ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1560 กระทำขัดสามัญสำนึก
เซียนหัวมังกรได้ยินวาจานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง “…อู๋ตัง?”
เกาชิงเสวียนเป็นผู้สืบทอดเหนือพิสุทธิ์ ระดับเซียนกำเนิดสุญญตา มีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นๆ พลังเลิศล้ำ
คนที่เหมาะจะควบคุมกระบี่ลงทัณฑ์เซียนและกระบี่ลวงเซียนยิ่งกว่านาง ชื่อชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจของเซียนหัวมังกรทันที
เจ้าแม่อู๋ตัง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสายเหนือพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋าซึ่งตอนนี้ทราบว่ายังแข็งแรงและมีชีวิตอยู่ ผู้สืบทอดของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ และสำเร็จมรรควิถีกลายเป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลในยุคโบราณตอนต้น
เกาชิงเสวียนเป็นผู้สืบทอดของเจ้าแม่อู๋ตัง
ตอนเยี่ยนจ้าวเกอตามหากระบี่ลวงเซียน ได้ขอให้เจ้าแม่อู๋ตังกระจายข่าวลวงเกี่ยวข้องกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอด ดึงดูดความสนใจของขุมกำลังอื่นๆ
เมื่อเจ้าแม่อู๋ตังที่เป็นเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาล และผู้คุมหางเสือสายเหนือพิสุทธิ์ในยุคปัจจุบันมีการเคลื่อนไหว ย่อมดึงดูดความสนใจของโถงเซียน แดนสุขาวดีบัวขาว ไปจนตลอดเผ่าปีศาจและแดนสุขาวดีตะวันตก
พอเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะทราบว่ากระบี่ลวงเซียนยังอยู่ เจ้าแม่อู๋ตังก็มิอาจตามหาด้วยตัวเอง ไม่งั้นคงถูกคนรุมขัดขวาง
เจ้าแม่อู๋ตังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริง ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเยี่ยนจ้าวเกอ ใช้ระดับมหาชาลของนางช่วยอำพรางให้แก่พวกเยี่ยนจ้าวเกอ สุดท้ายทำให้พวกเขาไปตามหากระบี่ลวงเซียนได้สะดวก ทั้งยังนำกระบี่กลับมาเป็นผลสำเร็จ
การตามหากระบี่ในครั้งนี้ สำนักเต๋าเลือกใช้วิธีการขัดกับหลักเหตุผลเมื่อเปรียบเทียบกับครั้งก่อน
ครั้งแรกไม่เจอกระบี่ กลับเจอแขนของกว่างเฉิงจื่อ ผลลัพธ์ถูกเซียนหัวมังกร เซียนงาวิญญาณ กับฉวีซูขัดขวาง หลังโจมตีอีกฝ่ายถอยไปได้ เยี่ยนจ้าวเกอก็เปลี่ยนแผนการ
ครั้งนี้พวกเขาเป็นนกต่อ จากนั้นติดต่อเจ้าแม่อู๋ตังลงมือ
เจ้าแม่อู๋ตังจึงเป็นคนที่หากระบี่ลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้อย่างแท้จริง
“นะโมอมิตาพุทธ” อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะเปล่งคำสรรเสริญคุณ เอ่ยว่า “ประสกเยี่ยนฝีมือยอดเยี่ยม แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการเตรียมตัว สามารถหลอกลวงคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ ช่างน่าเลื่อมใสจริงๆ”
ท่านมองเยี่ยนจ้าวเกอ ส่ายหน้าเบาๆ “บางทีอาจเป็นเพราะว่าในใจของพวกอาตมา โยมและกายทองมหาเทวะสามร่างมีการคุกคามเหนือกว่าเซียนสวรรค์สำนักเต๋าคนอื่นๆ ไปแล้ว”
มิใช่การคุกคามจากศักยภาพและอนาคต แต่เป็นอิทธิพลและความสำคัญอย่างแท้จริงซึ่งมีอยู่แล้วในตอนนี้
อย่างน้อยผลกระทบที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นมาได้ในเรื่องการตามหาสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน ก็มีมากกว่าเจ้าแม่อู๋ตังอย่างมิต้องสงสัย
