี่ยวร้างของสภาพแวดล้อมบนโลกลอยน้ำจำกัดไว้ ยิ่งมีความหวังในการพุ่งทะยาน
นี่ย่อมรวมถึงคนอื่นๆ บนโลกลอยน้ำด้วย ขอแค่ตัวเองมีพรสวรรค์ ก็มีความหวังกับตัวเลือกสูงกว่าเดิม
จอมยุทธ์เลือดปีศาจนับว่าเป็นการสืบทอดที่กำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมบนโลกลอยน้ำ
ถ้าเป็นเพราะผลกระทบจากภายนอก ทำให้การสืบทอดของจอมยุทธ์เลือดปีศาจค่อยๆ สลายไป นั่นยังคงเป็นการตัดเลือดตามธรรมชาติ
สถานที่อย่างฟ้าเหนือฟ้ามีสัตว์ปีศาจและสัตว์วิญญาณระดับสูงอยู่มากกว่า เป็นเสียงสวรรค์สำหรับจอมยุทธ์เลือดปีศาจซึ่งเป็นกระแสหลักบนโลกลอยน้ำเช่นกัน
พวกเขาต่างกำลังค่อยๆ ขยับขยายหุบเขาเจิดจรัส
ปัจจุบันหุบเขาเจิดจรัสมีพวกซูอวิ๋นเป็นผู้ดูแล เสวี่ยชูชิงไม่ห่วง
พอได้รับข่าวจากเสวี่ยอ้าย นางก็มาเขากว่างเฉิงทันที
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอพบกับมารดา รวมตัวกับสวีเฟยที่จัดการภารกิจในสำนัก ทุกคนก็ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ผละจากจักรวาลฟ้าฟื้น