ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1555 น้ำใจในอดีตหมดไปนานแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมมองรอบๆ สุดท้ายมองไปยังที่ไกลตามแนวเทือกเขา
“ไปที่ปลายเทือกเขา ดูว่าส่วนหัวของงูยังมีอยู่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอว่า เดินตามแนวเขา พวกสวีเฟยติดตาม
ปราณมารที่เดิมทีเก็บแฝงอยู่ด้านในเริ่มทะลักออกด้านนอกหลังจากที่เขตมารแห่งนี้ถูกเปิด
ปราณมารด้านในเขตมารค่อยๆ จางลงด้วยความเร็วที่เชื่องช้าหากแต่มิอาจย้อนกลับ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอยังคงแข่งกับเวลา ปราณมารแห่งนี้ทะลักออกด้านนอก หมายถึงว่าถูกคนอื่นๆ ค้นพบได้ง่าย
มีปราณมารก่อกวน ยอดฝีมือระดับมหาชาลและสุญญตาต่อให้อยู่ไกลมากก็อาจสัมผัสได้
“ตรงนั้น…” ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกบนไหล่ขวามีแสงสีทองกะพริบ สองตามยามนี้สว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์สีทองสองดวง
แสงสีทองส่องระยิบระยับ สายฟ้าสีเลือดพากันสงบลง หมอกดำเริ่มกระจายออก
ไกลออกไป กระโหลกอันมหึมาของมารงูตนนี้ปรากฏสภาพหันศีรษะมองดวงจันทร์ สูงชะลูดและมหึมาราวกับยอดเขาหลักบนเทือกเขา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก้มหน้า แสงสีทองบนตราอาคมที่ไหล่ขวาพุ่งขึ้นฟ้า แสดงกายทองมหาเทวะ เดินไปด้านหน้า ใช้สองมือแยกกันจับกรามบนและกรามล่างขนาดมหึมาของกระโหลกมารงูตนนี้
จากนั้นวานรทองออกแรงสองแขน ปากใหญ่ของมารงูถูกแยกออก
ในปากงูนั้นพลันมีหมอกควันสีดำเข้มที่แทรกด้วยริ้วสีแดงพวยพุ่งออกมา
กายทองมหาเทวะถูกหมอกมารที่ถูกหมอกที่สะสมมาเกรงว่าเกือบหมื่นปีคลุมจนวิงเวียศีรษะอยู่บ้าง สะบัดหัว บนร่างเปล่งแสงสีทอง ขนคว่ำลง ค่อยชะล้างสีดำบนร่างออกไป
พวกเยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้ามองไปด้านใน ยังคงเป็นสีดำสนิทแถบหนึ่ง
“สั่ง!” หลังจากสำรวจครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบยันต์กระดาษที่ตอนแรกติดอยู่บนกระบี่ลวงเซียนออกมา จุดไฟเผามัน ก่อนจะโยนเข้าไปในปากงู
บนยันต์อาคมมีเปลวเพลิงสีเขียวจางๆ ลุกไหม้ เหมือนกับเรือแจวลอยอยู่กลางมหาสมุทรในยามราตรี เลี้ยวลดวกวน ลอยไปมา
ทันใดนั้น เพลิงสีเขียวจุดนี้ก็ล่องลอยต่อเนื่อง หากแต่หยุดนิ่งกลางความมืด
จากนั้นเพลิงสีเขียวเริ่มยื่นไปรอบๆ เปลี่ยนความมืดใกล้ๆ กลายเป็นแสงสีเขียว
ทุกคนเพ่งตามองไป เห็นภายใต้แสงไฟสีเขียวห่อหุ้ม สิ่งที่ลุกไหม้ในตอนนี้ไม่มีเพียงยันต์กระดาษนั้น ยังมีวัตถุอย่างอื่น
“ขึ้น!” เยี่ยนจ้าวเกอกวักมือ เก็บเปลวเพลิงสีเขียวที่ขยายใหญ่นั้นขึ้นมา