ตอนที่ตามหากระบี่ลวงเซียน การใช้พิธีกรรมเป็นครั้งแรกของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้คนอื่นๆ รับมือไม่ทัน
และเป็นเพราะแบบนี้ พวกหวังก่วนและฉวีซูในตอนนั้นจึงเสียท่าเพราะจำนวนคนไม่พอ
หลังจากนั้นมา คนอื่นๆ ก็รู้สึกได้ว่าสำนักเต๋ามีแผนการ สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือมีความสามารถในการตามหาสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน เพื่อทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอันน่ากลัวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ส่วนสำคัญในนี้ก็คือเยี่ยนจ้าวเกอ
ดังนั้นครั้งนี้พอมีการเคลื่อนไหว แม้ว่าพุทธปลอมกับเต๋าปลอม และพุทธเกษตรตะวันตกกับเผ่าปีศาจจะยังสู้กันอยู่ง แต่ก็แบ่งคนจำนวนหนึ่งมาตามหากระบี่ได้ทันกาล
สุดท้าย ครั้งนี้กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอเป็นตัวล่อในการดึงดูดความสนใจของพวกเขา
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะกล่าวอย่างแช่มช้า “แต่เป็นเพราะแบบนี้ ถึงแม้จะสูญเสียกระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป แต่ถ้าหากจัดการโยมลงที่นี่ได้ ผลลัพธ์ยังคงประเสริฐอยู่ดี”
“อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะชมเกินไปแล้ว ข้าผู้แซ่เยี่ยนได้รับความเมตาที่คาดไม่ถึงจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่บนหัวไหล่ของวานรยักษ์ที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแปลงขึ้น กวาดมองรอบๆ
เซียนหัวมังกรกล่าวเสียงเย็น “เด็กน้อยอย่าได้ใจไป จัดการเจ้าก่อน พวกเราค่อยพูดถึงเรื่องอื่น”
เขาพูดพลางส่ายร่างเปลี่ยนแปลง ปรากฏลักษณะดุร้ายของสิงโตเขียวที่กลืนฟ้ากินดิน ก่อนจะอ้าปากกว้าง ขย้ำพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
“หลายปีมานี้เส้นทางนอกรีตพัฒนารวดเร็วไปแล้ว จัดการพวกเขาก่อน จากนั้นค่อยคุยเรื่องของพวกเราเป็นอย่างไร?” อินเจียวที่อยู่ด้านข้างพูดกับฉวีซูและจอมปีศาจอีกสองตน
“มีความคิดนี้อยู่พอดี!” เซียนงาวิญญาณส่งเสียงร้อง แสดงร่างช้างเผือกหกงา กระทืบเท้าลงด้านล่าง
จอมปีศาจถือสามง่าม ที่แม้จะมีศีรษะเป็นกวางตาเป็นหนู ทว่าสภาวะกลับน่าเกรงขามถึงขีดสุด มองอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะอย่างเย็นชา ถือสามง่ามพุ่งเข้าไปหาวานรยักษ์สามตนที่ถูกห้อมล้อม
เยี่ยนจ้าวเกอประกบสองฝ่ามือ แสงเพลิงที่ลุกไหม้กลายเป็นดาวตกอัคคี กระจายออกไปรอบๆ สภาวะน่าตกตะลึง
เขาถึงแม้จะเป็นทัพลวงที่ดึงดูดความสนในของศัตรู แต่ไม่คิดจะละทิ้งตัวหมาก ย่อมต้องเข่นฆ่าฝ่าวงล้อมออกไป
วานรยักษ์สามตัวร้องคำรามพร้อมกัน พุ่งสู่ฟากฟ้า
เยี่ยนจ้าวเกอให้กายทองมหาเทวะที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแปลงขึ้นคุ้มครอง จากนั้นทิ่มนิ้วใส่อากาศ เห็นปราณปฐมกำเนิดพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา
วานรปีศาจอ้าปากพ่นปราณก่อนกำเนิดสายนั้นออกมา แบ่งจากหนึ่งเป็นสามกลางความว่างเปล่า กลายเป็นปราณพิสุทธิ์สามสาย
อีกฝ่ายคนมากสภาวะเยอะกว่า กายทองมหาเทวะสามร่างแม้นว่าจะมีกระบองสารพัดนึกอยู่ในมือ ก็ยากจะมีเปรียบ
ทว่ากายทองมหาเทวะร่างจริงไม่เหมือนกัน
ตอนอยู่บนวังสวรรค์โถงเซียนมีแค่มืดเปล่าหมัดเปลือยก็อาละวาดไปทั่วโถงเซียนได้ ตอนนี้กระบองสารพัดนึกอยู่ในมือ มองข้ามความแตกต่างด้านจำนวนได้โดยสิ้นเชิง!
แต่ว่าพร้อมกับที่วานรปีศาจมีการเคลื่อนไหว พ่นปราณพิสุทธิ์ออกมา จอมปีศาจที่ถือสามง่ามตนนั้นกลับมีการเคลื่อนไหวเหมือนกัน
เห็นเขามองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อ้าปากสามปาก จากนั้นระบายลมหายใจออกมา แล้วเป่าออกไป
ทันใดนั้น กลางจักรวาลรอบๆ พลันเกิดลมกรรโชกสายหนึ่ง รอบๆ ตัวล้วนครอบคลุมอยู่ในสีเหลืองขมุกขมัวผืนหนึ่ง
สายลมแรงพัดแหวกเอกภพ ความว่างเปล่าอันเป็นนิรันดร์สั่นไหว
ปราณพิสุทธิ์สามสายที่วานรปีศาจพ่นออกมาพลันถูกจำกัดไว้ ไม่ทันกระทบถูกร่างกายทองมหาเทวะสองร่างที่เหลือ
ดุจดั่งเขาเทพโบราณถูกคนดึงขึ้นจากพื้น วานรขนาดมหึมาสามตัวล้วนถูกเป่าจนขาลอย ร่างซวนเซ ลืมตาไม่ขึ้น
แม้ว่าจะปักกระบองสารพัดนึกกับความว่างเปล่า กระบองสารพัดนึกไม่เคลื่อนไหว ทว่าวานรปีศรนสามตนยังตั้งหลักไม่ได้
ลมเหลืองกระจัดกระจาย ดวงดาวทั่วนภาขมุกขมัว แม้แต่สิงโตขนเขียวก็ไม่สะดวกกลืนกินคนแล้ว
เขาขัดใจอยู่บ้าง แต่ยามมองกายทองมหาเทวะสามร่าง ก็ยังหัวเราะเหอะๆ เย็นชา “ตอนนี้ดูเจ้ายังโอหังได้อีกหรือไม่?”
“มหาเทวะลมเหลือง ปีศาจลมเหลือง!” วานรปีศาจตะโกนขึ้น
มหาเทวะเผ่าปีศาจตนนั้นไม่ตอบคำ มือถือสามง่าม อ้าปากพ่นลมสมาธิออกมา
ลมของเขาแตกต่างจากควันไฟ
หากถูกควันไฟพัดเข้าตา พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟยสามารถใช้วารีสามแสงป้องกันได้
แต่ลมนี้กลับเป่าวารีสามแสงจนกระจัดกระจายได้
วารีศักดิ์สิทธิ์แม้นแข็งแกร่ง จำนวนกลับมีน้อยเกินไป สู้ลมของปีศาจลมเปลืองที่เป่าไม่หยุดมิได้
สิ่งที่จัดการยากก็คือ แม้จะป้องกันดวงตา กลับอาจถูกเป่าจนปราณก่อนกำเนิดนั้นกระจายออกไปได้
“ในเมื่อมาหาเจ้า ครั้งนี้จะต้องมีวิธีกำราบเจ้า” เซียนงาวิญญาณกล่าวด้วยรอยยิ้มได้ใจ
เขาลูบสะโพกที่บาดเจ็บ ในใจเกิดความอับอายและโมโห ยกหอกแทงมาทันที
เซียนหัวมังกร ฉวีซู อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ อินเจียวต่างก็จู่โจมเข้ามา
ปีศาจลมเหลืองหยุดลม มิได้เข้ามาลงมือ ยืนสะกดทัพให้แก่คนอื่นๆ อยู่รอบนอก
ขอแค่วานรปีศาจคิดใช้การเปลี่ยนแปลงของหนึ่งปราณสมพิสุทธิ์ ต้องการแสดงร่างที่แท้จริงของกายทองมหาเทวะ เขาก็จะเปล่าลมสมาธิออกมา หลังจากขัดขวางพวกเยี่ยนจ้าวเกอ อีกห้าคนก็ค่อยร่วมมือกันจู่โจมใหม่
เมื่อไม่มีลมเทพพัดใส่ตาอีก กายทองมหาเทวะสามร่างยังคงดุร้าย กระบองสารพัดนึกยังคงทำให้คู่ต่อสู้ต้องหลบหลีก
เพียงแต่ว่าเมื่อถูกปิดล้อมไว้หลายชั้น กลับมิอาจฝ่าวงล้อมได้