ขณะมองวัตถุที่ถูกแสงสีเขียวครอบคลุมนั้น เยี่ยนจ้าวเกอกับสวียเฟยถอนใจเบาๆ พร้อมกัน
นั่นเป็นแขนข้างหนึ่ง ถูกฟันเสมอศอก
“แขนซ้ายของบูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างเสียดาย
สวีเฟยพยักหน้าเงียบๆ “สองฝ่ายสู้กัน บูรพาจารย์เทวกษัตริย์กวางเฉิงได้รับบาดเจ็บเพราะจอมมารตนนี้ ตอนนั้นจอมมารถูกเทวกษัริย์กว่างเฉิงถือกระบี่ลงทัณฑ์เซียนสังหาร”
แขนที่ถูกฟันขาดนั้น ผิวเป็นสีดำสนิท ภายใต้การลุกไหม้ของเปลวเพลิงสีเขียว สีดำค่อยๆ ถดถอยไป
จากนั้น แสงวิเศษแวววาวก็สว่างขึ้นบนแขนข้างซ้ายของเทวกษัตริย์ท่อนนี้
“ล้วนเป็นระดับมหาชาล แต่ว่าจอมมารตายแล้ว มิอาจหลอมเปลี่ยนแขนข้างนี้ได้” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “มหาชาลร่างไม่เสื่อมสลาย เวลาผ่านไปหลายปีขนาดนี้ แขนขาดข้างนี้ยังคงมีสภาพสมบูรณ์”
“จอมมารตายลงที่นี่ นพยมโลกถึงกับหาไม่เจอหรือ?” สวีเฟยพยักนห้าพลางกล่าว “ผ่านไปหลายปี หรือว่าจะไม่เคยสนใจ?”
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกายเล็กน้อย กล่าวพลางใคร่ครวญ “อย่างน้อยมารสวรรค์ไร้พันธนากับมารจิตแรกเริ่มสมควรยังมีความเป็นไปได้ที่จะหาเจอ แต่ถ้าหากว่ามีแผนการพิเศษ เมื่อครู่ตอนพวกเราหยิบแขนข้างนี้ขึ้นมา สมควรมีการเคลื่อนไหวแล้ว”
“ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ยังไม่นับว่านพยมโลกไม่มีการเตรียมตัวจริงๆ หรือเป็นเพราะสาเหตุบางอย่างจึงไม่ได้เคลื่อนไหว ดูเหมือนแม้มีการเตรียมการก็มิได้เล็งพวกเราไว้”
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเบาๆ “ราตรีนานฝันมาก พวกเราออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน บูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงกับกระบี่ลงทัณฑ์เซียนไม่อยู่ พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่”
“มิผิด” สวีเฟยพยักหน้า
ทุกคนบินไปด้านนอกเขตมารทันที กระดูกที่ใหญ่ราวภูเขานั้นเล็กลงด้วยความเร็วสูง
มาได้กลางทาง เยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยพลันจิตใจต่างหนักอึ้ง
‘มีคนอื่นๆ มาถึงที่นี่ กำลังต่อสู้กับผู้อาวุโสเกา!’
ความคิดกำลังทำงานถึงตรงนี้ ประกายกระบี่สีแดงก่ำตรงหน้าก็พาดขวางส่องแสง ทะลักเข้ามาจากด้านนอกเขตมาร ฟันชายแดนเขตมารอันมืดมิดทั้ง
เขตมารที่เกิดขึ้นจากซากศพของเทพมารงูตนนั้นเปิดออกเป็นช่องว่างอันมหึมาอย่างฉับพลัน
เกาชิงเสวียนควบคุมกระบี่ลวงเซียน กลายเป็นแสงสว่างสีแดงก่ำสายหนึ่ง พุ่งมาทางพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ด้านหลังของนาง จากความว่างเปล่ากลางจักรวาลในโลกภายนอก มีปราณปีศาจอันยิ่งใหญ่ไหลเชี่ยว ตัวตนที่แข็งแกร่งสุดขีดมาถึงที่นี่!
ขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอยังเห็นว่า ในเมฆดำลมปีศาจทั่วฟ้ามีบัวเขียวดอกหนึ่งเดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่ ตะเกียงเขียวสว่างขึ้นบนบัวเขียว ประกายกระบี่เย็นเยียบ
“บุตรกระบี่หกวิถี ฉวีซู…” เยี่ยนจ้าวเกอกระจ่างแจ้ง
ด้านข้างเขา นอกจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแล้ว สวีเฟยตบศีรษะพ่านพ่าน จากนั้นก็โน้มตัว ตราอาคมบนไหล่ขวาสาดแสงสีทองเจิดจ้า ผนึกตัวกลายเป็นเงาแสงของวานรยักษ์
ท่าทางเกียจครานเมื่อก่อนหน้าของพ่านพ่านหายไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้าย คำรามคำหนึ่ง แสดงกายทองมหาเทวะ
กายทองมหาเทวะลอยขึ้นจากพื้น ปราณปีศาจที่น่ากลัวและบ้าคลั่งไม่หลีกหนีลมปีศาจสองสายตรงหน้า
ภายใต้การสาดแสงจากากยทองมหาเทวะ เงาร่างของฉวีซูบนบัวขาวเปลี่ยนเป็นประจ่างชัดมองเห็นได้ ลมปีศาจสองกลุ่มนั้นค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่าง
เห็นบนบัวหนึ่งเขียวหนึ่งเหลืองสองกลุ่มแยกกันยืนไว้ด้วยเงารางสูงใหญ่สายหนึ่ง ทั่วร่างมีปราณปีศาจวนเวียน เหมือนกับพายุ
บนเมฆเขียวด้านซ้าย ยืนไว้ด้วยชายฉกรรจ์หน้าอสูรร่างมนุษย์ บนร่างมนุษย์ที่สูงใหญ่ เป็นศีรษะสิงโตใบหนึ่ง ขนสีเขียวเกาะรอบคอ ดุร้ายสุดขีด
บนเมฆเหลืองด้านขวา ยืนไว้ด้วยชายฉกรรจ์ที่ร่างกายมหึมากว่า ร่างเป็นคน ศีรษะกลับเป็นช้าง งวงใหญ่ยาวม้วนครึ่งหนึ่ง ข้างปากมีงาเหลืองที่หยาบหยาวเหมือนเสาหกกิ่งยื่นโค้งออกมา
จอมปีศาจสองตนยืนที่นั่น เกิดเป็นความรู้สึกบดบังท้องฟ้าและดวงตะวัน จักรวาลรอบๆ เหมือนถูกเหยียบย่ำ
ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีตรัสรู้แสงพุทธ พรสวรรค์เหนือคน สำเร็จพุทธะเส้นทางนอกรีต ขีดความสามารถไม่ด้อยกว่าเส้นทางหลัก ตอนนี้ยืนอยู่ด้านข้างจอมปีศาจสองตน สภาวะไม่อ่อนแอลง แต่ว่ารากฐานเบาบาง
พอเห็นรูปร่างของจอมปีศาจสองตนนั้นชัด ม่านตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็หดลงเล็กน้อย
เกาชิงเสวียนหยุดประกายกระบี่ลวงเซียน ปรากฏตัวขึ้น มองจอมปีศาจสองตนนั้น สีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
“เป็นเซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณ ผู้อาวุโสทั้งสองแห่งสายเหนือพิสุทธิ์อยู่ตรงหน้าหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างแช่มช้า
“เรื่องราวในอดีตพูดมากก็เปล่าประโยชน์ มิได้มาเอาเรื่องผู้เยาว์อย่างพวกเจ้า” จอมปีศาจที่เหมือนกับสิงโตขนเขียวตนนั้นอ้าปากพูด “ทิ้งกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับลวงเซียนไว้เสีย จะไม่สร้างปัญหาให้พวกเจ้า สามารถไปได้ นับว่าเป็นน้ำใจเก่าก่อนสุดท้าย”
เยี่ยนจ้าวเกอพอฟังก็เลิกคิ้วขึ้น
เกาชิงเสวียนที่อยู่ด้านข้างถาม “พวกท่านสองคนในตอนนี้กลับเผ่าปีสาจโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่คิดสืบทอดมรรคาแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ หากต้องการช่วงชิงของวิเศษแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ของพวกเราหรือ?”
ช้างงาเหลืองชูงวงขึ้น “หลังการสถาปนาเทพในยุคโบราณตอนต้น เทวกษัตริย์รัตนวิเศษ เทวกษัตริย์บรรพกำเนิด และเทวกษัตริย์เต๋ารวมเป็นร่างเดียวหลุดพ้นไป ปล่อยให้พวกเราถูกเหวินซู่กับผู่เสี่ยน แห่งหยกพิสุทธิ์จับเป็นพาหนะ ได้รับความอับอาย น้ำใจกับสำนักเต๋าสมควรชดใช้หมดไปแต่ต้นแล้ว!”